แต่ตระกูลเซ่าไม่เคยสนิทสนมกับตระกูลเจียง จะไปขอร้องคนอื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน เรื่องนี้พูดอย่างไร ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
เซ่ารุ่ยนึกขึ้นได้ว่า เขาจำเป็นต้องให้หลี่ฉางชิงช่วยเป็นคนกลางให้
เขาไม่ควรไปจากตระกูลหลี่แบบนี้
และไม่ควรให้เซ่าเจียงรีบไปอวี๋หลิน
เรื่องราวเกิดขึ้นแล้ว ที่เรือนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนที่สามารถจัดการปัญหาที่จะตามมาในภายหลังได้ เขาให้เซ่าเจียงรีบกลับไปก่อน เพียงเพราะอยากให้ลูกชายมีประสบการณ์มากขึ้น เติบโตเร็วหน่อย จะได้รับภารกิจคนเดียวได้อย่างเร็วที่สุด หากสูญเสียโอกาสแบบนี้ไป ก็สู้รั้งเซ่าเจียงไว้ข้างกายและไปตระกูลหลี่กับเขาดีกว่า เซ่าเจียงกับหลี่เชียนอายุเท่ากัน เรื่องบางเรื่องก็สามารถให้เซ่าเจียงลองหยั่งเชิงหลี่เชียนได้ กระทั่งผูกสัมพันธ์เป็นตระกูลที่สนิทสนมกันจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวกับตระกูลหลี่ผ่านเรื่องนี้…พอคิดถึงตรงนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเซ่าหยางลูกชายคนรอง
หากลูกคนนี้ได้เรื่องได้ราวสักหน่อย และช่วยเขาได้ก็คงดี
ลูกชายคนโตกลับไปจัดการคนที่แหกด่าน ลูกชายคนรองตามเขาไปพบหลี่เชียน…เสียดายที่ลูกคนนี้ไม่ได้เรื่องได้ราวเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องช่วยแบ่งเบาภาระ แค่ไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาเขา เขาก็อมิตตาพุทธและขอบคุณฟ้าดินแล้ว!
เขาตะโกนเสียงดังว่า “พวกเรากลับไท่หยวน!”
สีหน้าของผู้ติดตามต่างฉายแววไม่เข้าใจ
แต่เซ่ารุ่ยกลับขี้เกียจที่จะอธิบาย เขาเฆี่ยนม้า หันหัว และมุ่งหน้าไปยังไท่หยวนอีกครั้ง
—
ตระกูลหลี่ที่ตั้งอยู่หลังกองบัญชาการซานซีจัดงานเลี้ยงติดต่อกันหลายวัน หลังจากจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกด้วยเหล้าและอาหารมากมาย ในที่สุดก็เข้าสู่ความเงียบสงบ
ในสวนดอกไม้ทางตะวันออกของเรือนตะวันออกกำลังแสดงงิ้ว ทว่าเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนกลับกลับมาที่ห้องเจ้าบ่าวเจ้าสาว หลังจากพักผ่อนชั่วคราวครู่หนึ่ง จะไปร่วมงานเลี้ยงของสมาชิกในครอบครัวตอนค่ำ
เจียงเซี่ยนถอดเครื่องประดับบนศีรษะแล้วนอนลงบนเตียง ไม่อยากขยับแม้แต่นิ้ว
แต่หลี่เชียนกลับรู้สึกว่าตนเองเหมือนดื่มเขากวางอ่อน เลือดเดือดพลุ่งพล่าน ทั้งร่างมีกำลังที่ใช้ไม่หมด เขาไปรินน้ำอุ่นด้วยตนเอง แล้วกึ่งโอบเจียงเซี่ยนพลางป้อนน้ำให้นางดื่ม “ดื่มน้ำ และพักผ่อนสักครู่ ไว้งานเลี้ยงของสมาชิกในครอบครัวตอนเย็นจบก็เบาแล้ว”
พรุ่งนี้ในบ้านก็ต้องเริ่มรื้อเพิงสำหรับงานเลี้ยงและถอดเตา งานเลี้ยงมงคลสมรสก็สิ้นสุดลงตรงนี้
เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง และเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปนอนให้เต็มที่”
หลี่เชียนมองนางพลางยิ้มอย่างรักมาก แล้วช่วยนวดขมับให้นางเบาๆ พลางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หลับตาเสีย รีบนอนเถอะ! เดี๋ยวข้าจะเรียกเจ้า”
เป็นคนมาสองชาติ เจียงเซี่ยนก็ยังไม่เคยพบปะคนมากขนาดนี้ในคราวเดียว นางจึงเหนื่อยจริงๆ และขาของหลี่เชียนก็หนุนสบายขนาดนั้น นางหลับตาแล้วก็ไม่อยากลืมตาเลย
“เจ้าไม่นอนสักตื่นหรือ?” นางถามหลี่เชียนอย่างสะลืมสะลือ
หลี่เชียนหัวเราะเบาๆ ข้างหูนาง และเอ่ยว่า “ข้าไม่เหนื่อย เจ้ารีบนอนเถอะ! ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้ายังไม่ทันได้นอน ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว…”
วันนี้ญาติที่อยู่ใกล้จะกลับบ้านหมด ดังนั้นอาหารเย็นของวันนี้จึงจะเร็วกว่าปกติ
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “อืม” และไม่นานก็เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
หลี่เชียนเห็นนางนอนอย่างไร้ซึ่งการป้องกัน แล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
ทว่าหัวเราะไปแล้วก็กลับใจอ่อน
เป่าหนิงต้องไว้ใจเขาแค่ไหน ถึงนึกจะนอนก็นอนแบบนี้ได้
อย่างที่บิดาของเขาเอ่ย เขาต้องดีกับเป่าหนิงหน่อยถึงจะถูก
เป่าหนิงจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเพื่อเขา มายังซานซีคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว โดยไม่รู้จักใครทั้งนั้น…
หลี่เชียนคิดแล้วก็รู้สึกสงสารและเห็นใจขึ้นมาทันที จนเขาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มของเจียงเซี่ยน
แก้มของเจียงเซี่ยนลื่นและอุ่นๆ ทำให้เขานึกถึงไข่ไก่ที่ปอกใหม่
อยากกัดสักคำจริงๆ
ความคิดของหลี่เชียนฉายวาบผ่านไป แต่ตัวกลับกัดหน้าของเจียงเซี่ยนคำหนึ่งอย่างเร็วกว่าใจ
เจียงเซี่ยนที่กำลังหลับสนิทรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างติดหน้านาง ทำให้นางรู้สึกไม่สบาย
นางส่งเสียงคราง และส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ อยากกวนสิ่งที่อยู่บนแก้ม
หลี่เชียนได้สติทันทีเพราะสิ่งที่เจียงเซี่ยนทำ เขาหยุดได้ทันเวลาอย่างหวาดกลัว ทว่าก็เลื่อนผ่านแก้มของเจียงเซี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจียงเซี่ยนขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “อืม” แล้วหันตัวไปฝังหน้ากับหน้าท้องของหลี่เชียน เผยให้เห็นเพียงลำคอที่เล็กละเอียดและขาวผ่อง
หลี่เชียนหน้าแดงก่ำทันที
เขาพบว่า…
เจียงเซี่ยนเหมือนมันเทศที่ลวกมือในทันใด เขาคิดว่าตนเองควรจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ แต่ก็ลุกไม่ได้อีก…หากเขาลุกขึ้นยืนตอนนี้ จะไม่ทำให้เจียงเซี่ยนตกใจตื่นอย่างนั้นหรือ?
เขาแอบโน้มน้าวตนเองอยู่ในใจ และปล่อยให้ร่างกายวิ่งอย่างอิสระเหมือนม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน…
จนกระทั่งชีกูเดินมาอย่างแผ่วเบา และเอ่ยเสียงเบามากว่า “นายท่าน จะพักสักครู่หรือไม่…”
เวลานี้หลี่เชียนเกลียดสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่ามารยาทของชนชั้นสูงอย่างถึงที่สุดจนไม่มีสิ่งใดเทียบได้ เวลานอนยังต้องมีคนรับใช้ข้างกาย…
ยังดีที่เจียงเซี่ยนบังเขาอยู่ และยังดีที่เจียงเซี่ยนหลับไปแล้ว…
หลี่เชียนทั้งโกรธและดีใจ เสียงที่พูดจึงอดไม่ได้ที่จะเจือความรุนแรงเล็กน้อย “พวกเจ้าไม่ต้องรับใช้ที่นี่แล้ว พวกเจ้าก็ไปพักสักครู่เถอะ เดี๋ยวยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นเป็นเพื่อนท่านหญิงอีก”
ชีกูไม่เห็นอะไรผิดปกติ
นางคิดว่าหลี่เชียนเพียงแค่ไม่อยากปล่อยเจียงเซี่ยนไปเท่านั้น
ชีกูดีใจกับหลี่เชียนและเจียงเซี่ยน
ชีวิตแต่งงานของนางไม่มีความสุข นางจึงหวังเป็นอย่างมากว่าทุกคนที่อยู่รอบกายนางจะมีชีวิตแต่งงานที่รักใคร่ปรองดองกันและมีความสุข
ชีกูเม้มปากยิ้ม และถอยออกไปอย่างแผ่วเบาเหมือนตอนเข้ามา
หลี่เชียนสูดหายใจลึก
เจียงเซี่ยนไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย
นางนอนหลับอย่างสบายมาก ตอนที่ถูกหลี่เชียนปลุกก็งุนงงเพียงแค่ชั่วครู่และลุกขึ้นนั่งทันที
หลี่เชียนรีบพยุงนาง และเอ่ยว่า “เจ้าระวังหน่อย! ทำไมถึงลุกอย่างกะทันหันแบบนี้? ระวังจะเวียนศีรษะ”
ตอนที่เขาเข้าเวรในวัง เคยแอบดูเจียงเซี่ยน จึงรู้ว่าตอนที่นางเพิ่งตื่นคนรับใช้ข้างกายมักจะใช้ผ้าอุ่นเช็ดหน้าให้นางก่อน ให้นางได้สติอีกสักครู่ ถึงจะค่อยๆ พยุงหลังนางช่วยให้นางลุกขึ้น และสิ่งแรกหลังจากตื่นนอนก็คือป้อนน้ำอุ่นให้นางดื่มสักสองสามอึก
หลี่เชียนป้อนน้ำอุ่นให้เจียงเซี่ยนดื่มตามที่ตนเองรู้
กลับมาในเส้นทางชีวิตของตนเองอีกครั้ง นี่ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกสบายใจมาก
นางยิ้มพลางเปลี่ยนเสื้อกั๊กยาวผ้าไหมหังลายเถาคันสีแดงเข้ม ชายกระโปรงหน้าม้าเป็นลายหรูอี้สี่ลายล้อมสี่ด้านสีน้ำเงินอมเขียว และเปลี่ยนปิ่นปักผมดอกทับทิมทองฝังหยก ดอกไม้ใหญ่ที่ประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้า และไปที่โถงบุปผาของงานเลี้ยงตอนเย็นกับหลี่เชียน
จินย่วนเข้ามาจับมือของเจียงเซี่ยนอย่างสนิทสนมและอบอุ่น แล้วเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “ท่านพี่หลี่ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านหญิงเอง ท่านก็วางใจและไปหาพวกท่านพี่เถอะ!”
ช่างร่าเริงอย่างหาได้ยาก
หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ลำบากเจ้าแล้ว” และจับมือของเจียงเซี่ยน
แอบถามความเห็นของนาง
เจียงเซี่ยนอย่างไรก็ได้
ถึงอย่างไรคนที่อยู่ในห้องนี้ก็ทำอะไรนางไม่ได้อยู่ดี
ทว่าตอนที่หางตาของนางเห็นท่าทางที่เคารพแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ของฮูหยินเหอโดยไม่ได้ตั้งใจ นางก็เปลี่ยนความคิดอีก
มีคนต้อนรับเจ้าสักคนกับไม่มีคนสนใจเจ้า แน่นอนว่านางย่อมจะเลือกอย่างแรก
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้าให้หลี่เชียน
หลี่เชียนยังคงไม่วางใจ จึงกำชับชีกูเสียงเบาสองสามคำ ถึงจะไปห้องโถงที่กว้างขวางและทะลุถึงกันทั้งสองด้านทางตะวันออก
แขกผู้ชายที่มาดื่มเหล้ามงคลนั่งอยู่ที่ห้องโถงที่กว้างขวางและทะลุถึงกันทั้งสองด้านทางตะวันออก ส่วนแขกผู้หญิงนั่งอยู่ทางตะวันตก ทางฝั่งแขกผู้ชายนั้นเปิดกว้าง แต่ทางฝั่งแขกผู้หญิงนี้กลับตั้งฉากกั้นสิบสองบาน ทำให้คนที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ในห้องกว้างตะวันตกไม่ชัด ทว่าสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในห้องกว้างตะวันออกได้ทันที
แต่เวลานี้เจียงเซี่ยนกำลังยืนอยู่ตรงทางเข้าของฉากกั้น ตอนที่มองหลี่เชียนไปทางตะวันออก นางก็เห็นเซ่ารุ่ยที่เพิ่งจะไปจากตระกูลหลี่ตอนอาหารเที่ยงทันทีเช่นกัน
ทำไมเขาถึงกลับมาอีก?
เจียงเซี่ยนคิดอย่างไม่เข้าใจ ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน
ถึงจะมีเรื่องอะไร นั่นก็เป็นเรื่องของตระกูลเซ่ากับตระกูลหลี่
ชาติก่อนไม่มีความช่วยเหลือจากนาง หลี่เชียนก็เอาชนะตระกูลเซ่ากับตระกูลจินได้เหมือนกัน นางก็อย่าสั่งมั่วซั่วขัดขวางหลี่เชียนตรงนี้เลย
นางยิ้มและเข้าไปในห้องกว้างตะวันตกกับจินย่วน
————————————