มู่หนานจือ – บทที่ 258 จัดงานเลี้ยงต้อนรับ

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนอึ้งไป

หลังจากนั้นหัวใจก็เหมือนรัวกลอง

นางถามว่า “คิ้วของไป่เจี๋ย…เหมือนกับข้ามากจริงๆ หรือ?”

น้ำเสียงฟังดูระมัดระวังมาก

หลี่เชียนเลียนแบบท่าทางของเจียงเซี่ยน มองเงาร่างของไป่เจี๋ยและเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ใช่ว่าหน้าตาเหมือนกับเจ้า แต่พวกเจ้าคิ้วเหมือนกัน ดูท่าทางว่านอนสอนง่ายมาก” เขาพูดอยู่ก็นึกถึงความกลัดกลุ้มของเจียงเซี่ยนเมื่อครู่ แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีก จึงหันกลับไปมองตาของเจียงเซี่ยนอย่างแน่วแน่ แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือออกไปปิดจมูกกับปากของเจียงเซี่ยนเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่เหมือนกันสักนิดอยู่ดี…นางไม่มีดวงตาที่…ใสแจ๋ว ใสสะอาด สว่างไสว และระยิบระยับเหมือนเจ้า…” สายตาของเขาเหมือนผิวน้ำในยามพระอาทิตย์ตกดินที่ส่องแสงสีทองเล็กน้อย และราวกับจะโอบกอดนางอย่างอ่อนโยน

หน้าของเจียงเซี่ยนร้อนมากทันที ทั้งอายและลนลาน จึงผลักหลี่เชียนออกในทีเดียว และหันหน้าไปทางอื่นอย่างอึดอัด แล้วเอ่ยเสียงดังอย่างประหม่าว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? ข้าไม่ใช่ดาวเสียหน่อย สว่างไสว ระยิบระยับ…”

นางหลุบตาลงและหูแดงมาก เหมือนกระต่ายน้อยที่ตกใจฝืนทำเป็นเยือกเย็นต่อหน้าเขา ช่างน่ารัก

หัวใจของหลี่เชียนอ่อนจนเละไปหมด

เขาอยากให้เจียงเซี่ยนมีความสุขเวลาที่อยู่กับเขา จึงไม่มีทางที่จะปัดความต้องการของนางอยู่แล้ว เขาถือโอกาสนั่งตัวตรงเช่นกัน แล้วก็เพียงแค่มองนางและยิ้ม

เขายิ้มจนเจียงเซี่ยนเขินอาย ในใจนางก็ซ่อนความลับหนึ่งเอาไว้อีก จึงกัดฟันเรียกไป่เจี๋ยมาเสียเลย และตั้งใจมองไป่เจี๋ย พลางเอ่ยว่า “แม่ทัพบอกว่าคิ้วของเจ้าเหมือนข้า ข้าจะดูว่าเหมือนหรือไม่กันแน่”

ไป่เจี๋ยตกใจแทบตาย สีหน้าซีดเผือด จนยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ

นางจะหน้าตาเหมือนท่านหญิงได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้นยังถูกแม่ทัพหลี่ชมเช่นนี้…โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเสียงที่ท่านหญิงพูด ทำไมนางฟังแล้วถึงรู้สึกว่าอิจฉาริษยา ท่านหญิงเหมือน…เหมือน…กำลังหึง…

นางไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตรอดเดินออกไปจากห้องนี้ได้หรือไม่

ทว่านางก็ไม่กล้าคุกเข่า และยิ่งไม่กล้าขอความเมตตา

ไม่อย่างนั้นท่านหญิงก็จะได้ชื่อว่า ‘ขี้อิจฉา’ ไม่ใช่หรือ และเช่นนั้นนางก็จะมีแต่หมดอนาคตแล้วจริงๆ

ไป่เจี๋ยยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย ในสมองว่างเปล่า

กว่าเจียงเซี่ยนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง นางก็เหงื่อตกเต็มศีรษะแล้ว

ตอนแรกเจียงเซี่ยนยังแปลกใจเล็กน้อย ทว่าไม่นานนางก็เข้าใจ

นางละอายใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้

เรื่องนี้เป็นเพราะนางคิดซับซ้อน จึงทำร้ายจิตใจไป่เจี๋ยไปเปล่าๆ

นางรีบยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าดูแล้วก็เหมือนนิดหน่อยเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าข้างกายข้ายังมีคนที่เหมือนข้าด้วย” แล้วให้คนตกรางวัลให้ไป่เจี๋ยเป็นเงินสองแท่ง และเอ่ยว่า “หายากที่เจ้าจะมีจุดที่เหมือนข้า เอาไปซื้อดอกไม้ประดับผมเถอะ”

ไป่เจี๋ยถอยออกไปอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น จนกระทั่งเดินไปถึงกลางลาน มีลมกลางคืนเย็นๆ พัดโดนตัว นางถึงรู้สึกตัวว่านางเหงื่อออกจนเสื้อด้านหน้าเปียกชุ่ม

นางอดที่จะจับมือของฉิงเค่อไม่ได้ และเอ่ยเสียงเบาอย่างตื่นตระหนกว่า “ฉิงเค่อ ท่านหญิงจะไม่ไล่ข้าออกจากจวนหรือให้ข้าไป…”

ปรนนิบัติหลี่เชียน

เพียงแต่คำพูดที่คาดเดาท่านหญิงแบบนี้นางไม่กล้าพูด และพูดไม่ออกเช่นกัน

ฉิงเค่อเยือกเย็นกว่านางมาก เอ่ยว่า “ไม่มีทางหรอก! ท่านหญิงไม่ใช่คนแบบนั้น! เจ้าดูติงเซียงกับเถิงหลัวที่รับใช้ท่านหญิงก่อนหน้านี้สิ ตอนที่แต่งงานท่านหญิงยังตั้งใจส่งนางในอาวุโสไปอวยพรโดยเฉพาะ เป็นหน้าเป็นตาให้ทั้งสองคน”

“นั่นก็จริง!” ไป่เจี๋ยโล่งอก ทว่าอย่างไรนางก็รู้สึกว่าการที่ตนเองทำให้หลี่เชียนสนใจไม่ใช่เรื่องดีนัก จึงปรึกษากับฉิงเค่อ “ต่อไปข้าจะช่วยท่านหญิงดูแลกิจวัตรประจำวันบางอย่างแล้วกัน แล้วเจ้าก็รับผิดชอบงานในเรือนนี้มากหน่อย”

ฉิงเค่อก็รู้สึกว่าไป่เจี๋ยสามารถทิ้งความประทับใจไว้ในใจหลี่เชียนได้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน จึงทำหน้าขรึมและตอบตกลง นางแบ่งงานในเรือนของเจียงเซี่ยนกับไป่เจี๋ยใหม่ พลางครุ่นคิดว่าต้องบอกเรื่องนี้กับเมิ่งฟางหลิงหรือไม่ จะได้ปรึกษากับเมิ่งฟางหลิงว่าควรจะทำอย่างไร

เจียงเซี่ยนลืมเรื่องนี้ไปอย่างสิ้นเชิงตั้งนานแล้ว จึงย่อมไม่สังเกตเห็นความคิดของสาวใช้ประจำตัวสองคนของตนเองเช่นกัน แต่พอนึกถึงความรักของหลี่เชียนที่มีต่อไป่เจี๋ยในตอนนั้น…ก็อยากถามหลี่เชียนมากว่า เขาชอบคิ้วของนางหรือไม่? ตอนนั้นที่ดีกับไป่เจี๋ยขนาดนั้น เป็นเพราะไป่เจี๋ยเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนาง และยังมีคิ้วที่เหมือนกับนางมากด้วยหรือ?

ทว่าเรื่องนี้นางอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานมากก็พูดไม่ค่อยออก

หลี่เชียนก็ไม่ค่อยเข้าใจเจียงเซี่ยนนัก

ตามหลักแล้ว เขาเอ่ยอย่างหมดเปลือกแบบนี้แล้ว เจียงเซี่ยนควรจะวางใจถึงจะถูก ทำไมกลับหนักใจขึ้นเล่า?

หรือว่ายังมีอะไรที่เขาไม่รู้อย่างนั้นหรือ!

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้เจียงเซี่ยนไม่มีความสุขเช่นกัน

เขาคิดแล้วก็อมยิ้มและเอ่ยทันทีว่า “รีบกินขนมข้าวเถอะ เย็นแล้วก็ไม่อร่อยแล้ว!”

ไม่ได้ซักถามต่อ

เรื่องบางเรื่องจะพูดออกมาก็ต้องดูจังหวะและโอกาส

เวลานี้บรรยากาศของทั้งสองคนดีขนาดนี้ เขาก็ไม่ควรจะเอ่ยถึงพวกเรื่องที่ทำให้เจียงเซี่ยนไม่สบายใจ

เจียงเซี่ยนยิ้มและพยักหน้า นางดื่มชาอึกหนึ่ง และกินขนมข้าวสองชิ้น

หลี่เชียนก็ไม่ให้นางกินแล้ว บอกว่ากินเยอะแล้วกลัวว่านางจะไม่ย่อย และหยิบผ้าเช็ดหน้ามาจะเช็ดมือให้นาง

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าตนเองไม่ใช่เด็กเสียหน่อย จึงไม่ยอม

ทั้งสองคนหยอกเล่นกันอยู่นานมาก พอเห็นว่าดึกมากแล้ว หลี่เชียนถึงกลับไป

เจียงเซี่ยนกอดหมอนอิงพลางมองถุงใบเล็กสีต่างๆ ที่ยัดกลิ่นยานอนหลับเอาไว้และแขวนอยู่ที่หลังคามุ้งเตียงทาสี เดี๋ยวก็ยิ้มเดี๋ยวก็เม้มปาก

เซียงเอ๋อร์กับจุ้ยเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะอย่างเงียบๆ ยังไม่กล้าให้เจียงเซี่ยนเห็น

วันรุ่งขึ้นพวกเฉาเซวียนรับประทานอาหารเช้าแล้วคุยเป็นเพื่อนเจียงเจิ้นหยวนพักหนึ่ง ก็ไปบ้านที่ตั้งอยู่ที่ถนนตะวันตกของตระกูลหลี่

เพราะเป็นจุดพักชั่วคราว ลานบ้านจึงไม่ใหญ่นัก เครื่องเรือนทาสีดำสะอาดสะอ้าน ม่านผ้าไหมหังสีเขียว เครื่องปั้นดินเผาที่เผาจากเตาของจิ่งเต๋อเจิ้น เครื่องดีบุกเก่าของอวิ๋นหนาน ดอกโบตั๋นดอกใหญ่ๆ ต้นการบูรที่เขียวชอุ่ม ทุกที่เผยให้เห็นความประณีตและพิถีพิถัน

เฉาเซวียนเห็นแล้วก็อดที่จะหรี่ตาไม่ได้

เขายังคิดว่าจะได้เห็นสถานที่ที่ใหญ่โตหรูหรา…แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลี่ที่มาจากโจรท้องถิ่นจะหลุดพ้นจากสีสันสดใสสวยงามที่ธรรมดาได้เร็วขนาดนี้ และรู้ว่าจะตกแต่งบ้านเช่นชนชั้นสูงอย่างไรแล้ว

คนคนหนึ่ง…มีแต่ตอนที่ไม่พอใจกับสภาพในปัจจุบันเท่านั้น ถึงจะพยายามเข้าใกล้ชนชั้นที่ตนเองหวังว่าจะไปถึง

หรือว่า…คนที่รู้จะมีแต่หลี่เชียน?

เฉาเซวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลี่เชียนที่กำลังคุยกับเจียงลวี่และหวังจ้าน

หลี่เชียนเอวบางขายาว วันนี้สวมเสื้อคลุมยาวลายทรงกลมสีน้ำเงินสดใส ตรงเอวผูกสายไหมที่ถักทอด้วยไหมทองประหลาดๆ ยิ่งแลดูรูปร่างผอมสูง หน้าตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าและท่าทางถ่อมตน สุภาพ และเปิดเผยตรงไปตรงมา คนที่ไม่รู้เบื้องหลังของเขามองไป อาจจะรู้สึกว่าตนเองเห็นลูกหลานชนชั้นสูงที่มีความสามารถโดดเด่นและสง่างาม ใครจะจะคิดว่าคนๆ นี้เป็นแม่ทัพที่ไหนกัน

นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่เขาสามารถเดินมาถึงวันนี้ได้กระมัง?

เฉาเซวียนกำลังคาดเดา สายตาจึงหยุดอยู่ที่หลี่เชียนตลอด

จู่ๆ ก็มีคนถามเขาข้างกายว่า “เจ้าคิดว่า…หลี่เชียนอยากแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนานจริงๆ หรือไม่?”

เฉาเซวียนหันกลับไปมอง และเห็นใบหน้าที่เจือความกังวลของเติ้งเฉิงลู่

“ต้องอยากแต่งงานกับเจียหนานจริงๆ อย่างแน่นอน!” เฉาเซวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม โดยเน้นคำว่า ‘แต่งงาน’ เล็กน้อย

เติ้งเฉิงลู่ได้ยินแล้วสีหน้ากังวลมากขึ้น

เฉาเซวียนนึกได้ว่าตอนนั้นมีแต่เขาที่สังเกตเห็นความผิดปกติของจินเซียว จึงอดที่จะใจเต้นไม่ได้ และเอ่ยว่า “หรือว่าเจ้ามองอะไรบางอย่างออกอย่างนั้นหรือ?”

“เปล่า!” เติ้งเฉิงลู่ขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก ทำไมท่านหญิงถึงไปกับหลี่เชียน? ต่อให้ก่อนหน้านี้หลี่เชียนเคยติดต่อกับท่านหญิง ท่านหญิงก็ดูเหมือนไม่ใช่คนแบบที่นึกจะไปก็ไปเช่นกันนี่นา…เรื่องนี้แปลกมากจริงๆ!”

เฉาเซวียนไม่เอ่ยสิ่งใด สายตาจับจ้องไปที่หลี่เชียนอีกครั้ง

แล้วเขาก็พบเรื่องที่น่าสนใจเข้าแล้ว

————————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท