มู่หนานจือ – บทที่ 248 ความคิด

มู่หนานจือ

สีหน้าของจินเซียวคลุมเครือเล็กน้อย

น้องชายกับน้องสาวของเขาสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ตอนที่เขายุ่งอยู่กับการปรากฏตัวต่อหน้าบิดาอย่างใจจดใจจ่อ น้องชายกับน้องสาวของเขาต่างกำลังทำอะไรอยู่บ้าง? เคยเจอเรื่องอะไร? ร้องไห้เสียใจหรือไม่? โห่ร้องอย่างมีความสุขหรือไม่? เขาไม่รู้เลย

เขารู้แค่ว่า เขาเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโตของตระกูล เขาต้องทำสิ่งที่ทำให้ตระกูลได้รับการยกย่อง ชื่นชม และมีเกียรติ เขาต้องช่วงชิงบรรดาศักดิ์กลับมาให้มารดาที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเขา ทว่าเขากลับไม่เคยมองไปข้างหลัง และดูว่าน้องชายกับน้องสาวที่ยังเยาว์วัยของเขากำลังทำอะไรอยู่บ้างเลย?

จินเซียวมองจินเฉิงอย่างเงียบๆ

ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องต่างมารดากัน จินเฉิงที่อายุสิบหกปีหน้าตาเหมือนเขามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่หน้าตาอ่อนโยนและสุภาพ เทียบกับเขาแล้วดูโอบอ้อมอารีและเป็นกันเองมากกว่า

“ท่านพี่!” จินเฉิงเข้าไปคารวะจินเซียวอย่างเคารพนบนอบ และเอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าน้องหญิงมาแล้ว ไม่ค่อยวางใจ จึงตามมาดูด้วยขอรับ คิดไม่ถึงว่าจะเจอท่านพี่ที่นี่…”

จินเซียวมองพวกสาวใช้ของตระกูลหวงที่เดินผ่านลานบ้านไปอย่างช้ามาก พลางสูดหายใจลึก และตัดสินใจ

“มีอะไรก็ไปคุยกันในห้องเถอะ!” เขาเอ่ยพลางหันตัวเข้าห้อง

จินเฉิงกับจินย่วนสบตากันอย่างงุนงง และตามจินเซียวเข้าไปในห้องโถง

พี่น้องนั่งลงตามลำดับความสำคัญ

จินเซียวถามจินเฉิง “เจ้าเรียนวิชาดาบของตระกูลไปถึงไหนแล้ว?”

สีหน้าของจินเฉิงฉายแววละอายใจ “ยังไม่เก่งเท่าน้องสามกับน้องสี่ขอรับ”

จินเซียวเอ่ยว่า “ข้ามีงานอยู่งานหนึ่ง หากฝีมือดาบของเจ้าพอใช้ได้ ก็ตามไปเรียนรู้ว่าคนอื่นทำงานอย่างไร หากฝีมือดาบของเจ้าใช้ไม่ได้ ข้าจะเชิญเสมียนมาสอนเจ้าให้คิดบัญชี แล้วเจ้าก็ไปช่วยดูแลบัญชีแล้วกัน”

จินเฉิงกับจินย่วนสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ทายาทที่ไม่แยกบ้าน ตามหลักแล้วไม่อนุญาตให้ซื้อบ้านส่วนตัว

จินเซียวพูดจาอย่างมีลับลมคมในเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะซื้อเรือนส่วนตัว และให้จินเฉิงไปช่วยจัดการ

ทว่าปัญหาคือ จินเซียวเป็นคนที่วางตัวอยู่ในกรอบที่สุด แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้คิดที่จะซื้อเรือนส่วนตัว?

จินเซียวเห็นท่าทางของน้องชายกับน้องสาวของตนเองก็อดที่จะยิ้มอย่างเจ็บปวดรวดร้าวไม่ได้ แล้วพาน้องชายกับน้องสาวไปที่ห้องพักผ่อนข้างๆ เขาไปปิดลูกกรงหน้าต่างของห้องพักผ่อนด้วยตนเอง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ที่นี่ไม่มีคนอื่น ข้าจะบอกพวกเจ้าตรงๆ แล้วกัน พวกเราไม่อาจหวังว่าท่านพ่อจะออกหน้าให้พวกเราได้อีกแล้ว พวกเราต้องการอะไร ก็ต้องคิดหาทางไปเอามาเอง ครั้งนี้ข้าไปเมืองหลวง จึงสำรวจลู่ทาง แม้จะอันตรายและน่ากลัว แต่หากทำได้ดี ต่อไปเรื่องแต่งงานของอาเฉิงก็ไม่จำเป็นต้องฟังท่านพ่อแล้ว เรื่องนี้ที่ตระกูลจินมีแค่พวกเราสามคนที่รู้ พวกเจ้าห้ามพูดออกไปเด็ดขาด” และย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ห้ามพูดออกไปทั้งนั้น เข้าใจไหม?”

จินเฉิงพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่ ข้าเชื่อฟังท่าน” แล้วก็ยิ้มอย่างเขินอายและเอ่ยอีกว่า “ฮูหยินหลี่ว์มักจะไปตรวจสอบและเปรียบเทียบการเรียนของน้องสามกับน้องสี่ ข้า…ข้าไม่กล้าทำตัวเด่น…อาย่วนก็เหมือนกัน…หากเทียบกับคนข้างนอก พวกเราต่างก็ไม่ได้แย่กว่าคนอื่น!”

จินเซียวได้ยินแล้วน้ำตาก็เกือบจะร่วงลงมา เขาเอ่ยว่า “อืม” คำหนึ่ง และเอ่ยกับจินย่วนว่า “เมื่อครู่ข้ายังไม่ได้บอก เจ้าก็โมโหขึ้นมา คนที่ช่วยเจ้าในครั้งนี้คือท่านหญิงเจียหนาน เจ้าก็เคยเจอเช่นกัน คนที่นางขอร้องคือฮูหยินฝางของเจิ้นกั๋วกง ฮูหยินฝางมีชื่อเสียงดีที่เมืองหลวงมาตลอด ทำอะไรไว้ใจได้มาก พวกสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในสังกัดของตระกูลเจียงมีเรื่อง ต่างก็ชอบขอให้ฮูหยินฝางช่วยเหลือ ข้าก็เคยเจอฮูหยินของเจิ้นกั๋วกงสองครั้งเช่นกัน แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นพวกคนจิตใจเมตตา พวกนางไม่มีทางทำร้ายเจ้าหรอก อาย่วน ข้าไม่มีความสามารถทำให้ท่านพ่อเปลี่ยนความคิด แต่โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย สุดท้ายแล้วเจ้าจะฟังท่านพ่อหรือจะขอให้ฮูหยินฝางตัดสินใจให้เจ้า เจ้าต้องคิดให้ดี!”

จินย่วนไม่ได้โง่ นางเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ข้ากับท่านหญิงเจียหนานไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมนางถึงช่วยช้า?”

นางถึงกับไม่ไปคารวะ ทั้งที่รู้ว่าท่านหญิงเจียนหนานดื่มชาอยู่ที่หออี้เซียน เพื่อหลบเลี่ยงท่านหญิงเจียหนาน

ลดเกียรติของท่านหญิงเจียหนานอย่างรุนแรง

จินเซียวพอจะรู้ความคิดของหลี่เชียน

ทว่าบางครั้งเจ้าถูกคนใช้เป็นเครื่องมือ ก็แสดงว่าเจ้ายังมีค่าอยู่ หากเจ้าไม่มีแม้แต่ค่าให้ถูกคนใช้เป็นเครื่องมือแล้ว เจ้าก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงแล้ว

แต่เขาไม่อยากให้น้องชายกับน้องสาวของเขาเข้ามาพัวพันด้วย จึงเอ่ยว่า “ข้าเคยช่วยแม่ทัพหลี่หลี่เชียนสามีของท่านหญิงเจียหนานเอาไว้มาก เรื่องนี้แม่ทัพหลี่เป็นคนขอร้องท่านหญิงเจียหนาน ท่านหญิงเจียหนานชอบแม่ทัพหลี่มาก ถึงได้ลงมือช่วยเหลือกัน”

จินย่วนได้ยินแล้วก็ก้มหน้าลง และไม่พูดอะไรนานมาก

จินเซียวแปลกใจ จึงเอ่ยว่า “เจ้าไม่ยินดีหรือ?”

จินย่วนไม่เอ่ยสิ่งใด

จินเฉิงอยากพูดแต่ก็หยุดไว้

จินเซียวเอ่ยว่า “อาเฉิง เจ้าว่ามา!”

จินเฉิงมองจินย่วนครั้งหนึ่ง พอเห็นนางนิ่ง ถึงเอ่ยว่า “ท่านพี่ น้องหญิงไม่อยากแต่งงานกับคนที่มาจากตระกูลทหารขอรับ…คนที่ฮูหยินฝางรู้จัก เกรงว่าส่วนใหญ่จะเป็นตระกูลที่เหมือนกับพวกเราเช่นกัน จึงอาจจะไม่สามารถหาการแต่งงานที่ถูกใจให้น้องหญิงได้ขอรับ”

“ไม่อยากแต่งเข้าตระกูลทหารหรือ?” จินเซียวตกใจ “ทำไม? หรือว่าเจ้าอยากแต่งไปตระกูลบัณฑิตอย่างนั้นหรือ? เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือเปล่า? ตระกูลที่เหมือนกับพวกเราไม่ดีตรงไหน ฐานะครอบครัวใกล้เคียงกัน แต่งไปแล้วควรทำอะไรไม่ควรทำอะไรก็รู้หมด แต่ตระกูลบัณฑิตพวกนั้นยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ให้ความสำคัญกับธรรมเนียม พวกเขาดูถูกพวกเรามาโดยตลอด ต่อให้เจ้าฝืนแต่งเข้าไป ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้และภรรยาของพี่น้อง เจ้าจะปรับตัวได้หรือ…”

“ข้าไม่มีคนที่ชอบ!” จินย่วนเงยหน้าขึ้นมาขัดจังหวะจินเซียวทันที “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่ไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกแล้ว” นางเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ท่านดูท่านแม่ ท่านดูพวกผู้หญิงที่อยู่ข้างกายพวกเรา มีคนไหนที่ไม่แต่งมาแล้วมีลูกไม่หยุดบ้าง แถมยังต้องมีลูกชาย แล้วพอสามีออกไปทำสงคราม ภรรยากับลูกก็เฝ้ารออยู่ที่บ้าน ผู้หญิงที่ควบคุมอาหารการกินในบ้านทั้งหมดทุกที่มีคนเดียว คนที่ดีหน่อย ก็เฝ้ารอได้จนสามีปลดประจำการและกลับบ้าน ดูแลสามีที่ได้รับบาดเจ็บและเจ็บปวดไปตลอดชีวิต คนที่โชคร้ายหน่อย ก็อยู่เป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว เลี้ยงลูกชายให้โตอย่างยากลำบากแล้ว กลับต้องส่งไปสนามรบ แล้วก็เป็นช่วงเวลาอันยาวนานกับความกังวลที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีก…ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการความมั่งคั่งและมีอำนาจ แล้วก็ไม่ต้องการชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าแค่อยากให้ลูกชายของข้าไม่ต้องออกไปทำสงคราม และข้าไม่ต้องเฝ้ารออยู่ที่บ้านคนเดียว…”

จินเซียวเดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก ไม่รู้จะพูดอะไรดี

จินเฉิงรีบเอ่ยว่า “ท่านพี่ ก็พักที่ตระกูลหวงเหมือนกันหรือ? ท่านพักที่ใด? ข้าขอเบียดกับท่านหน่อยแล้วกัน ไม่ต้องให้พวกเขาเตรียมห้องพักแขกให้ข้าอีกแล้ว”

ตระกูลหวงก็ไม่ใช่ตระกูลใหญ่โตเช่นกัน ส่วนที่เรียกว่าห้องพักแขกนั้นก็เป็นเพียงห้องข้างไม่กี่ห้องที่ไม่ได้ใช้งานและอยู่ตรงข้ามห้องหลัก ทั้งมืดและชื้น หากไม่เห็นแก่ที่ทุกคนเป็นญาติกัน และพวกเขามาแล้วไม่พักที่ตระกูลหวงก็กลัวว่าคนอื่นจะนินทา เขายอมพักที่โรงเตี๊ยมดีกว่า

จินเซียวลังเลอยู่ชั่วครู่ และเอ่ยว่า “ข้าพักที่บ้านของแม่ทัพหลี่ เจ้าก็ตามข้าไปพักที่นั่นด้วยแล้วกัน ไม่ต้องให้คนของตระกูลหวงจัดการแล้ว ส่วนอาย่วน ที่บ้านของแม่ทัพหลี่ไม่มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสตรี ข้าจะลองไปถามก่อน หากเหมาะสม เจ้าก็ตามพวกเราไปด้วย ถ้าท่านลุงกับท่านป้าถามขึ้นมา พวกเจ้าก็บอกว่าเป็นความต้องการของข้า ให้พวกเขามาหาข้า”

เขาเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโต เมื่อก่อนเลี้ยงอยู่ต่อหน้าปู่ของเขา ตอนหลังปู่ของเขาเสียชีวิต เขาก็ติดตามจินไห่เทา ตระกูลหวงกล้าเมินจินเฉิงกับจินย่วน ทว่าไม่กล้าเมินเขา

จินเฉิงขานว่า “ขอรับ” และผลักประตูกำลังจะออกไปสั่ง เงาร่างของผู้หญิงที่รูปร่างผอมเพรียวก็ปรากฏอยู่หน้าประตูของพวกเขาแล้ว

“ท่านพี่ มาตั้งแต่เมื่อไรหรือ? ทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าสักหน่อย จะได้ให้ท่านพ่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ท่าน!”

————————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท