มู่หนานจือ – บทที่ 250 ส่งตัว

มู่หนานจือ

แม่นมอวี๋ขานรับและจากไป

ทว่าเพียงชั่วครู่ก็ย้อนกลับมา

เจียงลวี่ไม่ได้ตามหลังมาด้วย

ฮูหยินฝางแปลกใจ

แม่นมอวี๋ก็เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ฮูหยิน ท่านกั๋วกงมาแล้วเจ้าค่ะ!”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” ฮูหยินฝางลุกขึ้นยืนทันที นางเกือบจะทำถ้วยชาที่อยู่ใกล้มือคว่ำ “ท่านกั๋วกงมาแล้ว! เขาอยู่ที่ไหน? ทำไมเขาถึงมาอย่างเงียบๆ? เขามาคนเดียวหรือ? มาเพราะงานราชการหรือมาส่งตัวเป่าหนิง? หลานหานกับหลานจ้งล่ะ ก็มาแล้วเหมือนกันหรือ?”

นางเอ่ยอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนเสื้อไปพลาง ถามไปพลาง

แม่นมอวี๋ล้อมอยู่รอบกายฮูหยินฝางช่วยนางจัดเสื้อผ้ากับเครื่องประดับ พลางส่ายหน้าและเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกันเจ้าค่ะ ตอนที่ข้าเดินไปได้ครึ่งทางเจอสาวใช้ที่มารายงาน ถามนางสองสามคำ นางก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกแค่ว่าฮูหยินฉีส่งนางมาแจ้งข่าวแก่ฮูหยิน ข้ากลัวว่าสาวใช้คนนั้นจะทำให้ฮูหยินเสียการใหญ่ จึงรับงานนี้ไว้ และรีบมาส่งข่าวให้ฮูหยินเจ้าค่ะ”

ฮูหยินฝางพยักหน้า และรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

นางไม่ได้เจอเจียงเจิ้นหยวนมาเดือนหนึ่งแล้ว

ปกติยังไม่รู้สึก ทว่าเวลานี้รู้ว่าสามีอยู่ไม่ไกลจากตนเอง นางถึงรู้ตัวว่าตนเองคิดถึงเจียงเจิ้นหยวนเป็นอย่างมาก

แม่นมอวี๋กับเหล่าสาวใช้และแม่บ้านล้อมฮูหยินฝางอย่างแน่นหนาและไปที่ห้องหนังสือของเรือนด้านนอก

เพิ่งจะย่างเข้าไปในเรือนของห้องหนังสือ ฮูหยินฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสของเจียงเจิ้นหยวนดังแว่วออกมา

นางขอบตาชื้นเล็กน้อย และเดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว

“ฮูหยิน!” ฉีเซิ่งกับเจียงเจิ้นหยวนต่างลุกขึ้นยืน ส่วนเจียงหานกับเจียงจ้งที่ตามเจียงเจิ้นหยวนมาด้วยก็รีบเข้ามาคารวะฮูหยินฝาง

สายตาของฮูหยินฝางหยุดอยู่ที่เจียงเจิ้นหยวนชั่วครู่ พอเห็นว่าเจียงเจิ้นหยวนไม่ซูบผอม และแลดูสบายดี นางถึงวางใจ แล้วยิ้มพลางให้คนพยุงเจียงหานกับเจียงจ้งขึ้นมา

ฉีเซิ่งกับเจียงเจิ้นหยวนคุยกันอีกสองสามคำ พอกำหนดเวลาจัดงานเลี้ยงต้อนรับแล้วก็ลุกขึ้นจากไป ทิ้งสถานที่ไว้ให้คนของตระกูลเจียงคุยกัน

เจียงเจิ้นหยวนถามว่า “อาลวี่ล่ะ?”

ฮูหยินฝางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน

แม่นมอวี๋เป็นคนตอบว่า “คุณชายใหญ่ไปบ้านแม่ทัพเซ่าเจ้าค่ะ”

ฮูหยินฝางขมวดคิ้ว “คุณชายเซ่าหยางกับแม่ทัพเซ่าอาศัยอยู่ด้วยกันหรือไม่?”

ขอบคุณพี่น้องสกุลฉี ตอนนี้ฮูหยินฝางก็รู้ชื่อเสียงอันเลวร้ายของเซ่าหยางแล้วเช่นกัน

เจียงเจิ้นหยวนได้ยินก็เอ่ยว่า “ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เขาโตขนาดนี้แล้ว หากยังแยกแม้แต่ความถูกผิดแค่นี้ไม่ออก และควบคุมไม่ได้ ต่อไปก็จะไม่มีอนาคตเช่นกัน เช่นนั้นก็ฉวยโอกาสกลับไปพักผ่อนที่บ้านตั้งแต่เนิ่นๆ และใช้ชีวิตด้วยบุญคุณของบรรพบุรุษดีกว่า”

ฮูหยินฝางไม่พูดอะไรอีก

เจียงหานนำรายการสินเดิมที่เจียงเจิ้นหยวนเพิ่มให้เจียงเซี่ยนมาให้ฮูหยินฝาง

ฮูหยินฝางเพิ่งจะเปิดดูแวบเดียว เจียงเซี่ยนที่ได้ข่าวก็มาแล้ว

“ท่านลุง!” เจียงเซี่ยนคารวะเจียงเจิ้นหยวนด้วยรอยยิ้ม

อาจจะเพราะรีบเดินเกินไป หน้าของเจียงเซี่ยนจึงแดงก่ำ และดูมีชีวิตชีวา พอตั้งใจมอง ก็เหมือนจะอ้วนกว่าตอนอยู่เมืองหลวงเล็กน้อยด้วย

แสดงว่าเจียงเซี่ยนออกจากเมืองหลวงแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสบายใจมาก

เจียงเจิ้นหยวนแอบพยักหน้า

เจียงเซี่ยนก็ล้อเจียงหานกับเจียงจ้งเล่นแล้วว่า “ข้าจะแต่งงาน พวกเจ้าไม่ให้อะไรข้าสักหน่อยหรือ?”

“ท่านลุงใหญ่ส่งของให้เจ้ากองเบ้อเริ่มแล้ว เจ้ายังจะรีดไถพวกเราอีก เจ้าก็โลภเกินไปแล้ว!” เจียงจ้งที่ร่าเริงหัวเราะ

“เจ้าโง่สองคนนี่!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปตอนพวกเจ้าแต่งงาน ข้าไม่ต้องคืนกลับไปหรือ?”

“เรื่องคืนนั้นไม่ต้องคืนแล้ว” เจียงหานที่สุขุมหน่อยเอ่ย “แต่น้องเขยต้องต้อนรับพวกเราอย่างดี ตอนเขามารับตัวเจ้าสาว ถึงจะไม่เสียเปรียบ เจ้ารีบบอกข่าวให้เขารู้เร็ว บอกไปว่าพี่ชายสองคนของภรรยาเขามาแล้ว”

“บอกข่าวทำไม? เรียกเขาออกมาก็ได้แล้วนี่” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเจ้าระวังจะถูกเขามอมเหล้า จนแยกทิศไม่ออกแล้วกัน!”

“ถึงเวลานั้นดูสิว่าใครจะมอมเหล้าใคร…”

ทั้งสามคนคุยกันจ้อกแจ้กอยู่ตรงนั้น สามีภรรยาแซ่เจียงสบตากันและยิ้ม

ในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น

ตอนค่ำ เจียงลวี่ก็ไปเรียกหลี่เชียนออกมาดื่มเหล้าจริงๆ

เจียงเซี่ยนเป็นห่วงมาก จึงแอบสั่งชีกูว่า “เจ้าคิดหาทางไปพบหลี่เชียน ให้เขาดื่มนมแพแคลือบกระเพาะสักหน่อยก่อนดื่มเหล้า หากรู้สึกไม่สบาย ก็แสร้งทำตัวไม่มีเหตุผล อย่าดื่มจนเป็นอะไรไปเด็ดขาด”

ชีกูขานรับว่า “เจ้าค่ะ” พลางยิ้มตาหยี

หลี่เชียนได้ข่าวแล้วก็หัวเราะไม่หยุด และเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปบอกท่านหญิง ให้นางวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

ปรากฏว่าคำพูดนี้ถูกเจียงจ้งที่ออกมาหาเขาได้ยินเข้า เจียงจ้งจึงฟ้องเจียงลวี่เสียงดังว่า “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่หญิงยังไม่แต่งงานก็เข้าข้างพี่เขย แถมยังให้คนรับใช้ข้างกายมาบอกข่าวโดยเฉพาะด้วยว่า อย่าดื่มเหล้ากับพวกเรา วันนี้พวกเราจะปล่อยเขาไปไม่ได้!”

เจียงลวี่ยิ้มเยาะ และสั่งเจ้าของร้านว่า “เอาเหล้าขาวมายี่สิบไห!”

เจียงหานวิ่งออกมาคุมตัวหลี่เชียน “ห้ามหนี ดื่มหมดแล้วค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นต่อไปก็เลิกคิดที่จะเข้าบ้านตระกูลเจียงได้เลย”

หลี่เชียนหัวเราะและเข้าไปในห้องส่วนตัวของร้าน ‘หอแรก’ กับเจียงหาน

ปรากฏว่าพวกเขาดื่มจนถึงยามห้ายถึงจะกลับมา

แต่ละคนดื่มจนเดินโซซัดโซเซ ถามอะไรก็เอ่ยแค่ “หึหึ”

เจียงเซี่ยนร้อนใจมาก จึงให้ชีกูไปดูที่ตระกูลหลี่หน่อย

กลางดึก ชีกูสวมเสื้อผ้าออกจากจวน

ฮูหยินฝางอดที่จะกังวลเล็กน้อยไม่ได้ จึงเอ่ยกับเจียงเจิ้นหยวนว่า “ท่านก็ไม่คุมสักหน่อย พวกเขาสามคนดื่มกับคนคนเดียว หากลูกเขยดื่มจนล้มลงไปจริงๆ จะทำอย่างไร?”

“เรื่องของพวกเด็กๆ และต่างก็เป็นหนุ่มกันแล้ว มีอะไรให้คุม?” เจียงเจิ้นหยวนไม่เห็นด้วย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนพวกเราวัยรุ่นก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ และตอนนี้ก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ”

“ท่านนี่นะ!” ฮูหยินฝางมองเจียงเจิ้นหยวนตาขวางอย่างแสร้งทำเป็นโกรธ และรีบสั่งให้ส่งน้ำแกงสร่างเมาที่ต้มเสร็จนานแล้วไปที่ห้องพักแขกที่พวกเจียงลวี่อยู่ แล้วก็สั่งแม่นมอวี๋อีกว่า “บอกแม่บ้านที่เข้าเวรที่ประตูที่สองว่า ชีกูกลับมาแล้วให้นางแจ้งข้าหน่อย…ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกเขยดื่มจนเป็นอย่างไรบ้าง? และมีคนดูแลหรือไม่?”

แม่นมอวี๋ยิ้มและออกจากเรือนไป

เจียงเจิ้นหยวนวางสำเนาเอกสารราชการในมือลง และเอ่ยกับฮูหยินฝางว่า “เจ้าบอกว่า หลี่เชียนจะเป็นพ่อสื่อให้เติ้งเฉิงลู่หรือ?”

“ใช่น่ะสิเจ้าคะ!” ฮูหยินฝางนั่งลงข้างกายเจียงเจิ้นหยวน และเม้มปากยิ้ม พลางเอ่ยว่า “ตอนที่ข้าได้ยินก็ตกใจไปครู่หนึ่ง เด็กคนนี้ช่างเป็นคนมีแผนการ”

เจียงเจิ้นหยวนยิ้ม และเอ่ยว่า “หากเขาไม่คิดเช่นนั้น ก็ให้เป่าหนิงตามเขาไปได้”

ฮูหยินฝางอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้เหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าว่าลูกเขยปกป้องเป่าหนิงจากใจจริง คิดถึงเป่าหนิงทุกเรื่อง และเป่าหนิงก็ชอบอยู่กับเขามากเช่นกัน…”

เจียงเจิ้นหยวนไม่ชอบฟังเรื่องนี้

เขามักจะรู้สึกว่าเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของตนเองถูกหมาป่าคาบไปแล้ว

เขาเอ่ยว่า “ฝ่าบาทจะแต่งตั้งท่านหญิงชิงอี๋ของตระกูลอ๋องเจี่ยนเป็นฮองเฮาแล้ว!”

“อะไรนะ?” ฮูหยินฝางเบิกตาโตอย่างแปลกใจ

เจียงเจิ้นหยวนเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “คนที่ไทเฮาถูกใจคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันลู่โหว คนที่ฝ่าบาทถูกใจคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลจิ้นอันโหว ฝ่าบาทให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลอันลู่โหวแต่งงานกับไช่หยวนซื่อจื่อจิ้นอันโหว ไทเฮาจึงให้คุณหนูของตระกูลจิ้นอันโหวแต่งงานไปอยู่แดนไกลกับจ้าวเซี่ยว…ในราชสำนักวุ่นวายมาก สุดท้ายวังจี่เต้าขอให้ไทฮองไทเฮาออกหน้า ผลจากการปรึกษาหารือคือท่านหญิงชิงอี๋ของตระกูลอ๋องเจี่ยนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา คาดว่าสองสามวันนี้ราชโองการก็จะประกาศไปทั่วหล้าแล้ว”

————————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท