เจียงเซี่ยนอ่านจดหมาย พลางเอ่ยอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “บอกว่าพวกนางกลับเมืองหลวงวันที่สี่เดือนหก บ่ายวันนั้นก็ส่งคนยื่นสาส์นเข้าไปในวัง เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ไทฮองไทเฮาก็เรียกพวกนางเข้าวัง และถามเรื่องแต่งงานของข้า…”
ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยรู้ว่างานแต่งงานของเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนหรูหราและใหญ่โต ตระกูลหลี่ปฏิบัติกับตระกูลเจียงและเจียงเซี่ยนอย่างมีมารยาทมาก ก็ดีใจมาก และฝากให้เมิ่งฟางหลิงเขียนจดหมายให้เจียงเซี่ยน
“ยังบอกว่า นางรู้ว่าฮูหยินฝางจะส่งจดหมายให้ข้า จึงเตรียมพวกของที่ปกติข้าชอบมากให้ฮูหยินฝางส่งมาด้วย แต่คิดไม่ถึงว่านางยังเตรียมของไม่ครบ เฉาไทเฮากลับส่งคนไปที่บ้านของนาง จะตกลงเรื่องแต่งงานของนางกับเฉาเซวียน ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยคิดว่าถ่วงเวลาแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน พ่อของนางจึงรับปากตระกูลเฉาแล้ว กำหนดวันแต่งงานเป็นวันที่ยี่สิบสองเดือนสิบ...”
อ่านจดหมายถึงตรงนี้ เจียงเซี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ทำไมถึงกำหนดวันด่วนขนาดนี้?”
ก่อนหน้านี้จวนเป่ยติ้งโหวก็อยากรั้งไป๋ซู่ไว้ถึงเดือนสามปีหน้า เฉาไทเฮาบอกว่าตระกูลเฉาไม่มีคนควบคุมอาหารการกินภายในบ้านสักคน รอสะใภ้ใหม่แต่งเข้ามา ตอนนั้นเลือกไว้สามวันโดยตระกูลไป๋เป็นคนเลือก เจียงเซี่ยนคิดว่า ตระกูลไป๋น่าจะเลือกเดือนสิบสอง เวลานี้งานแต่งงานไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนออกไป ทว่ายังเร็วกว่ากำหนดด้วย
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล
หลี่เชียนก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลเหมือนกัน
แต่จดหมายนี้ส่งมาอย่างด่วนที่สุด ต่อให้อยากถามสาเหตุก็ไม่มีคนถามอยู่ดี
เจียงเซี่ยนกลุ้มใจมาก
หลี่เชียนรีบปลอบนาง “เจ้าอย่าร้อนใจไป ในเมื่อไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยต่างเห็นด้วยแล้ว คิดว่าจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน ข้าจะให้คนไปสอบถามรายละเอียดเดี๋ยวนี้ บางทีอาจจะเพียงแค่เฉาไทเฮารู้สึกว่าวันนี้ค่อนข้างดีก็ได้!”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” เจียงเซี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ
แต่งงานมาอยู่ที่ไกลก็ไม่ดีตรงนี้ มีเรื่องอะไรก็บอกไม่ชัดเจน ต้องส่งคนไปสอบถาม หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ กว่านางจะรู้ ดอกไม้จีนก็เหี่ยวหมดแล้ว
หลี่เชียนเสนอให้ไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ “ตอนเย็นอุณหภูมิลดลงมาแล้ว เจ้าอยู่ในบ้านทั้งวัน จะได้ฉวยโอกาสนี้ออกไปสูดอากาศสักหน่อย”
เจียงเซี่ยนไม่อยากไป “พอขยับก็เหงื่อทั้งตัว เหนียวเหนอะหนะ ข้าไม่ชอบ”
“กลับมาอาบน้ำ!” หลี่เชียนทั้งดึงและลากจะให้นางออกไปข้างนอกให้ได้ “ข้าซื้อน้ำหอมกุหลาบกลับมาให้เจ้า”
เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องตามหลี่เชียนไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ด้านหลัง
บอกว่าเป็นสวนดอกไม้ด้านหลัง ความจริงแล้วก็เป็นเพียงลานกว้างขนาดสามหมู่ ปลูกต้นไม้เล็กน้อย ปลูกดอกไม้เล็กน้อย ขุดบ่อปลาบ่อหนึ่ง สร้างศาลาหลังหนึ่ง ในสระน้ำเลี้ยงปลาไนสีแดงหลายตัว ยังไม่น่าชมเท่าอุทยานหลวง แต่คนที่อยู่เป็นเพื่อนนางคือหลี่เชียน ทั้งสองคนผลัดกันพูด เจียงเซี่ยนเดินเล่นในสวนดอกไม้เกือบครึ่งชั่วยามก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ทว่าหลี่เชียนเห็นนางหน้าแดงก่ำ กลัวว่าจะทำให้นางเหนื่อย จึงใช้กำลังลากนางมาพักในศาลาริมสระน้ำ นางถึงจะนั่งลง
แต่พอนั่งลงขากับเท้าสบายแล้ว ทว่าเหงื่อกลับผุดออกมาทั้งตัว
หลี่เชียนก็เรียกฉิงเค่อเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เจียงเซี่ยน และยกน้ำชาอุ่นให้นางแก้กระหายน้ำ
กว่าจะจัดการเรียบร้อยก็ไม่ง่ายเลย เจียงเซี่ยนถึงจะรู้สึกถึงความเย็นสบายของสายลมที่ผ่านผิวน้ำ
นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มิน่าเล่าเฉาไทเฮาถึงชอบไปหลบร้อนที่ภูเขาวั่นโซ่ว ลมของทะเลสาบคุนหมิงพัดมาต้องสบายมากอย่างแน่นอน”
เสียดายที่ชาติก่อนนางไม่ชอบภูเขาวั่นโซ่ว จึงเคยไปไม่กี่ครั้ง
“ไว้อีกสองสามวัน พวกเราไปหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆดีกว่า” หลี่เชียนเอ่ยพลางปอกองุ่นให้นาง “ข้าบอกท่านพ่อเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราจะไปกันทั้งบ้าน”
แบบนี้คนอื่นก็จะได้ไม่ว่าเจียงเซี่ยนใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและสุขสบายเช่นกัน
“ได้สิ!” เจียงเซี่ยนชอบความคึกคัก ทุกคนไปด้วยกันย่อมคึกคักกว่านางไปคนเดียว “ถึงเวลานั้นจะชวนฮูหยินมาเล่นไพ่ด้วยกัน”
หลี่เชียนหัวเราะ และปอกองุ่นให้นางกินต่อ
ทั้งสองคนเล่นอยู่ในลานบ้านถึงยามห้ายจึงจะกลับเรือน อาบน้ำแล้ว หลี่เชียนพบจุดสีแดงเล็กๆ ที่ถูกยุงกัดสองจุดตรงข้อเท้าของเจียงเซี่ยน ก็โกรธจนหน้าเขียวและให้คนไปเอายาที่หมอฉาง แล้วก็ไม่ให้เจียงเซี่ยนเกา และใช้มือลูบตรงที่ถูกกัดให้นางตลอด ทำจนวุ่นวายไปหมด แม้แต่หลี่ฉางชิงยังส่งคนมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเสียงเคาะยามสาม[1]ดังขึ้น จวนสกุลหลี่ถึงจะค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบ
วันรุ่งขึ้นตอนที่หมอฉางมาตรวจชีพจรให้นางก็ยิ้มมุมปากตลอด
เจียงเซี่ยนพาลโกรธ และเอ่ยว่า “เรื่องที่ให้เจ้าตั้งร้านขายยาที่ตระกูลหลี่ เจ้าว่าอย่างไร?”
เพราะหมอหลวงเถียน เจียงเซี่ยนจึงมักจะคิดว่าหมอฉางเป็นคนกันเอง นางปฏิบัติกับเขาอย่างสนิทสนมมาก พูดจาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเช่นกัน
หมอฉางยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าต้องบอกท่านลุงเถียนก่อนขอรับ”
ถึงอย่างไรหมอหลวงเถียนก็เป็นคนให้เขามา ก่อนมาเคยบอกว่าแค่ช่วยตรวจให้เจียงเซี่ยน และเจียงเซี่ยนก็ฐานะสูงศักดิ์
เจียงเซี่ยนไม่สนใจ
หากหมอฉางไม่ตกลง นางสามารถให้หมอหลวงเถียนแนะนำหมอคนหนึ่งได้ หมอฉางตรวจให้นางคนเดียวดีกว่า
ไม่กี่วัน จดหมายที่เจียงเซี่ยนเขียนให้จวนเจิ้นกั๋วกงก็มีจดหมายตอบแล้ว
ฮูหยินฝางไม่เพียงแต่เขียนพวกกฎระเบียบและข้อบังคับของจวนเจิ้นกั๋วกงให้เจียงเซี่ยน ทว่ายังเขียนกฎระเบียบและข้อบังคับของพวกตระกูลขุนนางที่สร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงที่ปกครองตระกูลรอบคอบและตระกูลซื่อสัตย์เที่ยงธรรมในเมืองหลวงให้เจียงเซี่ยนด้วย แถมยังชมว่านางโตแล้ว รู้ความแล้ว รู้จักดูแลบ้านแล้ว
เจียงเซี่ยนอับอายจนเหงื่อตก
นางจัดเรียงออกมาทีละเรื่องว่าตอนนี้ตระกูลหลี่ต้องการหัวหน้าพ่อบ้านกี่คน แม่บ้านกี่คน สาวใช้ระดับหนึ่งกี่คน หญิงรับใช้ระดับหนึ่งกี่คน แต่ละคนมีหน้าที่อะไรบ้าง แล้วอ่านอย่างละเอียดอีกรอบ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว จึงให้ฉิงเค่อไปเชิญแม่นมเหมียวมา
เห็นได้ชัดว่าแม่นมเหมียวรู้เรื่องนี้แล้ว เจียงเซี่ยนถามนางว่าแม่บ้านมีคนแนะนำหรือไม่ นางตอบอย่างตรงไปตรงมามากว่า “ไม่มีเจ้าค่ะ” และเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ที่ไหนก็รับใช้เจ้านายทั้งนั้น เจ้านายคิดว่าดีแล้วก็ดี หากเจ้านายคิดว่าไม่ดี ต่อให้ดีแค่ไหนก็ไม่ดีอยู่ดี ข้าเชื่อฟังการจัดการของท่านหญิงทุกอย่างเจ้าค่ะ”
เรื่องในจวนส่วนใหญ่แม่นมเหมียวช่วยฮูหยินเหอดูแลอยู่ ตัวเจียงเซี่ยนเองไม่สนใจที่จะดูแลบ้าน พวกแม่บ้านนิสัยเป็นอย่างไร มีความสามารถหรือไม่ แม่นมเหมียวน่าจะรู้ดีกว่าฮูหยินเหอ เจียงเซี่ยนเรียกนางมาก่อน ประการแรกเพราะอยากรู้นิสัยของพวกแม่บ้าน และเลือกพวกคนที่ใช้ได้ ประการที่สองเพราะแม่นมเหมียวเคยรับใช้แม่แท้ๆ ของหลี่เชียน อย่างไรเจียงเซี่ยนก็ต้องไว้หน้านางเล็กน้อย และให้แม่นมเหมียวแนะนำพวกคนของตนเองเช่นกัน
แต่คิดไม่ถึงว่าแม่นมเหมียวจะทำอะไรคล่องแคล่วและรวดเร็วแบบนี้ นางไม่เก็บไว้และไม่ยุ่งแม้แต่คนเดียว เหมือนพึ่งพาการตัดสินใจของเจียงเซี่ยนทุกอย่าง
ไม่รู้ว่านางไม่อยากยุ่งจริงๆ หรือคิดว่าตนเองไม่ควรยุ่ง?
เจียงเซี่ยนกำลังครุ่นคิดอยู่ จึงไม่ได้พูดอะไรกับแม่นมเหมียวอีก และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไปถามฮูหยินเลยแล้วกัน!”
แม่นมเหมียวตอบอย่างนอบน้อมว่า “เดิมทีก็ควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
แลดูรักษาหน้าที่มาก
เจียงเซี่ยนไปที่เรือนของฮูหยินเหอ
พอฮูหยินเหอรู้จุดประสงค์ที่นางมาก็รีบเอ่ยว่า “แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเชื่อฟังท่านหญิงทุกอย่างอยู่แล้ว ท่านว่าอย่างไร ข้าก็ทำอย่างนั้น”
มีแม่สามีแบบนี้ด้วยหรือ?
เจียงเซี่ยนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทว่าฮูหยินเหอกลับเอ่ยอย่างคิดว่าตนเองมีเหตุผลเพียงพอว่า “แน่นอนว่าสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ใครมีเหตุผลก็ต้องเชื่อฟังคนนั้นอยู่แล้ว!”
“เอาเถอะ!” เจียงเซี่ยนทำได้เพียงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ให้น้องหญิงมาช่วยข้าแล้วกัน!”
จะได้ให้นางเรียนรู้ว่าดูแลครอบครัวอย่างไรด้วย
————————————-
[1] ยามสาม = ช่วงเวลา 23:00 – 24:59 น.