ฮูหยินหลี่ประคองเจียงเซี่ยนให้คุกเข่าลงบนเบาะรองนั่งทรงกลมที่ทำจากธูปฤาษีตรงหน้า เจียงเซี่ยนคุกเข่าคำนับเจียงเจิ้นหยวนกับฮูหยินฝางอย่างเคารพนบนอบสามครั้ง เหมือนอยากผสมความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อสามีภรรยาสกุลเจียงในช่วงหลายปีนี้เข้าไปในนั้นให้หมด
แน่นอนว่าเจียงเจิ้นหยวนกับฮูหยินฝางย่อมรู้สึกได้
ขอบตาของทั้งสองคนต่างชื้นเล็กน้อย รับการคารวะจากเจียงเซี่ยนแล้วก็กำชับตามมารยาทประมาณว่า “ถือการเชื่อฟังเป็นหลักการ อย่าลืมจริงจังและเคารพ” แล้วฮูหยินหลี่ก็เข้าไปคลุมผ้าคลุมหน้าให้เจียงเซี่ยน และสตรีที่คอยดูแลเจ้าสาวในพิธีแต่งงานของตระกูลหลี่ก็พยุงให้เดินออกไปจากห้องโถง
พวกฮูหยินฝางกับไป๋ซู่ต่างก็ร้องไห้ออกมา
เจียงเซี่ยนอยากหันกลับไปมองสักครั้ง ทว่าสิ่งที่ดวงตามองเห็นกลับเต็มไปด้วยสีแดงสด ฮูหยินหลี่ก็หัวเราะเบาๆ และเอ่ยจากข้างๆ ว่า “ท่านหญิง ฮูหยินกำลังอาลัยอาวรณ์ท่าน ต่อไปท่านก็กตัญญูต่อฮูหยินให้มากแล้วกัน”
หากไม่ทันฤกษ์จะแย่
เจียงเซี่ยนอยากคุกเข่าคำนับเจียงเจิ้นหยวนกับฮูหยินฝางอีกครั้งมาก
แต่เสียงของเจียงลวี่กลับดังขึ้นข้างหูนาง “เป่าหนิง พี่จะแบกเจ้าขึ้นเกี้ยว!”
น้ำตาของเจียงเซี่ยนร่วงลงมาอีกครั้ง
คนที่อยู่ข้างๆ ช่วยให้นางซบลงบนหลังของเจียงลวี่
เจียงลวี่แบกนางขึ้นเกี้ยวอย่างมั่นคง
ท่ามกลางเสียงประทัด ตามด้วยเสียงฆ้องและกลองที่ดังขึ้น เกี้ยวก็ถูกยกขึ้น
นางออกจากกองบัญชาการต้าถงอย่างหนักแน่น
นอกเกี้ยวเป็นเสียงโหวกเหวกของคนที่ดังอึกทึกครึกโครม
น่าจะมีคนกำลังดูความคึกคักเยอะมากกระมัง!
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็ยับยั้งไม่ให้ตนเองเลิกม่านเกี้ยวขึ้นอย่างยากลำบาก
เสียงประทัด เสียงฆ้องกับกลอง เสียงโหวกเหวกของคน ติดตามเกี้ยวเจ้าสาวของนางมาตลอด จนกระทั่งเกือบหนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เกี้ยวเจ้าสาวออกจากประตูเมืองแล้ว เสียงเหล่านั้นถึงจะค่อยๆ ห่างออกไป
เจียงเซี่ยนโล่งอก
เกี้ยวมุ่งไปข้างหน้าต่อ
เจียงเซี่ยนง่วงนอนมาก
นางนึกถึงคำพูดของท่านป้าสะใภ้ใหญ่ก่อนที่จะขึ้นเกี้ยว บอกว่าออกจากประตูเมืองแล้วก็สามารถถอดผ้าคลุมหน้าได้ชั่วคราว ไว้ตอนที่จะลงจากเกี้ยวค่อยคลุม
เวลานี้ออกจากประตูเมืองแล้ว
บนศีรษะนางยังสวมมงกุฎหงส์ของเจ้าสาวอยู่ จึงดึงผ้าคลุมหน้าลงอย่างระมัดระวังมาก
ไม่ต้องถูกขังอยู่ระหว่างพื้นที่หนึ่งตารางนิ้วที่เล็กมาก เจียงเซี่ยนก็โล่งใจ พอมองไปรอบด้าน ถึงพบว่าใต้ที่นั่งของเกี้ยวยัดหมอนอิงใบใหญ่เอาไว้หลายใบ
เจียงเซี่ยนดีใจมาก และดึงหมอนอิงออกมารองตรงเอว
เสียงของชีกูดังมาจากนอกเกี้ยว “ท่านหญิง ไม่อย่างนั้นท่านนอนพักในเกี้ยวสักครู่ ยังอีกสองชั่วยามกว่าพวกเราจะถึงจุดแวะพักระหว่างทางเจ้าค่ะ!”
เจียงเซี่ยนกำลังง่วงมากและสัปหงกตลอด พอได้ยินจึงรู้สึกดีใจ นางเอ่ยเบาๆ ว่า “อืม” และเอนหลังลงท่ามกลางหมอนอิงใบใหญ่หลายใบ แล้วก็หลับไปแบบนั้น
กว่านางจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เกี้ยวก็จอดแล้ว ชีกูถามนางจากข้างเกี้ยวว่า “ท่านหญิงจะดื่มน้ำสักหน่อยหรือไม่? ส่วนพวกเสบียงวางอยู่ใต้ที่นั่งของเกี้ยวหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนหาแล้วก็พบว่าไม่เพียงแต่มีกล่องอาหาร ทว่ายังมีโถส้วมด้วย…
จู่ๆ นางก็ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น จึงแค่ดื่มน้ำเล็กน้อย แล้วก็หลับสนิทไปอีกครั้ง
เจียงเซี่ยนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะถูกชีกูปลุก
พวกนางถึงจุดแวะพักระหว่างทางแล้ว ชีกูให้นางคลุมผ้าคลุมหน้า ฮูหยินหลี่จะมาจูงนางลงจากเกี้ยว
เจียงเซี่ยนได้ยินก็คลุมผ้าคลุมหน้า และลงจากเกี้ยวโดยมีฮูหยินหลี่คอยพยุง จนกระทั่งอยู่ในห้องแล้ว เจียงเซี่ยนถึงเปิดผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง
จุดแวะพักระหว่างทางสะอาดและเรียบง่าย ไม่มีอะไรให้ชมนัก เพียงแต่ครั้งนี้น่าจะเพื่อต้อนรับการมาเยือนของนาง บนลูกกรงหน้าต่างของห้องที่นางพักผ่อนจึงติดตัวอักษรมงคลคู่สีแดง ส่วนผ้าห่มกับฟูกที่ห่มคลุมนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกนางนำมาเอง
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อดูแลให้นางเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม ล้างหน้า และพักผ่อน
ปิงเหอที่อยู่ข้างกายหลี่เชียนมาหา และนำยี่โถมาให้นางกำหนึ่งด้วย บอกว่าหลี่เชียนให้เขานำมา
ฉิงเค่อยิ้มพลางไปหาแจกันคนโทเครื่องลายคราม และเสียบยี่โถกำนั้นลงไปในคนโท
ทันใดนั้นในห้องก็มีชีวิตชีวาและงดงามเล็กน้อย
ฮูหยินฉีที่มาอยู่เป็นเพื่อนนางเห็นแล้วก็อดที่จะชมไม่ได้ว่า “แม่ทัพหลี่ช่างเอาใจใส่จริงๆ!”
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และรู้สึกดีใจมาก นางกินขนมข้าวรองท้องไปสองสามชิ้น ก็ล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยมากและหลับไปทันที
—
เช้าวันรุ่งขึ้น นางเปลี่ยนรถม้า และออกเดินทางไปไท่หยวน
ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อนั่งอยู่ในรถม้ากับนาง คุยเป็นเพื่อนนาง และอ่านนิยายให้นางฟัง
ผ่านไปสองสามวันเช่นนี้ ปลอดภัยมาก และไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
เจียงเซี่ยนถามฮูหยินฉีว่า “ยังอีกกี่วันจะถึงไท่หยวนหรือ”
ฮูหยินฉียิ้มพลางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ก็ถึงไท่หยวนแล้ว”
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าเหลือเชื่อเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ไม่มีใครมาปล้นเลยหรือ?”
ฮูหยินฉีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดิมทีเมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าแห่งก็เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ตรงด่านชายแดน คนที่ตั้งมั่นรักษาการณ์ล้วนเป็นแม่ทัพกับทหารของฐานที่มั่น เรื่องโจรท้องถิ่นกับการปล้นนั้นเดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว ครั้งที่แล้วหากไม่ใช่ว่าสินสอดของตระกูลหลี่ทำให้คนอิจฉาตาร้อนจริงๆ จะมีใครเสี่ยงมาปล้น? ยิ่งกว่านั้นหลังจากครั้งที่แล้ว แม่ทัพหลี่ไม่เพียงแต่เพิ่มระดับแรงในการสังหารคน ทว่ายังปล่อยข่าวออกไปด้วยว่า ครั้งนี้หากใครกล้ามาปล้น ไม่ว่าจะปล้นสำเร็จหรือไม่ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เขาก็จะเล่นงานสำนักของคนเหล่านั้น เล่นงานลู่หลินซานซี แล้วจะมีสักกี่คนที่คิดไม่ตก และมาปล้นทั้งที่รู้ความร้ายกาจของแม่ทัพหลี่แล้ว แถมยังมีแม่ทัพกับทหารจากฐานที่มั่นของกองบัญชาการไท่หยวนกับกองบัญชาการซานซีคุ้มกัน? มีเงินก็ต้องมีชีวิตใช้ด้วยถึงจะถูก!”
เจียงเซี่ยนยิ้มอย่างลำบากใจ
ทว่าฮูหยินฉีกลับมีเรื่องอื่นที่สนใจ นางเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ถึงแม้เสบียงพวกนั้นจะไม่อร่อย แต่อย่างไรท่านก็กินสักหน่อย ท่านรับแค่อาหารเช้ากับอาหารเย็นแบบนี้ ร่างกายจะทนไม่ไหว”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางรับปาก แต่กลับไม่คิดจะกิน
ฮูหยินฉีไม่รู้นิสัยนาง แค่เห็นว่านางรับปากแล้ว ก็ไม่ได้สนใจ
เที่ยงคืน หลี่เชียนก็มาเคาะหน้าต่างของนาง
นางโกรธมาก และเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้ายังจะให้ข้านอนหรือไม่!”
ฮูหยินฉีก็นอนอยู่หลังฉากกั้นหน้าเตียง
นี่หากทำให้ฮูหยินฉีตื่น ก็คงจะกลายเป็นเรื่องตลกใหญ่แล้ว
หลี่เชียนอมยิ้มพลางมองนาง แล้วล้วงองุ่นพวงหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ให้เจ้า พรุ่งนี้ให้สาวใช้ล้างให้เจ้าและเอาไปกินระหว่างทางด้วย!”
เจียงเซี่ยนรับผูเถามา บนหน้าร้อนผะผ่าว
หลี่เชียนเห็นแล้วก็จะนั่งลงบนขอบเตียง เจียงเซี่ยนเตะเขาทันที และเตือนเขาเสียงเบาว่า “เจ้ายังไม่รีบไปอีก! ต้องรอให้ฮูหยินฉีตื่นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”
นี่เพิ่งจะทำตัวเรียบร้อยได้กี่วัน ก็เริ่มคิดร้ายอีกแล้ว
หลี่เชียนไม่เห็นด้วย เขาเปลี่ยนที่และนั่งลง แล้วเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ก็จะถึงไท่หยวนแล้ว เจ้าพักที่จวนอีกหลังก่อน ข้าจะกลับจวนเลย ส่วนฮูหยินฉีจะนำสินเดิมของเจ้าไปปูเตียงที่ตระกูลหลี่ ข้าให้ชีกู เซียงเอ๋อร์ และจุ้ยเอ๋อร์อยู่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ต้องการอะไรก็บอกพวกนาง วันมะรืนกลางยามเซินข้าจะออกมาจากบ้านมาแต่งกับเจ้า…”
เรื่องพวกนี้ฮูหยินฝางเคยบอกเจียงเซี่ยนก่อนหน้านี้แล้ว เขายังควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างและกำชับนางอย่างละเอียดอีก นางรู้สึกว่าเขาจุ้นจ้าน แต่ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อยอีกอย่างบอกไม่ถูก…บนหน้าร้อนขึ้นแล้ว
“รู้แล้ว!” เจียงเซี่ยนไล่เขาอย่างอึดอัดเล็กน้อย “เจ้ารีบกลับไปเถอะ! ทางข้ามีฮูหยินฉีดูแล ไม่เป็นไรหรอก”
หลี่เชียนยิ้มพลางลุกขึ้น
เจียงเซี่ยนคิดว่าเขาจะไปแล้ว
ใครจะรู้ว่าเขากลับก้มลงมาลูบศีรษะของเจียงเซี่ยน และกระซิบเสียงอ่อนโยนข้างหูนางว่า “นอนเร็วหน่อย หากคิดว่าเสบียงพวกนั้นไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน พรุ่งนี้ข้าจะให้คนเตรียมขนมอบให้เจ้าแต่เช้า พูดถึง…นี่เป็นความสะเพร่าของข้า ลืมไปว่าเจ้าไม่ชอบกินของที่ค้างคืนหรือวางไว้นานเกินไป…”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป
หลี่เชียนยิ้มและปีนหน้าต่างออกไปแล้ว
เจียงเซี่ยนนั่งอยู่ที่หัวเตียง มองตะเกียงน้ำมันที่ไส้ตะเกียงไหม้จนกลายเป็นรูปดอกไม้บนโต๊ะยาวของจุดแวะพักระหว่างทาง แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ
————————————