กว่าฮูหยินฝางจะเข้าใจข่าวนี้ได้ก็นานมาก
“นี่มันทำมั่วซั่วไม่ใช่หรือ?” นางเอ่ยอย่างโกรธแค้นว่า “ผู้หญิงแต่งงานเท่ากับเป็นการเกิดใหม่ครั้งที่สอง พวกเขาพระราชทานงานสมรสให้คนอย่างส่งเดชแบบนี้ได้อย่างไร? เกินไปแล้ว! เกินไปแล้ว!”
“ใครว่าไม่ใช่!” เจียงเจิ้นหยวนฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ตอนที่ข้ามา อ๋องเจี่ยนตั้งใจมาเยี่ยมข้าโดยเฉพาะ ข้าคิดว่าเขาจะคุยเรื่องของท่านหญิงชิงอี๋กับข้า จึงสั่งอาหารจากหอฉยงฮวามาเป็นพิเศษโต๊ะหนึ่ง และยังเอาหลีฮวาไป๋[1]ที่ฝ่าบาทพระองค์ก่อนพระราชทานให้ออกมาจากห้องเก็บเหล้าด้วย เดิมทีคิดว่าดื่มเหล้ากับเขา ก็จะได้ทำให้เขาพูดความในใจสักหน่อยเช่นกัน ใครจะรู้ว่าดื่มเหล้าก็แล้ว กินอาหารก็แล้ว เขากลับไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนที่เดินก็ดูเดินโซเซ เจ้าไม่ได้เห็น เหมือนแก่ไปสิบปีทันที ทำให้คนมองรู้สึกปวดใจมาก”
“อ๋องเจี่ยนก็ไม่พอใจกับการแต่งงานนี้เหมือนกันหรือ?” ฮูหยินฝางตกตะลึง
“เขาเป็นคนฉลาด จะพอใจกับการแต่งงานนี้ได้อย่างไร?” เจียงเจิ้นหยวนพึมพำ “ยังไม่ต้องพูดถึงพวกเรื่องเหลวไหลของฝ่าบาท พูดถึงสามีคนนั้นของตระกูลหาน ปกติตอนที่ไม่มีอะไรก็ดีทุกอย่าง พอเจอเรื่องก็ลนลานจนไม่มีความคิดเป็นของตนเอง เป็นสามีของท่านหญิงที่ว่างงานแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นปัญหาเล็กน้อย ทว่าหากเป็นพ่อตาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้ก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ และไม่เพียงแต่จะฆ่าคนของตระกูลหาน ทว่ายังจะพัวพันไปถึงอ๋องเจี่ยนด้วย เจ้าว่า…เขาจะไม่กังวลได้หรือ?”
ฮูหยินฝางก็เคยได้ยินเรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยรู้ของหานจงสามีของท่านหญิงตงหยางมาบ้างเหมือนกัน จึงรู้ว่าสิ่งที่สามีเอ่ยไม่ใช่เรื่องโกหก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก่อนตระกูลหานฐานะครอบครัวธรรมดาทั่วไป หลังจากแต่งงานกับท่านหญิงตงหยางก็เคยหลงระเริงครั้งหนึ่ง ตอนหลังอ๋องเจี่ยนก็เป็นคนออกหน้า ครั้งนี้หานถงซินได้รับเลือกให้เป็นฮองเฮา ก็เกรงว่าตระกูลหานจะยิ่งกำเริบเสิบสาน ถึงเวลานั้นอ๋องเจี่ยนจะยับยั้งไว้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วยังทางฝั่งท่านหญิงอู่หยาง” เจียงเจิ้นหยวนเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “นางก็ไม่ใช่คนที่วางตัวอยู่ในกรอบเช่นกัน มีหลานสาวแบบท่านหญิงชิงอี๋ นางวางตัวอยู่ในกรอบได้สิถึงจะแปลก! ตอนนี้ข้าคิดดูแล้วยังดีที่เป่าหนิงของพวกเราเดินออกมาจากวังวนนั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราสองคนก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอเรื่องกังวลอะไรอีก!”
ฮูหยินฝางพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
สองสามีภรรยาถอนหายใจอยู่อีกพักหนึ่ง ถึงจะดับไฟเข้านอน
กว่าเจียงเซี่ยนจะได้ข่าว ก็เป็นอีกสามวันให้หลังแล้ว
ตอนนั้นนางก็ตกตะลึง และถามไป๋ซู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “เจ้าบอกว่าคุณหนูเติ้งของตระกูลอันลู่โหวแต่งงานกับไช่หยวนซื่อจื่อจิ้นอันโหว?”
“ใช่แล้ว!” ไป๋ซู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูใหญ่สกุลไช่แต่งงานกับจ้าวเซี่ยว และชิงอี๋เป็นฮองเฮา” นางพูดไปยังขยิบตาให้เจียงเซี่ยนด้วย
จิตใจของเจียงเซี่ยนไม่อยู่บนนี้อย่างสิ้นเชิง นางไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมไป๋ซู่ถึงต้องขยิบตาให้นาง
นางคิดถึงคุณหนูเติ้ง แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนอะไรบางอย่างติดอยู่ที่หน้าอกของนาง ทรมานมาก
ชาติก่อนคนเฉลียวฉลาดและมีความสามารถอย่างไป๋ซู่ ยังจัดการคนที่ทำอะไรไม่ใช้สมองของตระกูลจิ้นอันโหวนี้ไม่ได้ คุณหนูเติ้งที่เหมือนแกะตัวน้อยแต่งงานกับไช่หยวน ยังไม่ต้องหมดอนาคตหรือ!
ไม่ได้ นางไม่อาจเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายแบบนี้ได้!
ถึงแม้ว่า เดิมทีนี่ควรเป็นความทุกข์ที่ไป๋ซู่ได้รับ
เพราะนางเข้าไปแทรกแซง คนที่ถูกทำร้ายจึงกลับกลายเป็นคุณหนูเติ้งที่ไม่มีความผิด
นางรีบไปหาฮูหยินฝาง และถามฮูหยินฝางว่า “เรื่องของคุณหนูเติ้งกำหนดเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ? ไม่มีทางแก้ไขแล้วหรือ?”
“ราชโองการออกมาแล้ว” ฮูหยินฝางเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงสนใจเรื่องของคุณหนูเติ้งขึ้นมา?”
เจียงเซี่ยนไม่อาจอธิบายกับฮูหยินฝางได้ จึงทำได้เพียงเอ่ยว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าไช่หยวนไม่เหมาะสม คุณหนูเติ้งแต่งงานกับเขาก็ขาดทุนเกินไปแล้ว!”
ฮูหยินฝางยิ้มออกมา และเอ่ยว่า “พวกเขานั้น คนหนึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว อีกคนก็เป็นซื่อจื่อของจวนโหว เหมาะสมที่จะแต่งงานกันที่สุดแล้ว ไม่เพียงจวนอันลู่โหวที่พอใจ จวนจิ้นอันโหวก็พอใจมากเช่นกัน มีแต่เจ้าที่คิดว่าไม่ดี?”
ทว่าไช่หยวนไม่ใช่คนดี!
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็รู้สึกท้อแท้
นางจึงไปหาหลี่เชียน
—
หลี่เชียนเพิ่งจะทดสอบความสามารถของจินเฉิงไป เขาค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว และชมจินเฉิงกับจินเซียวว่า “…พวกเจ้าสามคนพี่น้องต่างยอดเยี่ยมมาก ข้าว่า…เขาตามอวิ๋นหลินออกไปทำงานจะต้องไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นอย่างแน่นอน แต่ข้าคิดว่าเจ้าควรเชิญนักบัญชีมาสอนน้องชายเจ้าดูแลบัญชีให้เป็นดีกว่า เรื่องต่อสู้กับคนนี้หาคนง่ายมาก ทว่าเรื่องดูแลบัญชีนี้กลับไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ ต้องฝึกฝนให้จินเฉิงดูแลบัญชี และเป็นผู้รับผิดชอบ
จินเซียวรู้สึกดีใจมาก แต่กลับฝืนอดทนไว้ไม่แสดงออกมา เขาพยักหน้าอย่างเฉยชา และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้แล้ว สองสามวันนี้ข้าจะหานักบัญชีให้เขาติดตามเรียนรู้ไปก่อน ดูว่าเขาจะทำหน้าที่ได้หรือไม่”
จินเฉิงก็ดีใจมากเช่นกัน
ออกจากกองบัญชาการไท่หยวน มีงานของตนเอง และตนเองสามารถเลี้ยงตนเองได้ นี่เป็นชีวิตที่เขาเฝ้าปรารถนามาโดยตลอด
ทั้งสามคนใช้ผ้าร้อนที่หญิงรับใช้ยื่นมาเช็ดเหงื่อ พลางไปดื่มชาที่โถงบุปผา
ตอนที่ปิงเหอวิ่งมาบอกว่าท่านหญิงเจียหนานมา พวกเขาต่างก็ตกใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจินเซียว เอ่ยว่า “ปกตินางก็มาหาเจ้าแบบนี้หรือ? คนในตระกูลของพวกเขาก็ไม่คุมสักหน่อยหรือ?”
หลี่เชียนมองจินเซียวครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่นางมีธุระเลย ต่อให้ไม่มีธุระ นางมาหาข้า ก็ไม่ได้เกะกะเจ้าอยู่ดีกระมัง?”
ก็ไม่ได้เกะกะเขาจริงๆ
แต่จินเซียวนึกถึงครั้งแรกที่เขาเจอเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ และยิ้มพลางฟังไทฮองไทเฮาคุยกับพวกเขา สง่างาม งดงาม เยือกเย็น อ่อนโยน เรียบร้อยและสุขุมอย่างบอกไม่ถูก ทว่าเวลานี้…เขารู้สึกว่าภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบในใจเขาจู่ๆ ก็พังลงในทันใด…
หลี่เชียนทิ้งสองพี่น้องสกุลจินเอาไว้และไปที่ห้องหนังสือ
เจียงเซี่ยนกำลังนั่งรอเขาอยู่บนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง
สีหน้าของนางแลดูเซื่องซึมเล็กน้อย และมองสวนลูกท้อหยกที่วางอยู่บนโต๊ะอุ่นด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเข้ามาก็ไม่ได้ยินเสียง
หลี่เชียนไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปสะกิดนาง กลัวว่าจะทำให้นางตกใจ จึงหยุดฝีเท้าห่างจากนางสี่ห้าก้าว และเรียกเบาๆ ว่า “เป่าหนิง”
เจียงเซี่ยนก็ยังตกใจอยู่ดี ทว่าก็ได้สติกลับมาเร็วมากด้วยเหตุนี้เช่นกัน
หลี่เชียนไปชงชากาหนึ่งให้นางด้วยตนเอง แล้วมานั่งบนเตียงอุ่นตรงข้ามกับนางและปอกปี่แป่ให้นาง “อันนี้เจ้ากินได้ ไม่หวานมาก แถมยังมีสรรพคุณดับความร้อนในปอดกับกระเพาะอาหารและลดลมกำจัดเสมหะด้วย”
เจียงเซี่ยนมีอารมณ์กินผลไม้ที่ไหน
นางเล่า ‘เรื่องดี’ ที่เฉาไทเฮากับจ้าวอี้ทำให้หลี่เชียนฟัง
หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงไม่พอใจ?”
หรือเป็นเพราะจ้าวอี้ตั้งฮองเฮา แล้วเจ้ารู้สึกเสียใจและเสียดายกับสิ่งที่เลือกในตอนนั้นอย่างนั้นหรือ?
ในใจหลี่เชียน น่าจะมีแต่ตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้นที่เขาไม่สามารถชิงมาให้เจียงเซี่ยนได้ อย่างอื่นเขาคิดว่าตนเองไม่ด้อยกว่าใครทั้งนั้น สิ่งที่คนอื่นทำได้ เขาก็ทำได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงอ่อนไหวเรื่องของจ้าวอี้เป็นพิเศษ
เจียงเซี่ยนถอนหายใจ และเอ่ยด้วยอารมณ์หดหู่ว่า “เดิมทีไป๋ซู่ต้องเป็นคนแต่งงานกับไช่หยวน แต่ปรากฏว่าคนที่ไป๋ซู่ชอบคือเฉาเซวียน…ไช่หยวนนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร…”
หลี่เชียนเข้าใจว่าเดิมทีตระกูลไป๋จะให้ไป๋ซู่แต่งงานกับไช่หยวน สุดท้ายสืบรู้ว่าไช่หยวนเป็นคนไม่ดี แล้วคนที่ไป๋ซู่ชอบก็คือเฉาเซวียน จึงให้ไป๋ซู่หมั้นกับเฉาเซวียน
“ถึงจะเป็นแบบนั้น ในฐานะพ่อ อันลู่โหวก็ไม่มีทางที่จะเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายอย่างแน่นอน” หลี่เชียนวางปี่แป่ที่ปอกเสร็จแล้วลงในถ้วยแก้วและยื่นให้เจียงเซี่ยน “อย่าถอนหายใจเลย กินปี่แป่สักนิด วันนี้อากาศร้อนไปหน่อย จะได้แก้กระหายน้ำ” แล้วก็ยื่นส้อมผลไม้ลายใบแปะก๊วยอันเล็กๆ ให้นาง
———————————-
[1] หลีฮวาไป๋ ชื่อเหล้าชั้นดีในสมัยราชวงศ์ซ่ง