สถานการณ์นี้มีบางอย่างผิดปกติ
นอกประตูห้องหอควรจะมีคนเฝ้าอยู่ถึงจะถูก แต่คนพวกนี้กลับสามารถเข้ามาถึงในเรือนได้…หากเป็นคนที่จะเข้าร่วมพิธีที่ญาติของทั้งสองฝ่ายจะพบกันเป็นครั้งแรกในวันพรุ่งนี้ก็แล้วไป ทว่าคนพวกนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงญาติห่างๆ หรือพวกญาติที่เกี่ยวดองกันกับตระกูลหลี่
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้าให้ฮูหยินหลี่
ฮูหยินหลี่ก็ยิ้มตอบนางเช่นกัน
ทั้งสองคนคนหนึ่งนั่งคนหนึ่งยืน ต่างก็ยืดหลังตรง ต้อนรับฮูหยินเหอที่กำลังจะมาถึง
ฮูหยินเหอรูปร่างปานกลาง หน้าตางดงาม ดูเหมือนเป็นเพียงผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยสาวและสวย นางสวมเสื้อคลุมยาวลายเปี้ยนตี้จิน สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนซ้อนกัน และคนโทสีแดงเข้ม ชายกระโปรงหน้าม้าเป็นลายกิ่งดอกไม้สีเหลืองอ่อนและสีเขียวเป็นมัน สีหน้าที่อ่อนแอทำให้นางดูเหมือนกิ่งไห่ถังที่สดใสงดงาม และสวยจนทำให้คนสนใจ
นางเข้ามาก็ขอโทษทั้งสองคนทันทีด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ “ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไม่ได้ดูแล ขอให้ท่านหญิงกับฮูหยินหลี่อภัยให้ด้วย!”
คำพูดสื่อความหมายว่าคนพวกนี้ไม่ควรจะปรากฏตัวที่นี่
ล่วงเกินทุกคนในห้องทันที
ท่านย่าผู้นั้นเอ่ยอย่างเย็นชาปนเสียดสีว่า “ไม่ว่าตระกูลไหนก็มีญาติที่ยากจนกันทั้งนั้น ใครก็ไม่ควรรังเกียจ! แม้เวลานี้ฉางชิงจะเป็นถึงแม่ทัพแล้ว ทว่าเห็นแก่บุญคุณของข้าวหลายมื้อในตอนนั้นของข้า ตอนช่วงปีใหม่หรือเทศกาลอื่นๆ ก็จะส่งหญิงรับใช้ไปคารวะและถามสารทุกข์สุขดิบข้าที่บ้าน แม้แต่ตอนนั้นที่แม่ของจงเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ ก็ใช้เงินช่วยเหลือพวกหญิงชราเรื่องเสบียงอาหารบ่อยเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าพอถึงตอนที่ฮูหยินเหอดูแลครอบครัว พวกเรามาดูเจ้าสาวของจงเฉวียนก็ไม่ได้แล้ว จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ในตระกูลล้วนเปลี่ยนไปแล้ว!” นางพูดไปก็ตวาดคนที่อยู่ข้างกายว่า “ไป! ไป! จะอยู่ที่นี่ทำไม? ให้คนรังเกียจหรือ!” แล้วก็พึมพำเสียงเบาอีกว่า “ท่านหญิงยังไม่รังเกียจพวกเราเลย ภรรยาใหม่ที่มาจากตระกูลพ่อค้าอย่างเจ้า กลับรังเกียจพวกเราขึ้นมา”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่!” ฮูหยินเหอพึมพำ พลางมองเจียงเซี่ยนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แล้วก็พึมพำอย่างอยากพูดแต่ก็หยุดไว้
ส่วนเหล่าสาวใช้กับหญิงรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างหลังนางก็ก้มหน้า และไม่มีใครออกมาแก้หน้าให้นางแม้แต่คนเดียว
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับกังวลว่านางจะผลักหลี่ฉางชิงออกมาด้วยและเอ่ยประมาณว่า ‘ใต้เท้าเป็นคนสั่งว่าไม่ให้ญาติกับเพื่อนหยอกล้อในห้องหอ’ จึงรีบส่งสายตาให้ฉิงเค่อ
ความจริงพิสูจน์แล้วว่า ชาติก่อนฉิงเค่อสามารถยืนหยัดอยู่ในพระราชวังต้องห้ามที่ใหญ่ขนาดนั้นได้ ก็สามารถยืนหยัดที่กองบัญชาการเล็กๆ ได้เหมือนกัน นางเดินออกมาโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ และเอ่ยกับท่านย่าผู้นั้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ดูที่ท่านพูดเข้าสิ ฮูหยินจะรังเกียจที่ท่านมาดูเจ้าสาวของนายท่านได้อย่างไร? ท่านมาดื่มเหล้ามงคลได้ ฮูหยินของพวกเราดีใจยังไม่ทันเลย! เพียงแต่เห็นว่าใกล้จะยามห้ายแล้ว งิ้วข้างนอกร้องจบแล้วยังเตรียมอาหารมื้อดึกเอาไว้ด้วย เพราะคนที่อยู่จนถึงเวลานี้ก็มีแต่ญาติในครอบครัวเดียวกันแล้ว พรุ่งนี้ญาติของทั้งสองฝ่ายจะพบกันเป็นครั้งแรกคนเยอะ ท่านหญิงกลัวว่าจะเสียมารยาท จึงเตรียมของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกให้ทุกคนด้วย กำลังจะส่งไปตามรายการของขวัญ ดังนั้นฮูหยินถึงได้เชิญท่านย่ากับนายหญิงทุกท่านไป เพราะกลัวว่าหากตกหล่นครอบครัวไหนไปก็แย่แล้ว!”
คนเหล่านั้นพอได้ยินว่ามีอาหารการกินแล้วยังมีของให้อีก ก็ระบายรอยยิ้มเต็มหน้าทันที และไม่หาเรื่องฮูหยินเหออีก ต่างคนต่างนัดกันออกไปจากห้องหอ
แต่ท่านย่าผู้นั้นกลับมองฉิงเค่อครั้งหนึ่ง และเอ่ยอย่างสงสัยว่า “แม่นางผู้นี้คุ้นหน้ามาก ข้าเคยเจอที่ไหนหรือไม่?”
ฉิงเค่ออาศัยว่าคนเหล่านี้ต่างไม่ได้เดินไปมาในจวนบ่อยนัก จึงสวมรอยเป็นคนที่อยู่ข้างกายฮูหยินเหอออกมายุ่งเรื่องคนอื่น พอได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เวลานี้ข้าเป็นคนรับใช้อยู่ในเรือนของท่านหญิง แต่กลับทำให้ท่านย่าหัวเราะเยาะ วันไหนท่านย่าเข้ามาเที่ยวในจวน ข้าจะคอยรับใช้เวลาท่านย่าดื่มเหล้า”
นางประจบท่านย่าผู้นั้นจนอีกฝ่ายยิ้มอย่างดีใจ และจากไปอย่างอารมณ์ดี
ฮูหยินเหอโล่งอก และขอบคุณเจียงเซี่ยนอย่างจริงใจ แล้วเอ่ยว่า “ท่านหญิงเตรียมของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกให้คนพวกนี้ด้วยหรือ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินพ่อบ้านบอกเลย ท่านว่าท่านต้องส่งคนไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
ของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกนั้น ก็เป็นเพียงการพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสำหรับใช้ชั่วคราวเท่านั้น เจียงเซี่ยนจะคิดถึงได้อย่างไรว่าญาติของตระกูลหลี่จะซับซ้อนขนาดนี้ และจะเตรียมของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกล่วงหน้าได้อย่างไร?
ทว่าฮูหยินเหอถามอย่างไร้เดียงสาแบบนี้ กลับทำให้เจียงเซี่ยนพูดไม่ออก จึงจำเป็นต้องสั่งฉิงเค่อว่า “เจ้าไปหาหัวหน้าพ่อบ้านหลี่ บอกเรื่องที่เกิดขึ้นทางนี้กับเขา และให้เขาคัดลอกรายการมา แล้วพวกเราก็ให้ของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกตามรายการนั้น ส่วนไป่เจี๋ยกับเซียงเอ๋อร์ไปเอาแท่งเงินเล็กๆ ที่เตรียมไว้ให้รางวัลคนก่อนหน้านี้ออกมาจำนวนหนึ่ง มีถุงเงินก็ใช้ถุงเงิน ไม่มีถุงเงินก็ใช้ซองสีแดง ต้องให้ทุกคนเหมือนกัน ทุกชุดหนึ่งคู่ มอบให้เป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก”
ทั้งสองคนขานรับพร้อมกัน และแยกกันไปทำงาน
ฮูหยินหลี่ถอนหายใจและเอ่ยว่า “ท่านหญิง ลำบากท่านแล้ว!”
“เรื่องในบ้าน…บอกไม่ได้ว่าลำบากหรือไม่” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างเฉยชา
ก่อนเกิดใหม่ เจียงเซี่ยนจัดการพวกเรื่องวุ่นวายทุกวัน เพียงแต่โดยปกติจะเป็นเรื่องเจ้อเจียงจ่ายภาษีไม่ทันเวลา กรมคลังก็รอเงินที่จะจัดสรรไปให้เมืองไคเฟิงขุดลอกแม่น้ำเหลือง ทุกคนผลัดกันพูดคนละประโยคในห้องทรงอักษร อ้างอิงตำราเป็นหลักฐานยืนยัน จนละอองฝอยน้ำลายจะกระเด็นมาถึงบนหน้านางแล้ว และซับซ้อนกว่านี้มาก คำพูดธรรมดาหลอกลวงพวกขุนนางที่มีความรู้มากไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในสายตาของฮูหยินหลี่เจือความเห็นใจเล็กน้อย
เวลานี้ฮูหยินเหอก็เข้าใจแล้วเช่นกัน
นางหน้าซีดทันที เหงื่อตกบนหน้าผากตลอด
มีสาวใช้ที่อายุสิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งใจกล้าเข้ามาพยุงนาง และถามนางเสียงเบาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ฮูหยินเหอยังคงโบกมือส่งสัญญาณว่าตนเองไม่เป็นไร แล้วฝืนทำจิตใจให้สดชื่นขึ้นและยิ้มพลางขอบคุณเจียงเซี่ยนอีกครั้ง
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยอย่างเกรงใจอยู่พักหนึ่ง ก็ให้ชีกูส่งฮูหยินเหอออกไป “ท่านน่าจะยังมีงานเลี้ยงอีกใช่หรือไม่? ทางข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หากมีอะไรต้องการให้ฮูหยินช่วย จะให้สาวใช้ไปเชิญท่าน”
ฮูหยินเหอพยักหน้า และจากไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ฮูหยินหลี่ถอนหายใจยาวและโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วก็ลุกขึ้นบอกลาด้วยเช่นกัน “ท่านหญิงพักก่อนสักครู่เถอะ! ดูเวลาแม่ทัพหลี่น่าจะใกล้กลับมาแล้ว ข้าก็ต้องไปพักผ่อนแล้วเช่นกัน พรุ่งนี้ท่านหญิงอย่าลืมตื่นไปยกน้ำชาใต้เท้าหลี่เช้าหน่อยนะเจ้าคะ”
ตามหลัก หากเลยยามจื่อแล้วผู้ชายที่เพิ่งแต่งงานยังไม่เข้าห้อง ก็ต้องพักที่อื่น พรุ่งนี้สามีภรรยาค่อยนอนห้องเดียวกัน ฮูหยินหลี่เห็นหลี่เชียนเอื่อยเฉื่อยเช่นนั้น ก็คิดว่าหลี่เชียนจะต้องรีบกลับห้องหอตอนยามจื่ออย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้เอ่ยเช่นนี้
เจียงเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แล้วลุกขึ้นยืน สั่งให้ชีกูส่งแขก
ฮูหยินหลี่ยิ้มและออกไปจากห้องหอ
ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เจียงเซี่ยนถึงจะผ่อนคลายลง
แต่ใครจะรู้ว่าปิงเหอกลับวิ่งมาบอกนางว่า “ใต้เท้าทราบเรื่องทางนี้หมดแล้ว จึงตั้งใจให้ข้ามาบอกท่านหญิงโดยเฉพาะว่า ให้ท่านหญิงไม่ต้องใส่ใจ มีแต่พวกคนโง่ ทว่าไม่ได้คิดร้าย แถมยังบอกว่าต่อไปใต้เท้าจะระวัง และหลังจากนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วขอรับ”
เจียงเซี่ยนไม่เอ่ยสิ่งใด และให้ปิงเหอไปบอกหลี่ฉางชิงว่า “พวกญาติอยากเห็นเจ้าสาว เดิมทีก็เข้าใจได้อยู่แล้ว เพียงแต่จู่ๆ ก็คุยกันนอกห้องหอ จะไม่ต้อนรับก็เสียมารยาทเกินไป ขอให้ใต้เท้าไม่ต้องใส่ใจ ญาติในครอบครัวก็อยากให้บรรยากาศคึกคักเช่นกัน แต่หญิงรับใช้ในตระกูลต้องจัดการสักหน่อย ทั้งที่ใต้เท้าสั่งลงไปแล้ว กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่เป็นการตบหน้าใต้เท้าไม่ใช่หรือ? ยังดีที่ฮูหยินหลี่เป็นคนกันเอง หากเป็นคนอื่น และแพร่งพรายออกไปจะพูดจาน่าเกลียดแค่ไหนกัน มีเรื่องอะไร ไว้ค่อยว่ากันหลังจากข้ากลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านแล้วกัน!”
ปิงเหอไปบอกหลี่ฉางชิง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทำให้หลี่ฉางชิงโกรธจนหน้าเขียว ทว่าหลี่เชียนเป็นอย่างที่ฮูหยินหลี่คาดไว้ เขารีบกลับห้องหอก่อนเที่ยงคืน
———————————–