มู่หนานจือ – บทที่ 281 โมโห

มู่หนานจือ

อีกคนหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเจียงเซี่ยนคือหม่าหย่งเซิ่ง

คนรับใช้ที่จงรักภักดีต่อหลี่เชียนเป็นอย่างมาก

ดูสูง อ้วน ขาวเกลี้ยงเกลา และยิ้มตาหยี ความจริงแล้วใจร้ายมาก ทุกครั้งที่หลี่เชียนเข้าเมืองหลวงมักจะพาเขาไปด้วย จะเลี้ยงแขก ให้ของขวัญ ติดสินบน หรือดึงมาเป็นพวก ไม่มีเรื่องไหนที่ขาดเขาได้ จนกระทั่งมีครั้งหนึ่งเขายุยงให้หลี่เชียนเลียนแบบหลี่ว์ปู้เหวย…เจียงเซี่ยนถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตอนที่เห็นเขา บางครั้งก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า หากวันไหนหลี่เชียนทรยศ และเป็นฮ่องเต้ หม่าหย่งเซิ่งผู้นี้จะต้องเป็นขุนนางทุจริตอันดับหนึ่งข้างกายหลี่เชียนอย่างแน่นอน หากหลี่เชียนอารมณ์ดี ตอนหม่าหย่งเซิ่ง และให้เขาเข้าวังไปเป็นหัวหน้าขันทีของวังเฉียนชิงก็ดี นางถึงกับมองข้ามจงเทียนอวี่แม่ทัพผู้กล้าหาญที่มีชื่อเสียงโด่งดังภายใต้บังคับบัญชาของหลี่เชียนไป

หม่าหย่งเซิ่งไม่เฉลียวฉลาดเหมือนชาติก่อนแม้แต่นิดเดียว พอเห็นนางก็หรี่ดวงตาที่เรียวยาวและเรียกไม่หยุดว่า “พี่สะใภ้”

เจียงเซี่ยนรำคาญเขาจริงๆ จึงเลือกถุงเท้าสองคู่เป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกให้เขาไปส่งๆ

เขาก็ไม่โกรธเช่นกัน ดูยิ้มอย่างดีใจมาก และรีบรับเอาไว้

เจียงเซี่ยนมอบกระเป๋าเงินเป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกให้พี่น้องจงเทียนอี้กับจงเทียนอวี่คนละชิ้น

จงเทียนอี้ยิ้มพลางเรียกนางว่า “น้องสะใภ้” ส่วนจงเทียนอวี่พยักหน้าให้นาง

เจียงเซี่ยนเจอแม้กระทั่งซุนซื่อติ่งกับลูกชาย

นางเอ่ยกับหลี่เชียนเสียงเบามากว่า “พวกเจ้ายังเชิญพวกเขาพ่อลูกมาด้วยหรือ?”

ใบหน้าของหลี่เชียนกระตุก และเอ่ยว่า “ไม่ได้เชิญพวกเขา แต่พวกเขาอยากมอบเงินให้เอง ข้าก็ขัดขวางไม่ได้เช่นกัน” เขาเอ่ยจบก็ยังยิ้มและหันไปคุยกับซุนจี้เหยียนเล็กน้อย

หลังจากนั้นนางยังเจอหม่าเซี่ยงหย่วนที่ได้ยินแต่ชื่อทว่าไม่เคยเจอตัวด้วย

ตามที่หลี่เชียนบอก หม่าเซี่ยงหย่วนก็มาโดยไม่ได้รับเชิญเช่นกัน…แต่ไม่เห็นหยางเหวินอิง ไม่รู้ว่าเขาไม่อยากมาร่วมสนุกหรือถูกหม่าเซี่ยงหย่วนวางแผนให้มาร่วมงานไม่ได้

ถึงตอนที่ยกน้ำชาให้เหล่าสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิง สีหน้าของเจียงเซี่ยนก็ไม่ค่อยดีแล้ว บวกกับคนมากเกินไป นางก็จำได้ไม่กี่คนเช่นกัน แต่จำเกาเมี่ยวหรงกับจินย่วนที่ชาติก่อนเคยไปคารวะนางในวังได้

เกาเมี่ยวหรงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสำรวมและยิ้มพลางพยักหน้าให้นางอย่างสุภาพเรียบร้อย หน้าตาเรียบร้อยและงดงาม ท่าทางสุภาพและงดงาม เสียดายที่นางยืนอยู่ข้างกายจินย่วนที่หน้าตาเหนือกว่าคนอื่น หน้าตาอันสวยงามของนางจึงด้อยกว่าเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทว่าจินย่วนเจอนางกลับดีใจมาก จนจับมือของนาง

เจียงเซี่ยนตกใจมาก หลังจากยกน้ำชาให้พวกญาติกับเพื่อนของตระกูลหลี่แล้ว ตอนที่ทุกคนย้ายไปกินเลี้ยงที่โถงบุปผา นางก็ถามหลี่เชียนว่า “จินย่วนเป็นอะไรไปหรือ? คนที่เมื่อก่อนหยิ่งเสียขนาดนั้น บนหน้าแทบจะเขียนว่าคนแปลกหน้าอย่าเข้าใกล้ วันนี้กลับจับมือข้าเหมือนนิสัยเปลี่ยนไป? เจ้าคงจะไม่ได้ทำอะไรอีกใช่หรือไม่?”

“ข้าจะทำอะไรได้!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เห็นเจียงเซี่ยนย่นจมูก ขมวดคิ้ว และสีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงแล้ว หากไม่เกรงว่าทุกคนกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ เขาก็อยากยื่นมือไปหยิกใบหน้าเล็กที่อ่อนนุ่มของนางมาก “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเทวดาหรือ? ทำได้ทุกอย่าง? อยากทำอะไรก็ได้?”

“ตอนนี้แน่นอนว่าไม่ได้!” เจียงเซี่ยนนึกถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่และความเย็นชาของคนๆ นี้ในชาติก่อน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำเสียงเบาว่า “ต่อไปก็พูดยากแล้ว…”

ทว่าหลี่เชียนหูไวมาก จึงได้ยินชัดมาก

ถูกคนที่เขาใส่ใจมากชมเขาแบบนี้ แถมยังเต็มไปด้วยความจริงใจ หลี่เชียนก็ยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

เขาทนไม่ไหว จึงมองไปรอบด้าน เมื่อไม่เห็นใครมองพวกเขาอยู่ จึงลูบศีรษะของเจียงเซี่ยนอย่างเร็วมาก และก้มลงไปเอ่ยข้างหูนางว่า “เด็กดี! เดี๋ยวพวกเรากลับห้องเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรข้าจะก็ทำ…”

เจียงเซี่ยนถูกเขาลูบก็หน้าแดงก่ำทั้งหน้า และรีบมองไปรอบๆ พอรู้สึกว่าไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ ถึงจะถอนหายใจยาวเหยียด และตวาดด่าหลี่เชียนเบาๆ ว่า “หากเจ้ากล้าเสียมารยาทกับข้าอีก ข้าจะไม่เกรงใจเจ้า!”

หลี่เชียนหัวเราะอย่างเงียบๆ

เจียงเซี่ยนยืดตัวตรง และเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวอย่างแน่วแน่ ทิ้งหลี่เชียนไว้ข้างหลัง

หลี่เชียนไม่กล้าแหย่นางอีก และรีบตามไปอย่างจริงจัง

กินเลี้ยงตอนเที่ยงแล้ว พวกหม่าเซี่ยงหย่วนกับหลี่ขุยก็ลุกขึ้นบอกลา

แต่เซ่ารุ่ยกลับถูกจินไห่เทารั้งเอาไว้ และชวนเขาไปพักที่คฤหาสน์ของตนเองสองวัน

หลี่ฉางชิงยิ้มพลางหยอกพวกเขาเล่นว่า “นี่เป็นงานแต่งงานของลูกชายข้า เจ้ากลับแย่งคนกับข้าใต้จมูกข้า จะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว!”

เซ่ารุ่ยหัวเราะเสียงดัง

หลี่ฉางชิงกับจินไห่เทาก็หัวเราะตามไปด้วยเช่นกัน

เซ่าหยางลูกชายคนรองของเซ่ารุ่ยปรายตามองห้องข้างที่พวกสมาชิกในครอบครับที่เป็นผู้หญิงพักผ่อน และเอ่ยแทรกอย่างเสียมารยาทมากว่า “ท่านพ่อ ท่านกับท่านอาจินก็ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วเช่นกัน ในเมื่อท่านอาจินชวนด้วยความจริงใจ ท่านก็ไปพักที่บ้านท่านอาจินสักสองสามวันเถอะ! ข้าจะได้แสดงความกตัญญู ท่านย่าจะได้ไม่บอกว่าท่านมาไท่หยวนแล้ว กลับไม่ได้ไปไหนเลย”

เซ่ารุ่ยรู้ว่าลูกชายของตนเองกำลังอ้างเพราะอยากเจอจินย่วน แล้วก็คิดว่าจินไห่เทาตกลงเรื่องแต่งงานนี้ด้วยวาจาแล้ว ให้เด็กสองคนเจอกันสักหน่อยก็ไม่เป็นไร จึงคิดแล้วก็พยักหน้าตกลง

เซ่าหยางดีใจมาก

ทว่าผู้ติดตามของเซ่ารุ่ยกลับรีบเดินมา คารวะและรายงานว่า “ใต้เท้า ฮูหยินเฒ่ามีเรื่องสำคัญให้คนนำข่าวมาบอกท่านขอรับ”

เซ่ารุ่ยอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยกับพวกหลี่ฉางชิงอย่างรู้สึกเสียใจว่า “ข้าจะไปดูหน่อยว่าเป็นเรื่องอะไร?”

ทุกคนพยักหน้า และมองตามหลังเซ่ารุ่ยเดินไปไกล เจอกับผู้ติดตามอีกคนหนึ่งของเขา แล้วถึงจะต่างคนต่างเริ่มคุยกัน

เจียงเซี่ยนอมยิ้มและติดตามอยู่ข้างหลังหลี่เชียนเหมือนตุ๊กตาตลอด อันที่จริงลมในเดือนห้านี้พัดนางสบายมาก ทำให้นางง่วงจนลืมตาไม่ค่อยขึ้นแล้ว และหวังเพียงว่างานเลี้ยงนี้จะจบลงเร็วหน่อย จะได้กลับไปนอนต่อที่ห้อง

ทันใดนั้นเสียงตวาดด่าที่คลุมเครือก็ดังขึ้นข้างหูนางเหมือนเสียงฟ้าผ่าที่น่าตกใจมาก

นางมองไปตามเสียง ก็เห็นเซ่ารุ่ยเดินมาด้วยความโกรธจนหน้าเขียว แล้วเอ่ยกับหลี่ฉางชิงและจินไห่เทาอย่างแข็งทื่อว่า “ที่บ้านข้าเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ต้องรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ คงต้องวันหลังมีเวลาว่างค่อยมาพบใต้เท้าหลี่กับใต้เท้าจินแล้ว”

ทุกคนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจรั้งเขาไว้ได้เช่นกัน จึงเอ่ยอย่างเกรงใจสามสองคำ แล้วหลี่ฉางชิงกับจินไห่เทาก็ส่งเซ่ารุ่ยกับลูกชายออกไปด้วยกัน

เซ่าหยางไม่พอใจมาก และถามเซ่ารุ่ยว่า “ท่านพ่อ อยู่ดีๆ ทำไมท่านถึงเปลี่ยนใจอีก? ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงทำให้ท่านโมโหมากขนาดนี้? เมื่อครู่ใต้เท้าจินตกใจจนอึ้งไปเล็กน้อย…”

เซ่ารุ่ยรู้ว่าต่อให้บอกเจ้าลูกชายโง่ที่ไม่มีความรู้และความสามารถของตนเองไป เขาก็อาจจะไม่เข้าใจอยู่ดี จึงไม่สนใจ แล้วกดเสียงให้เบาลงและเอ่ยกับเซ่าเจียงว่า “มีคนแหกด่าน อาสี่กับอาสิบสามของเจ้าต่างถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ คนที่พาออกไปก็ตายหมดเช่นกัน”

“อะไรนะ?” เซ่าเจียงหน้าซีด และเอ่ยว่า “เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ฝีมือใครกัน?”

“ไม่รู้!” เซ่ารุ่ยพูดไป สายตาก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมขึ้น “ว่ากันว่าไม่คุ้นหน้า แต่ก็ไม่มีใครสืบที่มาของพวกเขาได้ เรื่องนี้จัดการยากมาก หากไม่ระวังและแพร่งพรายออกไป จะทำให้พวกกองคาราวานนอกด่านร่วมมือกัน เลียนแบบและทำตาม”

เซ่าเจียงพยักหน้า เขาสลัดความตื่นตระหนกเมื่อครู่ไป แล้วกลายเป็นเยือกเย็นขึ้น “ท่านพ่อ ข้าจะรีบกลับไปก่อน ดูว่าจะสืบอะไรได้บ้างหรือไม่ จะได้ปลอบใจคนด้วย”

เซ่ารุ่ยพยักหน้าอย่างปลื้มใจ และเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าพาคนไปเพิ่มอีกหน่อย ข้ากลัวแต่ว่าจะพุ่งเป้ามาที่ตระกูลเซ่าของพวกเรา”

กลุ่มคาราวานที่ผ่านด่านเก็บสี่ในสิบ อัตรานี้สูงกว่าภาษีของทางการหลายร้อย นานๆ ไป จะต้องแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน

ในราชสำนักเขาก็ไม่มีคนที่สนิทสนมเป็นพิเศษ หากแพร่ไปถึงเมืองหลวงก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเช่นกัน

เซ่าเจียงออกจากไท่หยวนอย่างเร็วที่สุด เซ่ารุ่ยคิดไปถึงเจียงลวี่

———————————-

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท