หน้าตาของชีกูทำเอาสะเทือนใจหลี่เชียนไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเล็กน้อย
ทั้งที่ชีกูสามารถมีชื่อเสียงไปทั่วยุทธภพได้ ทว่าเพราะความล้มเหลวในการแต่งงานและการปฏิเสธของโอวอิง จึงเลือกมาพึ่งพาอาศัยตระกูลหลี่และเป็นผู้หญิงของเรือนด้านใน สิ่งที่นางต้องการ…ก็เพียงแค่อยากรู้ว่าพวกตระกูลที่มีเงินและอิทธิพลใช้ชีวิตอย่างไร แล้วนางสู้พวกนายหญิงกับคุณหนูจากตระกูลที่มีเงินและอิทธิพลนั้นไม่ได้ตรงไหน
เขานึกถึงตอนนั้นที่เขาไปจับชู้ที่ตรอกใต้เท้าเจิ้งเป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน ทั้งที่นางรู้ความจริงของเรื่องราวแล้ว กลับต้องเห็นด้วยตาตนเองให้ได้ถึงจะตัดใจ…สำหรับเจียงเซี่ยน จ้าวอี้จะเป็นโอวอิงของนางหรือเปล่า?
ดังนั้นตอนที่นางอยู่คนเดียวจึงมักจะเผยสีหน้าเหงาหงอยออกมาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นนางจึงมักจะไวต่อความรู้สึกของคนอื่น และยอมไม่ทำอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวถูกปฏิเสธ…
หลี่เชียนรู้สึกว่าน้ำตาของตนเองกำลังจะร่วงลงมาแล้ว
เขาโบกมือให้ชีกูออกไป แต่ตนเองกลับอดที่จะไปห้องครัวไม่ได้ เขาเฝ้าอยู่ในห้องครัวและให้แม่ครัวทำขนมข้าวที่มีควันกรุ่นๆ กล่องหนึ่ง ห่อด้วยผ้าสักหลาดผืนเล็กที่บุซับใน แล้วแอบไปกองบัญชาการต้าถง
—
เวลานี้เจียงเซี่ยนกำลังพิงหมอนอิงใบใหญ่และให้ไป่เจี๋ยกับเซียงเอ๋อร์หวีผมให้นาง ส่วนนางก็เอ่ยกับฉิงเค่ออย่างจงใจหาเรื่องคุยว่า “มีน้ำแกงสร่างเมาดีๆ หรือไม่? นายท่านของพวกเจ้าดื่มแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งต้องเมาตาย!”
ฉิงเค่อยิ้มและช่วยเก็บแบบวาดลวดลายที่อยู่ทั่วทุกที่ให้นาง พลางหัวเราะเสียงเบาและเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะ! พรุ่งนี้ข้าจะไปถามคนในครัวในเรือนแต่เช้า” และปลอบใจเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิงไม่ต้องกังวล นายท่านเป็นคนรู้ว่าอะไรควรไม่ควรมาโดยตลอด ก็จะดื่มเหล้าแค่สองสามวันนี้เช่นกัน ไว้กลับถึงไท่หยวนแล้ว ก็ไม่ใช่ว่านายท่านจะดื่มเหล้าของทุกคน” แล้วเอ่ยถึงวันเกิดของจินย่วน “นายท่านบอกว่าคนที่ส่งของขวัญวันเกิดให้ฮูหยินเฒ่าหวงของตระกูลจินมาถึงแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้บ่ายก็จะออกเดินทางกลับไท่หยวน ถึงเวลานั้นคุณหนูจินจะตามกลับไปด้วย เช่นนั้นท่านหญิงก็ไปวันเกิดของคุณหนูจินไม่ได้แล้ว ท่านว่า…ต้องเตรียมของขวัญสักชิ้นให้ชีกูส่งไปหรือไม่?”
ตั้งแต่ยืนยันว่าทั้งไป่เจี๋ยและฉิงเค่อจะติดตามเจียงเซี่ยนแต่งไปตระกูลหลี่ เมิ่งฟางหลิงกับฮูหยินฝางก็เริ่มอบรมสั่งสอนให้ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อดูแลงานบ้าน เพียงแต่นิสัยของไป่เจี๋ยจะนุ่มนวลหน่อย ส่วนฉิงเค่อจะมีความคิดเป็นของตนเองมากกว่า หลังจากเมิ่งฟางหลิงปรึกษากับฮูหยินฝางแล้ว จึงให้ไป่เจี๋ยช่วยดูแลกิจวัตรประจำวันของเจียงเซี่ยน และให้ฉิงเค่อช่วยดูแลงานนอกหน้าที่ ส่วนหลิวตงเยว่หลุดพ้นจากการเป็นทาสแล้วก็ต้องคิดหาทางทำให้เขาเป็นชาวบ้าน จึงให้ช่วยจัดการห้องส่วนตัวของเจียงเซี่ยนไปก่อน ไว้หานักบัญชีที่เหมาะสมได้แล้วค่อยว่ากัน
ทั้งหมดนี้เป็นโอกาส!
หลายวันนี้ไม่ว่าจะเป็นหลิวตงเยว่ ไป่เจี๋ย หรือฉิงเค่อต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าสะเพร่าแม้แต่นิดเดียว จะทำอะไรก็คิดอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น
ชาติก่อนเจียงเซี่ยนใช้ชีวิตอยู่กับฉิงเค่อมาเกือบยี่สิบปี ฉิงเค่อเป็นผู้ช่วยให้เมิ่งฟางหลิง และดูแลของที่ซือหลี่เจียนส่งมาตลอด การคุยกับนางว่าจะส่งของขวัญอะไรให้ใคร และต้องเข้าสังคมอย่างไรแบบนี้ ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับนางจริงๆ
นางอดที่จะเม้มปากยิ้มไม่ได้ และเอ่ยว่า “หัวหน้าแม่บ้านฉิง เช่นนั้นเจ้าลองว่ามา ว่าข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
ฉิงเค่อหน้าแดง และเอ่ยว่า “ท่านหญิงอย่าล้อข้าเล่นเลยเจ้าค่ะ หากข้าทำไม่ถูก ท่านก็บอกมาได้เลย เท่าที่ข้าดู ยังต้องส่งของขวัญวันเกิดไปอยู่ดี แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้ตระกูลจินจะฉลองวันเกิดให้คุณหนูจินหรือไม่ ของขวัญชิ้นนี้คงจะส่งของราคาสูงเกินไปไม่ได้ ขอแค่ภายนอกพอใช้ได้ก็พอแล้ว”
ในความคิดของฉิงเค่อ นอกเสียจากว่าจินไห่เทาจะสมองมีปัญหา ไม่อย่างนั้นอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะไปกระจายความคึกคักที่เจียงเซี่ยนออกเรือนเพื่อจัดวันเกิดให้ลูกสาว เป็นไปได้มากว่าวันเกิดของคุณหนูจินจะจัดไม่ได้แล้ว
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า และเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าเจ้าพูดได้ไม่เลว เช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามแม่นมเมิ่งแล้วกัน ดูว่านางว่าอย่างไร แล้วเจ้าตัดสินใจเองได้เลย!”
นั่นก็หมายความว่า นางไม่อยากจะยุ่งแม้แต่เรื่องการเข้าสังคมพวกนี้ด้วยซ้ำ
เช่นนั้นท่านหญิงคิดจะยุ่งเรื่องอะไรบ้าง?
ฉิงเค่องุนงงเล็กน้อยในทันใด
พอเห็นเจียงเซี่ยนไม่สั่งอะไรแล้ว นางจึงออกไปเตรียมของขวัญวันเกิดให้จินย่วน
เสียงเคาะหน้าต่างที่ยาวสามครั้ง สั้นหนึ่งครั้ง ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอตรงลูกกรงหน้าต่าง
เจียงเซี่ยนแอบคิดว่าเป็นหลี่เชียน
ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะมาพบนางด้วยวิธีแบบนี้ นอกจากหลี่เชียนแล้ว นางก็คิดถึงคนอื่นไม่ออกจริงๆ
นางพยักหน้าให้ฉิงเค่อ
ฉิงเค่อฝืนกลั้นรอยยิ้มเอาไว้แล้วไปเปิดลูกกรงหน้าต่าง
เจียงเซี่ยนปรายตามองไปก็รู้ว่าตนเองเดาไม่ผิด จึงเอ่ยทันทีโดยไม่รอให้หลี่เชียนเอ่ยปากว่า “ที่นี่คือกองบัญชาการต้าถง ท่านลุงใหญ่กับท่านพี่ต่างก็อยู่ที่นี่ เจ้าว่างไม่มีอะไรทำ จึงอยากประลองฝีมือกับท่านลุงใหญ่และท่านพี่ใช่หรือไม่!”
“เจ้าอย่าเอาแต่คิดว่าข้าดื้อแบบนั้น ข้ายังคงเคารพท่านลุงใหญ่กับท่านพี่มาก” หลี่เชียนพูดไปก็ถามนางเสียงเบาด้วยรอยยิ้มว่า “ในห้องเจ้าไม่มีคนอื่นใช่หรือไม่?”
เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ “ต่อให้ในห้องข้ามีคนอื่น เจ้าก็จะไม่เข้ามาอย่างนั้นหรือ?”
หลี่เชียนไม่เห็นด้วย เขายิ้มอย่างชั่วร้ายและเอ่ยว่า “ถึงได้บอกว่าเจ้ารู้จักข้าดี!”
เจียงเซี่ยนมองเขาตาขวางครั้งหนึ่ง
หลี่เชียนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังอ้อมไปหน้าประตูและเดินเข้ามา
ฉิงเค่อรีบไปปิดหน้าต่าง และสั่งให้สาวใช้นำชากับของว่างมา
หลี่เชียนวางห่อผ้าสักหลาดเล็กๆ ในมือลงบนโต๊ะอุ่นตรงหน้าเจียงเซี่ยนและเอ่ยว่า “ข้าให้คนทำขนมข้าวที่เจ้าชอบที่สุดมาให้เจ้า เจ้าลองชิมดูว่ารสชาติถูกปากเจ้าหรือไม่ หากเจ้ารู้สึกว่าอร่อย ข้าจะดึงแม่ครัวคนนี้มารับใช้เจ้าในเรือนของเจ้าด้วย” เขาพูดไปก็เปิดห่อผ้าสักหลาด เผยให้เห็นขนมข้าวที่สว่างไสวมากและมีควันกรุ่นๆ
เดิมทีเจียงเซี่ยนกินอิ่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทว่าพอเห็นจู่ๆ ก็อยากอาหารขึ้นมาอีก
หลี่เชียนเห็นสถานการณ์จึงสั่งให้ไป่เจี๋ยไปชงเหล่าจวินเหมยมาให้เจียงเซี่ยนกาหนึ่ง หากไม่มีเหล่าจวินเหมยก็เปลี่ยนถ้วยชงชา
ไป่เจี๋ยขานรับและไป
เจียงเซี่ยนอดที่จะมองไป่เจี๋ยอีกครั้งไม่ได้
หลี่เชียนเห็นแล้วก็มองตามสายตาของนางไป และเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “เป็นอะไรไป? มีอะไรผิดปกติหรือ?”
“เปล่า!” เจียงเซี่ยนหมดสิ้นความอยากอาหารทันที และไม่มีความคิดที่จะกินแม้แต่นิดเดียว นางเอ่ยอย่างไม่สบายใจว่า “ข้ากลัวว่าข้ากินแล้วจะไม่ย่อย”
หลี่เชียนรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนต้องไม่ได้กลุ้มเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน
หากนางไม่อยากกิน ก็สามารถปฏิเสธเขาได้ทันที ไม่จำเป็นต้องกลับคำแบบนี้
เช่นนั้นเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นนะ…เขาสั่งให้ไป่เจี๋ยไปชงชา…
หลี่เชียนคิดแล้วอดที่จะเลิกคิ้วไม่ได้ ความพึงพอใจฉายวาบผ่านไปในดวงตา
ที่แท้…เจียงเซี่ยนไม่ชอบให้เขาสั่งสาวใช้ของนาง
หรือว่าสาวใช้คนนั้นหน้าตาสวยมากอย่างนั้นหรือ?
หลี่เชียนคิดไป ตอนที่ไป่เจี๋ยนำชามาให้ เขาก็ตั้งใจมองไป่เจี๋ยครั้งหนึ่ง
คิ้วของสาวใช้คนนี้เหมือนเจียงเซี่ยนมาก
นั่นเป็นคิ้วที่โค้งเหมือนใบหลิวและเหมือนขนนกสีดำ หน้าตาว่านอนสอนง่าย ทำให้คนเห็นแล้วสบายใจมาก
เจียงเซี่ยนที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้สึกแค่ว่ามีกองไฟนิรนามแผดเผาที่อก เผาจนนางรู้สึกว้าวุ่นใจ…สีหน้าของนางจึงเย็นชาเล็กน้อยทันที
หลี่เชียนเห็นแล้วอยากหัวเราะมาก
แต่เขาทำไม่ได้!
หากเขาหัวเราะออกมาตอนนี้ ก็รอเจียงเซี่ยนถีบเขาลงจากเตียงอุ่นได้เลย และไม่แน่การหมั้นของพวกเขาก็อาจจะสิ้นสุดลงตรงนี้ด้วย
หลี่เชียนรีบเข้าไปใกล้ และกระซิบกระซาบกับเจียงเซี่ยน “สาวใช้คนนี้ชื่ออะไร? เมื่อครู่เจ้าไม่มองนาง ข้าก็ยังไม่สังเกตว่า คิ้วของสาวใช้คนนี้เหมือนเจ้ามากทีเดียว…แต่สวยไม่เท่าเจ้า…”
เขาเอ่ยพลางเงยหน้ามองเจียงเซี่ยน
ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ว่าเป็นความเข้าใจผิด
————————————