ฮูหยินเหอเห็นแล้วก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านหญิง เป็นอะไรไปหรือ?”
“ไม่มีอะไร” เจียงเซี่ยนเห็นความกังวลฉายวาบผ่านไปในดวงตาของฮูหยินเหอ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแค่กำลังคิดว่าสาวใช้คนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมถึงพูดเสียงดังขนาดนี้? ท่านยังไม่ได้พูด นางก็กล้าออกความคิด…”
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็หน้าแดง และเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “เดิมทีเป็นเพียงสาวใช้ที่กวาดพื้นของเรือนด้านนอก ชื่อเสี่ยวหง ข้าเห็นว่าปกตินางมีไหวพริบมาก บางครั้งจึงสั่งให้นางไปทำงานข้างนอก...”
เรื่องบางเรื่องตักเตือนและแนะนำสักหน่อยก็พอแล้ว
ส่วนจะสำนึกได้หรือไม่นั้น นั่นก็เป็นโชคส่วนตัวแล้ว
เจียงเซี่ยนไม่ซักไซ้เรื่องนี้อีก นางยิ้มและเริ่มเล่นไพ่กับฮูหยินเหอ
ฮูหยินเหอเห็นนางไม่ซักไซ้อีก ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกทันที บนหน้ามีรอยยิ้มอีกครั้งแล้ว
แต่รอยยิ้มนี้อยู่ได้ไม่นาน ไป่เจี๋ยก็เดินเข้ามาอย่างมั่นคง นางย่อตัวคารวะฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยน และรายงานด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮูหยิน ท่านหญิง คุณหนูเกาพาคุณหนูสามตระกูลซือมาขอพบท่านหญิง เพราะไม่รู้ว่าท่านหญิงมาที่เรือนของฮูหยิน ข้าจึงเชิญคุณหนูทั้งสองไปดื่มชาที่เรือนเย็นสบายเจ้าค่ะ”
เรือนเย็นสบายคือโถงบุปผาของเรือนด้านในของเรือนตะวันตก เพราะประตูกับหน้าต่างตรงกับทางเดินจากส่วนแรกถึงส่วนที่สอง เจียงเซี่ยนจึงตั้งชื่อนี้
ความนัยที่แฝงในนั้นของไป่เจี๋ยคือ ถามเจียงเซี่ยนว่าจะพาเกาเมี่ยวหรงกับคุณหนูสามตระกูลซือมาหรือไม่
ในมุมมองของฮูหยินเหอ นี่ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด และนางยังค่อนข้างกังวลว่าเจียงเซี่ยนจะเกรงว่านางเป็นแม่สามี เกรงใจที่จะบอกลา จึงรีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! ท่านหญิงไปได้เลย” และพอเห็นแสงแดดข้างนอกเปล่งประกายแวววาว ก็รีบเอ่ยอีกว่า “ไม่อย่างนั้นให้พวกนางมาก็ได้ ข้าจะให้คนชงชาดีใหม่กาหนึ่งกับล้างพวกผลไม้มา แถมตรงนี้ยังเย็นสบายด้วย พวกท่านก็นั่งคุยกันตรงนี้”
ในความคิดของฮูหยินเหอ นางใจกว้างมากแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าเจียงเซี่ยนกลับหัวเราะเยาะ และสั่งไป่เจี๋ยว่า “เจ้าไปบอกคุณหนูเกาว่า ข้าเล่นไพ่เป็นเพื่อนฮูหยินอยู่ คุณหนูสามตระกูลซือมาเยี่ยมอย่างกะทันหัน วันนี้คงจะไม่ว่างพบพวกนาง ให้นางค่อยมาวันหลัง”
ไป่เจี๋ยขานรับและจากไป
ฮูหยินเหอกับแม่นมเฉิงตกใจมากจนหน้าถอดสี ฮูหยินเหอเอ่ยว่า “นี่…นี่ไม่ดีกระมัง?”
“ไม่ดีตรงไหน!” เจียงเซี่ยนเอ่ย แล้วออกไพ่ใบหนึ่งอย่างสบายๆ และเอ่ยว่า “คุณหนูตระกูลซือผู้นี้ก็ไร้ระเบียบเกินไปแล้วเช่นกัน! สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของตระกูลไหนไปบ้านคนอื่นไม่ยื่นเทียบขอพบล่วงหน้าบ้าง? และข้ากับนางก็ไม่รู้จักกันเสียหน่อย” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เริ่มไม่ค่อยชอบเกาเมี่ยวหรงเช่นกัน
ชาติก่อนนางเห็นเกาเมี่ยวหรงทำงานค่อนข้างมีขั้นตอนและกฎเกณฑ์ แล้วก็เป็นน้องสาวบุญธรรมของหลี่เชียน จึงชอบนางมาก
คิดไม่ถึงว่าชาตินี้ฐานะเปลี่ยนไป เกาเมี่ยวหรงผู้นี้ก็ทำอะไรเปลี่ยนไปเช่นกัน
นางคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?
เป็นแค่คุณหนูที่มาอยู่ที่ตระกูลหลี่คนหนึ่งเท่านั้น ไม่เพียงแต่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนที่ตระกูลหลี่อย่างไม่สนใจไยดี ทว่ายังกล้าควบคุมนาง และตัดสินใจแทนนาง กำเริบเสิบสานจนไม่มีขอบเขตแล้ว!
พอเจียงเซี่ยนคิดอีกทีและนึกถึงสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหงนั่น ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจแล้ว
แต่หลี่เชียนดันให้คนส่งข่าวมาว่า เขาต้องเลี้ยงข้าวหูอี่เหลียงกับหลี่ฉางชิง ตอนเย็นจึงไม่กลับมารับประทานอาหารเย็นแล้ว ให้นางกินเอง
เจียงเซี่ยนก็เริ่มมองหูอี่เหลียงอย่างไม่ถูกชะตาไปด้วย และเอ่ยว่า “หูอี่เหลียงนี่ ไม่โลภข้าวสักมื้อจะตายหรือ!”
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองเจียงเซี่ยนอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่น อยากพูดทว่าก็หยุดไว้
เจียงเซี่ยนถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินเหอก็เป็นแม่สามีของนางเช่นกัน อย่างไรนางก็ต้องไว้หน้าฮูหยินเหอสักหน่อยถึงจะถูก
นางอดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายสีหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นเย็นนี้ข้าก็กินข้าวฟรีที่เรือนของท่านแล้วกัน!”
“ได้ ได้” ฮูหยินเหอรีบเอ่ย และสั่งให้เสี่ยวฮุ่ยไปดูบนเตา “ทำพวกของที่ท่านหญิงชอบกิน”
เสี่ยวฮุ่ยยิ้มและถอยออกไป
เจียงเซี่ยนกับฮูหยินเหอเล่นไพ่ต่อ เพียงแต่ไม่มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว
นางแอบถอนหายใจ
รับประทานอาหารเย็นแล้วก็กลับเรือน
ถึงต้นยามซวีหลี่เชียนถึงจะกลับมา
พอกลับมาก็ประคองหน้าของเจียงเซี่ยนและหอมทีหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เจ้าต้องชมข้าหรือเปล่า? ข้ากลับมาเร็วกว่าเมื่อวานเกือบหนึ่งชั่วยาม!”
เจียงเซี่ยนได้กลิ่นใบชาที่เย็นสบายและสดชื่นในปากของเขา แต่ก็ได้กลิ่นเหล้าอย่างเบาบางบนตัวของเขาเช่นกัน จึงรู้ว่าหลังจากเขากลับมาแล้วเคี้ยวใบชาสองสามคำกำจัดกลิ่นเหล้าแล้วถึงจะมาพบตนเอง ความกลัดกลุ้มในใจมลายหายไปทันที แล้วก็ไม่มีเวลาไปคิดที่จะซักถามเรื่องที่เขาหอมตนเองมั่วซั่วเช่นกัน นางเรียกสาวใช้เข้ามาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าติดกันหลายครั้ง
หลี่เชียนหัวเราะ แล้วประคองใบหน้าของนางและหอมติดกันอีกหลายครั้ง ถึงจะตามสาวใช้เข้าไปในห้องด้านใน
หอมแก้มเจียงเซี่ยนจนเปื้อนน้ำลาย
เจียงเซี่ยนทำแก้มป่องและสั่งให้ฉิงเค่อตักน้ำเข้ามาช่วยล้างหน้าให้นาง หลี่เชียนก็คลุมเสื้อคลุมผ้าผืนบางสีขาวอย่างลวกๆ และเดินออกมาแล้ว เห็นหน้าอกที่แข็งแรงและสุขภาพดีอย่างเลือนราง
คิดไม่ถึงว่าหลี่เชียนดูผอมมาก แต่ตัวกลับไม่บาง
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าดวงตาของตนเองไม่รู้จะมองไปทางไหนดีแล้ว
“เจ้ารีบสวมเสื้อผ้าสิ” นางบ่นพึมพำพลางเร่งเขา “ก็ไม่กลัวถูกลมพัดจนเป็นหวัด”
หลี่เชียนก็ผูกสายคาดเอวอย่างลวกๆ และเอ่ยว่า “อากาศร้อนขนาดนี้ อย่างไรเจ้าก็ต้องให้ข้าสูดอากาศสักหน่อยกระมัง!”
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ให้พวกเด็กรับใช้ไปเอาน้ำแข็งมาวางในห้องเถอะ!”
หลี่เชียนชอบดื่มเหล้าชามใหญ่ กินเนื้อชิ้นใหญ่ คนแบบนี้ภายในร่างกายจะร้อนมาก หน้าหนาวไม่กลัวหนาว ทว่าหน้าร้อนกลับกลัวร้อน นางร่างกายไม่แข็งแรง ใช้น้ำแข็งไม่ได้ หลี่เชียนก็จะต้องไม่ใช้น้ำแข็งด้วยอย่างแน่นอน แต่นางกลับสงสารที่เขาร้อนมาก
“ข้าสวมเสื้อผ้าเพิ่มอีกตัวนอนก็ได้” นางหันไปคลำหาพัดบนเตียงอุ่นและพัดให้เขา “เจ้าก็กินจืดหน่อย”
นางไม่เตือนเขาว่าอย่าดื่มเหล้า
มิตรภาพมากมายบนโลกใบนี้ต่างก็เกิดขึ้นบนโต๊ะเหล้า
และเขาก็อายุยังน้อย เป็นช่วงเวลาที่จำเป็นต้องคบหากับกองกำลังทหารแต่ละเขตพอดี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดื่มเหล้า
“ไม่อย่างนั้นข้าให้ท่านหมอฉางปรุงยาแก้ร้อนระบายความร้อนให้เจ้าหน่อยดีกว่า?” นางโบกสองสามทีก็รู้สึกเมื่อยมือ จึงเปลี่ยนมือ “แต่ค่อยปรุงยาหลังจากเชิญเขามาตรวจชีพจรให้เจ้าดีกว่า จะได้ไม่มีอะไรขัดแย้งกันจนกำเริบขึ้นมา…”
ทว่าหลี่เชียนที่เงียบมาตลอดกลับจู่ๆ ก็อุ้มนางขึ้น และวางลงบนตักของตนเอง
เจียงเซี่ยนร้องอย่างตกใจสั้นๆ และรีบเก็บเสียง นางกำลังจะตำหนิหลี่เชียน แต่กลับถูกหลี่เชียนโอบอยู่ในอ้อมแขนและหอมอีกที
“เป่าหนิง ข้าอยากทำให้เจ้าตัวเล็กลงและใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของข้าจริงๆ ไปไหนก็พาเจ้าไปด้วย” เขาแนบแก้มของนางพลางเอ่ย ผิวที่ร้อนมากจากแก้มของนางตีตราไปถึงก้นบึ้งของหัวใจของนางตลอด “อยากจะสลักเจ้าไว้ในใจของข้า และรู้สึกถึงเจ้าได้ตลอดเวลา…เป่าหนิง ทำไมเจ้าถึงดีขนาดนี้! ทำไมถึงดีกับข้าขนาดนี้!”
หน้าของเจียงเซี่ยนแดงไปหมดแล้ว
หลี่เชียนแย่งพัดในมือของนางไปและโยนไปข้างๆ เขากอดนางไว้ในอ้อมแขนและนวดข้อมือให้นาง “ต่อไปหากมีเรื่องแบบนี้อีก ก็มอบให้พวกสาวใช้ไปทำ เจ้าระวังจะเจ็บข้อมือ”
“ไม่เป็นไรหรอก!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “พัดบ่อยๆ ก็หายแล้ว”
“พัดบ่อยๆ ก็ไม่ได้” หลี่เชียนเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “พวกคนที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้าไปทำอะไรหมด? หากกำลังคนไม่พอ ก็ซื้อสาวใช้เข้ามาอีกสองสามคน”
เจียงเซี่ยนรู้ว่าเขาดื้อรั้นกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เป็นพิเศษ
ชาติก่อนเขายื่นสาส์นด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่น้อย
“ข้ารู้แล้ว!” นางปลอบใจเขา “ต่อไปจะให้พวกสาวใช้พัดให้เจ้า”
สีหน้าของหลี่เชียนถึงจะดีขึ้น และเอ่ยว่า “เป่าหนิง ข้าอยากให้เจ้าแต่งงานกับข้า เพราะอยากให้เจ้าดีขึ้น ไม่ใช่ให้เจ้าลำบากลำบนไปกับข้าด้วย ข้าไม่ชอบให้เจ้าทำแบบนี้”
เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พัดให้เจ้าก็ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้!” หลี่เชียนเอ่ยอย่างเด็ดขาดว่า “พัดให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น”
———————————-