มู่หนานจือ – บทที่ 247 ทะเลาะ

มู่หนานจือ

“อะไร?” เจียงเซี่ยนถามอย่างคลุมเครือ ทว่าก็ไม่ปฏิเสธ และกลืนสิ่งที่หลี่เชียนยัดให้นางลงไป

หวานๆ เปรี้ยวๆ เย็นสบายและสดชื่นมาก

“ลูกอมรสส้มออกใหม่ของร้านเสว่เทาแห่งเจียงหนาน ข้าเคยชิมแล้ว ไม่หวานมาก” หลี่เชียนเอ่ยพลางยิ้มตาหยี และยื่นกล่องดีบุกวาดลายดอกชาภูเขาสีขาวให้เจียงเซี่ยน “ข้าซื้อตอนที่กลับไปไท่หยวนก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีโอกาสให้เจ้าสักที”

เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม

หลี่เชียนถึงออกไปจากกองบัญชาการต้าถง

เจียงเซี่ยนเอาลูกอมไปให้ฮูหยินฝางกิน

ฮูหยินฝางยิ้มและเอ่ยว่า “ลูกเขยให้หรือ”

เจียงเซี่ยนพยักหน้าด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ฮูหยินฝางเรียกเจียงลวี่มากินลูกอมอย่างอารมณ์ดี

เจียงลวี่เข้ามาใกล้ และพบว่าบนตัวเจียงเซี่ยนมีกลิ่นดอกอวี้หลาน

เขาอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เจ้าเพิ่งเปลี่ยนเครื่องหอมหรือ?”

“เปล่า!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “หลี่เชียนมอบลูกบอลหลิงหลงที่บรรจุดอกอวี้หลานสดให้ข้า…”

บนหน้าของเจียงลวี่ก็มีรอยยิ้มทันที และชมหลี่เชียนว่า “ลูกเขยคนนี้เลือกได้ไม่เลวทีเดียว เจ้าให้เขาตั้งใจทำงานอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพ่อเขาสักสองสามปี เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการ และคุณสมบัติกับประสบการณ์ของเขาก็ปะปนกันพอสมควรแล้ว ค่อยส่งไปเป็นขุนนางที่กองบัญชาการกำลังสำรองส่านซีหรือซานตง เขาก็สามารถรับช่วงต่อตำแหน่งของพ่อเขาได้แล้ว…”

เจียงเซี่ยนมองเขาอย่างดูถูก และเอ่ยว่า “ท่านคิดว่าท่านเป็นคนของกองขุนนางฝ่ายบู๊ของกรมกลาโหมหรือ?!”

“คนของกองขุนนางฝ่ายบู๊แล้วอย่างไร?” เจียงลวี่เอ่ยอย่างไม่สนใจแม้แต่นิดเดียวว่า “หากเขาไม่เชื่อฟัง ก็เปลี่ยนให้คนอื่นมาทำ ย่อมมีช่วงที่ทำงานตามคำสั่งของคนอื่น เจ้าก็อยู่ที่ซานซีกับเขาดีๆ มีลูกหลายๆ คน เวลาว่างก็ออกไปเดินเล่น ดื่มชา ซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือเครื่องประดับใหม่สักหน่อยก็พอแล้ว ไว้อีกไม่กี่ปีฝ่าบาทมีองค์ชายแล้ว ข้าค่อยคิดหาทางให้พวกเจ้ากลับไปเมืองหลวง…”

หากหลี่เชียนแสวงหาเพียงความมั่งคั่ง นางยังจะมีอะไรให้กังวลอีก

กลัวแต่ว่าหลี่เชียนจะเป็นคนคิดคดทรยศมาตั้งแต่เกิด พอว่างแล้วก็ก่อความวุ่นวาย…

เจียงเซี่ยนค่อยๆ กินลูกอม พลางรู้สึกว่าพี่ชายของนางว่างเกินไปแล้วจริงๆ ยังมีเวลาว่างมายุ่งเรื่องของนางกับหลี่เชียนอีก

“ท่านป้า รีบหาภรรยาเป็นตัวเป็นตนให้ท่านพี่สักคนเถอะเจ้าค่ะ!” นางเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้าแต่งงานแล้ว หากท่านพี่ยังไม่แต่งงาน คนอื่นจะนินทาได้”

เจียงลวี่อายจนหน้าแดงก่ำทั้งหน้า และจากไปอย่างลนลาน

เจียงเซี่ยนหัวเราะเสียงดัง

ฮูหยินฝางจิ้มหน้าผากของเจียงเซี่ยน “เจ้านี่นะ! เมื่อไรถึงจะโต! กล้าล้อเล่นแม้กระทั่งพี่ใหญ่ของเจ้า! ไว้เขาแต่งพี่สะใภ้แล้ว ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะยังซนแบบนี้หรือไม่?”

เจียงเซี่ยนชอบคนสกุลอู๋มาก นางหวังว่าชาตินี้คนสกุลอู๋จะยังได้เป็นพี่สะใภ้ของนาง

เพราะนาง เรื่องราวมากมายในชาติก่อนต่างก็เปลี่ยนไปแล้ว

นางต้องเตือนลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ของนางสักหน่อยหรือไม่

สตรีที่ดีขนาดนี้ไม่แต่งงานกับพี่ใหญ่ของนางก็น่าเสียดายมากทีเดียว

นางเท้าคางพลางครุ่นคิด

ทว่าฮูหยินฝางกลับเอ่ยว่า “เป่าหนิง ลูกเขยมาหาเจ้าเรื่องอะไรหรือ? เขาบอกแต่ว่าเจ้ามีธุระกับเขา แต่กลับไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ข้าก็ไม่อาจถามได้เช่นกัน…”

พอเจียงเซี่ยนได้ยินก็มานั่งข้างกายฮูหยินฝางทันที นางกอดแขนของฮูหยินฝางพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “พูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังต้องขอให้ท่านช่วยด้วย!”

“อ้อ!” ฮูหยินฝางเลิกคิ้ว และเอ่ยเสียงเบาเลียนแบบการพูดของเจียงเซี่ยนว่า “เรื่องอะไรล่ะ? ข้าช่วยได้หรือ?”

เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าฮูหยินฝางจะสนใจขนาดนี้

นางเม้มปากยิ้ม ไม่บอกว่ามีเรื่องอะไรกันแน่

ถึงอย่างไรฮูหยินฝางก็เป็นฮูหยินกั๋วกงมานานขนาดนี้แล้ว จึงรู้ลำดับความสำคัญและความด่วนของเรื่องราว นางสั่งให้สาวใช้ข้างกายออกไป แล้วถึงยิ้มพลางมองเจียงเซี่ยนและเอ่ยว่า “ตอนนี้บอกได้แล้วกระมัง?”

เจียงเซี่ยนจึงบอกเรื่องที่หลี่เชียนฝากฝังกับฮูหยินฝาง

ฮูหยินฝางขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “พวกเจ้าเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของตระกูลจินแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสม”

เจียงเซี่ยนเห็นว่าปิดบังฮูหยินฝางไม่ได้ จึงถือโอกาสบอกความจริงกับฮูหยินฝางเสียเลย “หลี่เชียนไม่อยากให้ตระกูลจินกับตระกูลเซ่าเกี่ยวดองกันอีกเจ้าค่ะ”

ฮูหยินฝางแปลกใจมาก นางยิ้มและเอ่ยว่า “นี่ถึงจะถูกต้อง! ข้าก็ว่าทำไมพวกเจ้าถึงอยากช่วยคุณหนูจินคุยเรื่องแต่งงานที่เมืองหลวงอย่างไร้สาเหตุได้ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง เจ้าไปถามคุณหนูจินว่าอยากแต่งงานกับคนแบบไหนก็พอแล้ว ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง ในเมื่อจะยุ่งแล้ว ก็ต้องรับรองว่าจะทำให้คนอื่นพอใจ”

เจียงเซี่ยนคิดไม่ถึงว่าฮูหยินฝางจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ นางรีบขอบคุณติดกันหลายครั้ง และรู้สึกเข้าใจเล็กน้อยว่าทำไมลุงใหญ่ของนางถึงได้รักป้าสะใภ้ใหญ่มาก

ทว่าทางจินย่วนกลับทะเลาะกับจินเซียว

“ก่อนหน้านี้ท่านไปทำอะไรมา? ตอนนี้มายุ่งเรื่องของข้า ทำไมตระกูลจินประจบตระกูลเซ่าไม่ได้ แต่ประจบตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจในเมืองหลวงได้? พวกท่านคิดใช่หรือไม่ว่าข้าหน้าตาแบบนี้ บุรุษก็จะรู้สึกพอใจ บุรุษก็จะขายชีวิตให้ตระกูลจิน และช่วยให้ตระกูลจินมั่งคั่งและมีอำนาจ จนเลื่อนตำแหน่งเร็วมาก! ข้าเกลียดใบหน้านี้ของข้าจริงๆ” นางพูดไปก็น้ำตาไหลพราก “ญาติอะไรกัน? ผู้อาวุโสอะไรกัน? ทุกคนต่างก็ประจบประแจงและพึ่งพาอาศัยผู้มีอำนาจ และทำเพื่อเป้าหมายได้ทุกอย่างทั้งนั้น! ตอนที่มีธุระมาหาข้าก็เป็นลุงกับป้า ตอนที่ข้ามีเรื่องมาขอร้องกลับบอกปัดอย่างขอไปที และให้ข้าไปหาคนของตระกูลหลี่ว์ บอกว่านั่นถึงจะเป็นบ้านของตากับยายของข้า มิน่าเล่าหลังจากท่านแม่ตายไป คนอื่นต่างก็รู้แค่ว่ามีฮูหยินหลี่ว์ ไม่รู้ว่ามีฮูหยินหวง…”

“อาย่วน!” จินเซียวตวาดน้องสาวเหมือนตักเตือน ถึงอย่างไรก็อยู่ที่ตระกูลหวง กำแพงมีหูประตูมีช่อง หากลุงกับป้าสะใภ้ของพวกเขาได้ยินเข้า และเผยแพร่ข่าวลือออกไปว่า ‘อกตัญญู’ ก็ยุ่งยากแล้ว “เจ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย มีอะไรเดี๋ยวเจ้ากลับไปโรงเตี๊ยมกับข้าแล้วค่อยว่ากัน”

จินย่วนรู้จักลุงกับป้าสะใภ้ของตนเองเป็นอย่างดี นางจึงย่อมรู้เช่นกันว่าจินเซียวกำลังกังวลอะไร

“ตอนนี้ข้าเป็นแบบนี้แล้ว ข้ายังมีอะไรให้กลัวอีก?” นางตะโกนว่า “เมื่อวานท่านกินข้าวกับเซ่าหยางที่หมู่บ้านจี่หนานไม่ใช่หรือ? ทำไม…เขาไม่ได้พาท่านเข้าไปในบ้านส่วนตัวของเขา ไม่ได้เอาสุรากับเนื้อมากมายมาต้อนรับท่านหรือ? ข้าจะบอกให้ ข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น หากพวกท่านบีบคั้นข้า ข้าจะตัดผมไปเป็นแม่ชี ไม่อย่างนั้นก็ให้พวกตระกูลเซ่าหามศพของข้าไปคำนับฟ้าดิน! บุตรชายของตระกูลจินอย่างพวกท่านไม่มีความสามารถ ก็ให้ผู้หญิงอย่างพวกเราไปแต่งงาน นี่มันต่างจากที่พวกครอบครัวยากจนขายลูกชายลูกสาวตรงไหน? ไม่ถูกสิ พวกท่านยังเทียบคนพวกนั้นไม่ได้เลย! อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ทำเพื่ออาหารคำหนึ่ง เพื่อรักษาชีวิตให้รอด พวกท่านล่ะ? มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วหรือว่าไม่มีอะไรให้กินแล้ว?”

“เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ?” จินเซียวห้ามน้องสาวเสียงเบา ทว่าหน้ากลับร้อนขึ้นอย่างหยุดไม่ได้

เขานึกถึงก่อนหน้านี้ที่จินย่วนมาขอร้องเขาอย่างเต็มไปด้วยความหวัง นึกถึงคำพูดที่หลี่เชียนพูดกับเขาที่ห้องหนังสือในวันนั้น…หากเจ้าคิดว่าตระกูลจินแยกจากตระกูลเซ่าไม่ได้ และจำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยการขอร้องตระกูลเซ่า ข้าก็จะถือว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ และจะออกหน้าไปบอกท่านหญิง…

“อาย่วน!” เขาเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งทันที “ข้าไม่มีทางมองดูเจ้าแต่งงานกับเซ่าหยางหรอก ครั้งนี้เจ้าเชื่อข้า ได้หรือไม่?”

จินย่วนมองพี่ชายของตนเองอย่างเหม่อลอย สายตาห่างเหิน

จินเซียวปวดใจมาก

เจียงเซี่ยนอายุใกล้เคียงกับน้องสาวเขา แต่เจียงเซี่ยนมีจวนเจิ้นกั๋วกงและหลี่เชียนคอยปกป้อง จนกล้าไปเดินเตร็ดเตร่บนถนนก่อนแต่งงาน ทว่าน้องสาวเขากลับทำไม่ได้แม้แต่ปฏิเสธลูกผู้ดีมีเงินที่กินดื่มเที่ยวเล่นทั้งวันและไม่ทำงานคนหนึ่ง

ครั้งนี้…เขาต้องคว้าโอกาสในครั้งนี้ไว้ให้ได้

หน้าตาของจินเซียวเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวและหนักแน่นขึ้น

มีสาวใช้รายงานว่า “แม่ทัพจิน คุณหนูใหญ่ คุณชายรองมาจากไท่หยวนเจ้าค่ะ”

“จินเฉิง?” จินเซียวตกใจ “เขามาได้อย่างไร?”

แต่จินย่วนกลับออกไปหาอย่างดีใจมาก “พี่รอง ท่านมาได้อย่างไร?”

นางคล้องแขนของจินเฉิงอย่างสนิทสนม และยืนอยู่ใต้ต้นทับทิมในลานบ้าน

————————————-

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท