“ไม่ใช่!” หลี่เชียนรีบเอ่ย “ข้าคิดว่าข้าประสบการณ์ยังน้อย เรื่องบางเรื่องที่ทำเองได้ก็จะพยายามทำเอง ตอนที่ทำไม่สำเร็จหรือทำไม่ได้ค่อยขอให้ท่านลุงกับท่านพี่ช่วยก็ไม่สายเช่นกัน”
น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง แลดูไม่ต่ำต้อยและไม่เย่อหยิ่ง
สีหน้าของเจียงลวี่คลายความโกรธลงเล็กน้อย
แต่นัยน์ตาของเจียงหานกลับฉายแววชื่นชม
ทั้งสองคนก็คุยเรื่องนี้กันอีกนานมาก
เจียงลวี่คิดว่าสุดท้ายอย่าให้เรื่องนี้ไปถึงในราชสำนักจะดีกว่า “…แบบนี้เจ้าก็สามารถแข่งกันว่าใครเก่งกว่ากันกับตระกูลเซ่าได้อย่างไร้ความกังวลแล้ว”
ทว่าหลี่เชียนกลับคิดว่าตระกูลเจียงอย่าแทรกแซงเรื่องนี้จะดีที่สุด ทำเป็นไม่รู้เรื่องถึงจะถูก “…ความลับไม่มีในโลก หากเรื่องแดงว่า ตระกูลเจียงเคยแทรกแซงเรื่องทางตะวันตกเฉียงเหนือ จะต้องนำมาซึ่งความเกรงกลัวของฝ่าบาทอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าตระกูลเจียงอย่าแทรกแซงเรื่องนี้จะดีที่สุด”
“เจ้าไม่กลัวเซ่ารุ่ย แล้วตระกูลเจียงของพวกเราจะกลัวเซ่ารุ่ยอย่างนั้นหรือ?” เจียงลวี่ยืนกรานความคิดเห็นของตนเอง และเอ่ยว่า “หลังจากเจ้ากลับไป เขาจะต้องส่งคนมาถามเจ้าอย่างแน่นอนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าบอกเขาว่าข้าไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวก็พอแล้ว หากเขาถามอีก เจ้าก็บอกที่อยู่ของข้ากับเขา…เมื่อวานท่านพ่อออกเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว ท่านแม่ยังรอข้าอยู่ที่ต้าถง พรุ่งนี้ข้าก็ต้องรีบไปต้าถงแต่เช้า แล้วจะอยู่ที่ต้าถงหนึ่งวัน และกลับเมืองหลวง หากเขาสนใจ จะต้องตามไปอย่างแน่นอน แต่หากเขาไม่สนใจ ก็ถือว่าเจ้าไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ก็พอแล้ว”
เพียงแค่หากข่าวแพร่ไปถึงเมืองหลวงก็ขอให้คนของตระกูลเจียงช่วยพูดเท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนี้สามารถอ้างได้อย่างสิ้นเชิงว่าเป็นความอับจนหนทางที่ลำบากใจ ข่าวนี้จะแพร่ไปถึงเมืองหลวงได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ปลอบใจตระกูลเซ่าแบบนี้ไปก่อนชั่วคราวก็ไม่เลวเช่นกัน!
หลี่เชียนตัดสินใจแล้วก็ยิ้มและเห็นด้วยกับวิธีของเจียงลวี่
เจียงลวี่ถามรายละเอียดที่ตระกูลหลี่ปล้นตระกูลเซ่าอีกเล็กน้อย ก็ถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยงแล้ว
ผู้ชายกับผู้หญิงกินข้าวกันคนละโต๊ะแล้ว เจียงลวี่ก็ไล่หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนกลับไป “เป่าหนิงแต่งงานมาอยู่ที่ไกล เรือนนี้ก็ยังยืมมา อาหารดีแค่ไหนก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี พรุ่งนี้ข้าจะไปแต่เช้า ยังต้องเก็บของอีก ก็ไม่รั้งพวกเจ้าไว้แล้ว ไว้อีกสักพักพวกเจ้ากลับเมืองหลวง พวกเราค่อยรวมตัวกันที่จวนเจิ้นกั๋วกง ข้าจะพาจงเฉวียนไปเดินเล่นในเมืองหลวงด้วย”
เจียงเซี่ยนมองใบหน้าที่ไม่สนใจของเจียงลวี่ แล้วกลับรู้สึกเศร้าขึ้นมาในทันใด จนน้ำตาไหลพราก
“โธ่เอ๋ย!” เจียงลวี่ขอผ้าเช็ดหน้าจากเด็กรับใช้ข้างกายและยื่นให้เจียงเซี่ยนอย่างไม่เข้าใจ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะร้องไห้ทำไม? คนที่แต่งด้วยเป็นคนที่เจ้าชอบ ส่วนสินเดิมก็พอให้เจ้ากินไปหลายชาติแล้วเช่นกัน พ่อสามีของเจ้ากลัวว่าเจ้าจะไม่คุ้นเคยกับการอยู่ที่ไท่หยวน ยังตั้งใจซื้อเรือนหลังหนึ่งที่ต้าถงโดยเฉพาะ เจ้ายังมีอะไรให้ร้องอีก? เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว อีกสักพักไว้ในเมืองหลวงสงบลงแล้ว ข้าจะส่งคนมารับเจ้ากับน้องเขยกลับไปอยู่เมืองหลวง เจ้าก็อย่าร้องไห้ไม่จบไม่สิ้นอยู่ตรงนี้เลย”
น้ำเสียงที่แฝงความรังเกียจเล็กน้อยของเขาทำให้เจียงเซี่ยนเจ็บปวดมาก
นางได้ยินแล้วก็โกรธจัด ยังร้องออกที่ไหนกัน จึงเอ่ยกับเจียงลวี่ทันทีว่า “ทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียว แถมยังรังเกียจที่ข้าร้องไห้ไม่จบไม่สิ้น ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยถูกใครเมินแบบนี้มาก่อนเลย!” นางพูดไปก็ดึงหลี่เชียน “พวกเราไปเถอะ ท่านไม่ต้องส่ง”
หลี่เชียนรีบเอ่ยว่า “ใจเย็นๆ!”
ทว่าจนกระทั่งเจียงเซี่ยนออกจากประตูฉุยฮวาแล้ว เจียงลวี่ก็ไม่ปลอบใจนางแม้แต่นิดเดียว แถมยังโบกมือให้นาง “รีบกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาส่งแล้วเช่นกัน ข้าจะได้ไม่รอเจ้าจนเสียฤกษ์”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านออกเดินทางยังดูปฏิทินหวงลี่ด้วย” เจียงเซี่ยนประชดเจียงลวี่ และขึ้นรถม้าอย่างโมโห แล้วเร่งให้รถม้ากลับจวนสกุลหลี่
ทว่าพอรถม้าแล่นออกจากเรือน นางกลับอดไม่ได้ที่จะเลิกม่านขึ้นและหันกลับไปมอง
เจียงลวี่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหงาหงอย เหมือนมะเขือที่ถูกน้ำค้างแข็ง
พี่ใหญ่ กลัวที่จะบอกลานาง จึงไล่นางไปก่อนเสียเลยใช่หรือไม่?
เจียงเซี่ยนรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก
หลี่เชียนกอดและปลอบนางอยู่นานมาก จิตใจของนางถึงจะค่อยๆ สงบลง และเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งท่านพี่ออกเดินทางแต่เช้า”
“แน่นอน” หลี่เชียนยิ้มพลางจัดผมอันยุ่งเหยิงที่ตกลงมาข้างแก้มนางไปไว้หลังหูของนาง แล้วเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า
ตอนที่พวกเขาถึงบ้าน เพิงสำหรับงานเลี้ยงที่อยู่ในบ้านถอนออกไปแล้ว เตาก็ปิดแล้วเช่นกัน ในลานบ้านเก็บกวาดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสะอ้าน หากไม่ใช่ว่ายังเห็นตัวอักษรมงคลสีแดงเข้ม กระดาษตกแต่งหน้าต่างที่แฝงความหมายว่ามงคล และกลอนคู่ติดอยู่บนประตูและลูกกรงหน้าต่างทั่วทุกที่ ก็ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเมื่อวานในบ้านยังจัดงานแต่งงานด้วย
พวกเขากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือน และมาคารวะหลี่ฉางชิงที่ห้องหลักของเรือนตะวันออก
ทว่าหลี่ฉางชิงกลับอยู่ในห้องเล็กหน้าห้องหลัก เหล่าแม่บ้านที่มีหน้ามีตาในบ้านยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเคารพนบนอบ ในขณะที่เขากำลังตำหนิอะไรบางอย่าง
พอเห็นเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนกลับมา เขาตกใจมาก จึงไม่มีเวลาไปสั่งสอนพวกหญิงรับใช้แล้วเช่นกัน สายตาเหลือบมองกลับไปกลับมาระหว่างพวกเขาสองคน และรีบถามว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาเร็วขนาดนี้?”
ตามประเพณีแล้ว วันที่กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านฝ่ายหญิงนั้นหากพ่อตาแม่ยายยิ่งพอใจลูกเขยคนใหม่ก็จะยิ่งรั้งไว้ดึก นี่เพิ่งจะเลยเที่ยง หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนก็กลับมาแล้ว…หรือว่าหลี่เชียนพูดจาล่วงเกินเจียงลวี่อย่างนั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
เขารู้จักลูกชายของเขาดีที่สุดว่าเป็นคนรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์เก่งมากมาตั้งแต่เด็ก
หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าร้อนใจออกมาเล็กน้อย
หลี่เชียนรีบเอ่ยว่า “เรื่องในเมืองหลวงล่าช้ามานานเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ท่านพี่ก็ต้องรีบออกเดินทางไปต้าถงแต่เช้า ยังต้องเก็บของอีก พวกเราจึงกลับมาก่อนขอรับ”
“เช่นนั้นก็ดี! เช่นนั้นก็ดี!” หลี่ฉางชิงโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้งทันที และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนอย่างเอ็นดูว่า “ท่านหญิงรีบกลับไปพักเถอะ! รีบออกเดินทางเป็นงานใช้แรงกาย คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะกลับมากินอาหารเย็น พอดีเลย เย็นนี้พวกเรามากินข้าวด้วยกันในครอบครัวเถอะ”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางขานรับอย่างนอบน้อมว่า “เจ้าค่ะ” และตามหลี่เชียนกลับเรือนตะวันตก
เพียงแต่หลี่เชียนเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ปิงเหอก็มาแจ้งว่า “นายท่าน องครักษ์อวิ๋นมาแล้วขอรับ”
เสียงของเขาปรากฏความยินดีอยู่อย่างเบาบาง แสดงว่าครั้งนี้อวิ๋นหลินออกเดินทางราบรื่นมาก
นางรู้สึกว่าต่อให้หลี่เชียนไม่ได้เกิดใหม่ ก็มีความคิดเป็นของตนเอง เด็ดขาด และมีความแน่วแน่มากกว่าคนที่เกิดใหม่อย่างนางอยู่ดี นางก็อย่าอวดฉลาดต่อหน้าหลี่เชียนเลย
นางไปห้องด้านใน
ส่วนหลี่เชียนตามปิงเหอไปที่ห้องหนังสือเล็กของเรือนตะวันตก
เจียงเซี่ยนก็เรียกเซียงเอ๋อร์ที่อยู่ในบ้านมาถาม “ทำไมใต้เท้าถึงตำหนิหญิงรับใช้ในบ้านด้วยตนเอง? ทำไมถึงไม่เห็นฮูหยินเหอ?”
เซียงเอ๋อร์เอ่ยเสียงเบาว่า “เห็นว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินเหอล่วงเกินคน จึงถูกคุณท่านกักบริเวณเจ้าค่ะ เรื่องในบ้านก็ไม่มีคนที่คุมงานได้สักคน คุณท่านเลยต้องออกหน้าตำหนิพวกหญิงรับใช้ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนงุนงง จึงเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “ฮูหยินเหอทำอะไรหรือ? ข้าเพิ่งจะแต่งมา ทำไมนางถึงถูกกักบริเวณแล้วล่ะ!”
หากนางไม่รู้ว่าหลี่ฉางชิงเป็นคนร่าเริง และชอบมากที่นางสามารถแต่งมาเป็นสะใภ้ที่ตระกูลหลี่ได้ นางยังคิดว่าหลี่ฉางชิงไม่พอใจนาง จึงอยากฉีกหน้านาง!
เซียงเอ๋อร์มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่ารอบๆ ไม่มีใคร ถึงจะเข้ามากระซิบข้างหูเจียงเซี่ยนว่า “ท่านป้าเหออยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคุณชายรอง ใต้เท้าไม่เห็นด้วย ฮูหยินเลยออกความคิดให้ท่านป้าเหอไปขอให้ท่านฝูอวี้ช่วยออกความคิด ใต้เท้ารู้เข้า จึงกักบริเวณฮูหยินเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป และเอ่ยว่า “ท่านป้าเหอไปเอ่ยกับท่านฝูอวี้ตอนที่มาดื่มเหล้ามงคลครั้งนี้หรือ?”
“ใช่น่ะสิเจ้าคะ!” เซียงเอ๋อร์เอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้นใต้เท้าจะโมโหได้อย่างไร? ตวาดด่าฮูหยินว่าพูดจาก็ดูเวลาด้วย…”
————————————