มู่หนานจือ – บทที่ 244 หาคนอื่น

มู่หนานจือ

หากเจ้าคิดว่าตระกูลจินแยกจากตระกูลเซ่าไม่ได้ และจำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยการขอร้องตระกูลเซ่า ข้าก็จะถือว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ และจะออกหน้าไปบอกท่านหญิง…

วาจานี้ราวกับตบหน้าจริงๆ!

แม้จะรู้ว่านี่เป็นวิธียั่วยุของหลี่เชียน แต่จินเซียวกลับจำเป็นต้องเข้าไปติดกับ

ใครจะอยากยอมรับต่อหน้าสหายว่าตนเองไม่มีแม้แต่ความสามารถในการจัดการตระกูล? ยังไม่ทันได้ลองก็ยอมแพ้! และจะเสียสละแม้แต่ความสุขของน้องสาว!

จินเซียวเห็นด้วยกับหลี่เชียน

ทว่าเขาก็ทำได้เพียงเห็นด้วยเท่านั้น

เขาคิดไม่ออกว่าวิธีไหนจะโน้มน้าวให้บิดาของเขาไม่เกี่ยวดองกับตระกูลเซ่าได้

ไม่อย่างนั้นเขาก็คัดค้านเรื่องที่จะให้น้องสาวแต่งงานกับเซ่าหยางไปตั้งนานแล้ว

คิดไปคิดมา เขาก็จำเป็นต้องยอมก้มศีรษะให้หลี่เชียน และเอ่ยว่า “เจ้ามีวิธีอะไร?”

“สามวิธี” หลี่เชียนเอ่ย “พ่อเจ้าอยากเกี่ยวดองกับตระกูลเซ่ามิใช่หรือ? จัดการแต่งงานที่เขาพอใจให้น้องสาวเจ้าใหม่ และเจ้าแต่งลูกสาวของตระกูลเซ่าคนหนึ่งเข้าตระกูล วิธีที่สองคือแยกทางกับตระกูลเซ่า และตระกูลของพวกเจ้าก็คิดหาทางบุกเบิกแหล่งเงินอื่น วิธีที่สาม ทำสองสิ่งพร้อมกัน ใช้การแต่งงานของเจ้าแลกน้องสาวเจ้าออกมาก่อน แล้วค่อยๆ วางแผน คิดหาทางบุกเบิกแหล่งเงินอื่นอีกที จนฐานะเท่าเทียมกันและต้านทานตระกูลเซ่าได้อย่างสูสี”

จินเซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซืออย่างอ่อนแรงเหมือนท้อแท้ “เจ้าพูดได้น่าฟัง! สามวิธีนี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยคิด แต่ใช้การแต่งงานของข้าแลกกับการแต่งงานของน้องสาวข้า เซ่าหยางไม่มีทางตกลงอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสในตระกูลเซ่าก็รักเซ่าหยางมาก เขามีวันนี้ ก็เพราะผู้อาวุโสในตระกูลเซ่าตามใจ ตอนนั้นข้าก็เคยเอ่ยกับท่านพ่อแล้ว แต่ไม่สำเร็จ ส่วนเรื่องบุกเบิกแหล่งเงินอื่นนั้น ตระกูลอย่างพวกเรายังจะทำอะไรได้? หรือว่าจะให้ข้าเฝ้าแผงขายขนมแป้งทอดอย่างนั้นหรือ? ต่อให้ข้าอยากขาย เงินที่หาได้ก็ต้องพอที่จะจุนเจือรายจ่ายของตระกูลจินเช่นกัน…”

หลี่เชียนมองจินเซียวอย่างดูถูกครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “ลูกหลานตระกูลขุนนางอย่างพวกเจ้านี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโตมาขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ละคนเหมือนเลี้ยงจนเสียคนหมด โง่เง่า มีแต่หน้าตาที่พอใช้ได้…”

“หลี่เชียน!” จินเซียวหาดาบมาต่อกรกับหลี่เชียน

“เจ้าว่าข้าเหมือนคนโง่หรือ?” หลี่เชียนเสียดสีเขาอย่างไม่ปราณีแม้แต่นิดเดียว “อีกไม่นานข้าก็จะแต่งงานแล้ว ให้สู้กับเจ้า? นอกเสียจากว่าข้าบ้าไปแล้ว ไม่ถูก ต่อให้ข้าบ้าไปแล้ว ก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้เช่นกัน เรื่องแบบนี้มีแต่เจ้าที่คิดออกมาได้”

จินเซียวโกรธหลี่เชียนจนไม่มีอารมณ์แล้ว เขาแบมือและนั่งอยู่ตรงนั้น “เจ้าบอกมาว่าทำอย่างไรเถอะ? ข้าจะฟังเจ้า” พอเอ่ยจบ ก็รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอเกินไปต่อหน้าหลี่เชียน จึงเอ่ยว่า “ถึงข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ท่านหญิงก็จะยุ่งอยู่ดี แทนที่ถึงเวลานั้นจะปล่อยให้พวกเจ้าสองคนทำให้เรื่องของตระกูลเรายุ่งเหยิงจนไม่สามารถจัดการได้ สู้ข้าอยู่กับพวกเจ้าดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะได้ดูเจ้าอยู่ข้างๆ” พอเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาก็ชะงักไป “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องสาวข้าดวงดีอะไร ถึงเจอท่านหญิง…”

คนเป็นพี่ชายอย่างเขาก็ยังสู้คนนอกคนหนึ่งไม่ได้!

จินเซียวรู้สึกเศร้าจากใจ และก้มหน้าลง

หลี่เชียนปล่อยให้เขาเศร้าอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงเอ่ยว่า “ตอนนั้นพ่อเจ้าให้เจ้าเข้าเมืองหลวงไปสู่ขอเจียหนาน เพราะอยากหากองหนุนที่มีความสามารถในเมืองหลวงใช่หรือไม่?”

จินเซียวได้ยินก็หน้าแดง และแอบสังเกตสีหน้าของหลี่เชียน

หลี่เชียนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และเอ่ยว่า “ตอนนี้เจียหนานเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้ายังจะหึงหวงเรื่องนี้อีกอย่างนั้นหรือ? หากจะหึงหวงจริงๆ ข้าว่าข้าต้องหึงหวงมากทีเดียว…ด้วยฐานะของเจียหนาน มีแต่คนที่นางไม่อยากแต่ง ไม่มีคนที่ไม่อยากแต่งกับนาง จ้าวเซี่ยว เจ้า เติ้งเฉิงลู่ คนไหนไม่ใช่ผู้ชายที่ดีแบบหาได้ยากมากบ้าง อีกอย่างหากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับเจียหนานอย่างราบรื่นแบบนี้เช่นกัน จะว่าไปเจ้ายังเป็นพ่อสื่อของพวกเราด้วย พวกเราช่วยน้องสาวเจ้า ก็ถือว่าเป็นของขวัญขอบคุณที่เป็นพ่อสื่อให้แล้ว!”

คำพูดของหลี่เชียนทำให้จินเซียวรู้สึกเสียใจ พร้อมกันกับนับถือหลี่เชียนมาก

นึกถึงตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ช่วยหลี่เชียนอย่างจริงใจเช่นกัน

เพียงแค่อยากทำให้จ้าวเซี่ยวโกรธเท่านั้น

พูดถึงเขาก็ยังรู้สึกผิดกับเจียหนาน

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ช่วยหลี่เชียนปิดบังร่องรอยของนาง ทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลเป็นห่วงมาก ก็ไม่ถูกต้อง

เขาคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นตัวเขาเอง เขาคงจะไม่ใจกว้างดังเช่นหลี่เชียน

ทันใดนั้นจินเซียวก็เข้าใจเล็กน้อยแล้วว่าทำไมตนเองถึงเป็นสหายกับหลี่เชียน

เขายิ้มพลางชกหลี่เชียนหมัดหนึ่ง และเอ่ยว่า “ขอบใจ!”

หลี่เชียนยิ้ม

พวกความคิดและข้อพิพาทเล็กน้อยก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในรอยยิ้มนี้เช่นกัน

หลี่เชียนเอ่ยว่า “เจ้าเกี่ยวดองกับตระกูลเซ่าแทนน้องสาวเจ้า เซ่าหยางไม่เห็นด้วย พ่อเจ้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพื่อไม่ให้ย่าเจ้าไม่พอใจ ถึงอย่างไรเขาก็เพียงแค่อยากเกี่ยวดองกับตระกูลเซ่าเท่านั้น ส่วนเจ้าจะเป็นคนแต่งหรือน้องสาวเจ้าจะเป็นคนแต่ง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น ดังนั้นหากพวกเราหาการแต่งงานที่ธรรมดาให้น้องสาวเจ้า พ่อเจ้าจะไม่อกตัญญูต่อย่าเจ้าอย่างแน่นอน แต่หากพวกเราให้น้องสาวเจ้าแต่งเข้าไปในตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจของเมืองหลวงล่ะ?”

จินเซียวเข้าใจในทันใด เขานั่งตัวตรงทันที และเอ่ยว่า “ทำไมข้าถึงคิดไม่ถึง?” ทว่าไม่นานสายตาของเขาก็มืดมนลงไปอีกครั้ง และฝืนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องแต่งงานของข้าเองยังจนปัญญา แล้วจะหาตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจของเมืองหลวงให้น้องสาวข้าได้อย่างไร…”

“เรื่องนี้ก็ต้องขอให้ท่านหญิงช่วยแล้ว” หลี่เชียนโยนบุญคุณนี้ไปให้เจียงเซี่ยน

จินเซียวยกนิ้วหัวแม่มือให้หลี่เชียน “เจ้าเก่งมาก ท่านหญิงยังไม่แต่งเข้ามา เจ้าก็กล้าสั่งนางแล้ว!”

“พูดจาเหลวไหลให้มันน้อยๆ หน่อย” หลี่เชียนยิ้มพลางด่าว่า “เรื่องนี้ท่านหญิงเป็นคนเอ่ยขึ้นมา ไม่อย่างนั้นข้าจะไปยุ่งเรื่องน้องสาวเจ้าได้อย่างไร!”

จินเซียวหัวเราะ และเริ่มรู้สึกว่าหลี่เชียนไว้ใจได้แล้ว “เจ้าว่าต่อสิ?”

“พวกเราจัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน” หลี่เชียนเอ่ย รอยยิ้มเลือนหายไปเล็กน้อย สายตาก็เปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้น “ส่วนเรื่องบุกเบิกแหล่งเงินอื่นนั้น ยังมีการค้าขายอะไรที่หาเงินได้มากกว่าการขนส่งเกลือและใบชาไปนอกด่านอีกหรือ”

จินเซียวพยักหน้า และฟังหลี่เชียนพูดอย่างอดทน

“ตระกูลเซ่ากล้าเก็บสี่ในสิบ ประการแรกเป็นเพราะพวกเขาคือกองบัญชาการอวี๋หลิน และเป็นตัวแทนทางการ ประการที่สองเป็นเพราะกองทัพของพวกเขาพร้อมไปด้วยความสามารถในการสู้รบ ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบพวกเขาได้” หลี่เชียนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “หากมีคนไม่กลัวฐานะขุนนางของพวกเขา และมีความสามารถในการต่อต้านพวกเขาล่ะ?”

“หมายความว่าอย่างไร?!” จินเซียวหัวใจเต้นตึกตัก ร่างกายโน้มไปทางหลี่เชียน

หลี่เชียนมองจินเซียว นัยน์ตาสีดำสนิทสงบนิ่งและมืดมน ใบหน้าที่หล่อเหลาเผยไอสังหารที่เย็นชาและโหดเหี้ยมออกมา คนหนุ่มที่เมื่อครู่ยังพูดคุย หัวเราะ และล้อเล่นเหมือนกลายเป็นอสูรที่ดุร้ายในทันใด

เขาอดที่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวไม่ได้

หลี่เชียนเอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าคิดว่าจะก่อตั้งกลุ่มคาราวานพ่อค้าอย่างลับๆ เข้าออกทางด่านอวี๋หลิน ส่งเกลือกับใบชาในด่านไปยังนอกด่าน และส่งม้ากับพลอยขี้นกการเวกนอกด่านมายังในด่าน ประการแรกจะได้หาเงินมาใช้จ่ายสักหน่อย ประการที่สองจะได้ฉวยโอกาสฝึกทหาร พวกคนของกองบัญชาการซานซีจะได้ไม่นอกจากกินแล้วก็ดื่ม อยากจับขโมยสักคนก็ไม่มีคนที่ใช้งานได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

จินเซียวเข้าใจแล้ว

หลี่เชียนกำลังจะทำสิ่งที่อันตรายมาก ปะทะกับตระกูลเซ่าอย่างรุนแรง!

เจ้าทำได้หรือ?

ใจเขาก็อยากถาม ทว่าพอเขาเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของหลี่เชียนก็กลืนคำพูดที่มาถึงใกล้ปากแล้วลงไปอีก เขาสูดหายใจลึก ทำให้ตนเองจิตใจสงบลง แล้วตอบอย่างรวดเร็วว่า “ทำเลย!”

โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนัก คนแบบนี้ก็ไม่ได้เจอบ่อยเช่นกัน

และโอกาสก็มักจะมาพร้อมกับอันตรายเสมอ

เขาไม่สามารถเป็นสามีของท่านหญิงเจียหนานได้ แล้วเขายังไม่มีความกล้าที่จะหาเงินกับหลี่เชียนอีกอย่างนั้นหรือ?

“เช่นนั้นพวกเราก็ตกลงตามนี้!” จินเซียวเอ่ยเน้นว่า “ข้าควรทำอะไรบ้าง เจ้าบอกมาได้เลย!”

ในดวงตาของหลี่เชียนปรากฏรอยยิ้มอย่างเบาบาง

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท