“สองวันก่อนต้องส่งอาถงมาไม่ใช่หรือ? จึงพลิกปฏิทินหวงลี่” ป้าเหอรีบเอ่ยอย่างดีใจว่า “วันที่สองเดือนเจ็ด วันที่หกเดือนเจ็ดต่างก็เป็นวันที่ดี ถัดไปอีกก็ต้องเลยวันสารทจีน[1]ไปแล้ว ต้องรอถึงเดือนแปด ซึ่งข้าก็คิดว่าช้าไปหน่อย”
“เช่นนั้นก็วันที่สองเดือนเจ็ดแล้วกัน” เจียงเซี่ยนคิดว่า เลี้ยงอาหารเร็วหน่อย จบเรื่องมารยาทแล้ว จบงานเร็วหน่อย นางยังอาจจะไปหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆอะไรนั่นกับหลี่เชียนได้
ป้าเหอรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นถึงเวลานั้นข้าจะมาช่วยท่านหญิงแล้วกัน! เรื่องอื่นไม่กล้าพูด แต่ช่วยดูแม่บ้านสั่งคนครัวนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก”
เจียงเซี่ยนเหงื่อไหลไม่หยุด
นางกำลังจัดระเบียบงานภายใน งานที่ควรเป็นของใครก็คนนั้นคุม งานที่ใครคุมก็คนนั้นรับผิดชอบ แขกอย่างป้าเหอวิ่งไปสั่งตามใจชอบที่ห้องครัว นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็รู้สึกว่าภาพนั้น ‘ สวย’ เกินไปแล้ว
นางยิ้มพลางเอ่ยว่า “จะให้ท่านป้าไปช่วยคนครัวได้อย่างไร เช่นนั้นพวกหญิงรับใช้ในบ้านจะทำอะไร? ถึงวันนั้นท่านมาดูงิ้วอย่างมีความสุขก็พอแล้ว เรื่องอื่น…ท่านไม่ต้องกังวล!”
ตระกูลหลี่มีเรื่องอะไรฮูหยินเหอล้วนต้องเชิญนางมาช่วย เป็นแขกโดยไม่คุมงานอะไรเลย ป้าเหอยังไม่ค่อยชินจริงๆ
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ทางข้ามีคนมากมาย ว่างและถักเชือกจีนอยู่ในเรือนทุกวัน เชือกเยอะจนเกรงว่าสองสามปีนี้คงจะใช้ไม่หมด ให้พวกนางขยับมือขยับเท้าสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ป้าเหอขานรับอย่างเชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง
—————————————————–
หลี่ฉางชิงรู้จากหลี่เชียนว่าเจียงเซี่ยนจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าสตรีชนชั้นสูงของไท่หยวนในบ้านวันที่สองเดือนเจ็ด ก็ยังประหม่าเล็กน้อย และถามหลี่เชียนว่า “ถึงเวลานั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”
หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “เรื่องของสตรีเรือนด้านใน พวกเราควรทำอะไรก็ทำอันนั้น ไม่ต้องสนใจพวกนาง”
“แบบนี้ได้หรือ?” หลี่ฉางชิงดึงเสื้อด้านหน้า
หลี่เชียนรู้ว่าเรื่องมิตรภาพและการไปมาหาสู่กันเป็นจุดอ่อนของหลี่ฉางชิง จึงยิ้มพลางปลอบใจบิดาว่า “ได้สิ! ข้าเห็นพวกตระกูลขุนนางที่สร้างความดีความชอบต่อแคว้นอย่างใหญ่หลวงที่เมืองหลวงก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”
หลี่ฉางชิงคิดดูแล้ว ก็ยังมีเหตุผลนิดหน่อยจริงๆ จึงไม่ถามอะไรเพิ่มอีก เพียงแค่ให้มอบเงินห้าร้อยตำลึงให้เจียงเซี่ยน และบอกว่าเขาจะเป็นคนออกเงินสำหรับงานเลี้ยงเอง
เจียงเซี่ยนรับเงินเอาไว้ และให้หลี่เชียนขอบคุณหลี่ฉางชิง แล้วก็ให้หลี่เชียนไปบอกหลี่ฉางชิงด้วยว่า พวกนี้เป็นเงินก้อนหนึ่ง ให้หลี่ฉางชิงไม่ต้องจำว่าให้นางทีละก้อน ตอนที่นางต้องการเงินจะไม่เกรงใจหลี่ฉางชิง
หลี่เชียนถ่ายทอดความคิดของเจียงเซี่ยนอย่างอ้อมค้อม หลี่ฉางชิงก็รู้สึกว่าตนเองขี้งกไปหน่อยเช่นกัน จึงไม่ให้เงินเจียงเซี่ยนอีก ทว่าจะห่ออั่งเปาใหญ่ๆ ให้นางทุกปี แน่นอนว่านี่ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันทีหลัง
เจียงเซี่ยนก็มอบเรื่องจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ฉิงเค่อ และให้หลี่ไท่ไปดูว่าคนของคณะสื่อเจียยังอยู่ที่ไท่หยวนหรือไม่ หากยังอยู่ก็เชิญมาแสดงงิ้วในบ้านวันหนึ่ง
ฉิงเค่อหาของชำร่วยตอนที่เจียงเซี่ยนแต่งงานมาแล้ว และคัดลอกรายชื่อของสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงที่มาร่วมงานแต่งงานของเจียงเซี่ยนในวันนั้น และสืบเบื้องหลังของแต่ละตระกูลแล้ว ถึงจะไปปรึกษากับเจียงเซี่ยน “สตรีบรรดาศักดิ์ข้างนอกที่ระดับสามขึ้นไปมีแค่สองคน ระดับสี่มีสี่คน ระดับห้าขึ้นไปมีสิบคน ท่านว่า…พวกเราเชิญระดับห้าขึ้นไปหรือเชิญระดับสี่ขึ้นไปดีเจ้าคะ”
เจียงเซี่ยนกำลังว่าง และให้อาหารนกขมิ้นสองตัวที่หลี่เชียนมอบให้นางอยู่ พอได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ระดับห้าขึ้นไปแล้วกัน! ต้องมีคนที่อาจจะมีธุระและมาไม่ได้อย่างแน่นอน ในเมื่อเลี้ยงอาหาร ก็ย่อมจะเงียบเหงาไม่ได้”
คึกคักเกินไป นางก็รับไม่ไหวเช่นกัน!
ฉิงเค่อรู้ความชอบของนาง จึงยิ้มพลางขานรับ และยืนยันรายชื่อแขกกับนาง แล้วก็เริ่มยุ่งอยู่กับการตรวจสอบการท่องกฎของตระกูลของหญิงรับใช้ในบ้าน
ส่วนเรื่องเขียนเทียบเชิญนั้นมอบให้ไป่เจี๋ยกับอิ้นไฉ่สาวใช้อีกคนที่รู้หนังสือแล้ว
ฮูหยินเหอเห็นแล้วก็อดที่จะร้อนใจเล็กน้อยไม่ได้ จึงตั้งใจมาถามนางพร้อมกับป้าเหอโดยเฉพาะ “นี่อีกไม่นานก็จะถึงปลายเดือนแล้ว ต้องเริ่มเตรียมเหล้า อาหาร และของว่างในงานเลี้ยงแล้วหรือเปล่า! ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่ฝูเจี้ยน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางซานซีมีธรรมเนียมอย่างไร”
“แค่เชิญคนสิบกว่าคนมากินข้าวที่บ้านเท่านั้น มีอะไรให้เตรียมเป็นพิเศษ” เจียงเซี่ยนให้คนชงชาดอกมะลิที่ฮูหยินฉีให้คนส่งมาเมื่อหลายวันก่อนและชวนฮูหยินเหอกับป้าเหอชิม “สองปีนี้ในเมืองหลวงนิยมดื่มชาดอกไม้ แต่ทางฝูเจี้ยนกลับชอบดื่มชาเหยียน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถูกปากท่านกับท่านป้าหรือไม่ แต่ก็จะได้ลองอะไรใหม่ๆ เช่นกัน”
ฮูหยินเหอกับป้าเหอต่างเป็นคนซานซีที่เติบโตที่นี่ จึงชอบดื่มชาเขียว อยู่ฝูเจี้ยนหลายปี ก็เปลี่ยนความชอบนี้ไม่ได้อยู่ดี จึงรับชาดอกไม้ได้ง่ายมาก
ป้าเหอรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนเป็นคนสบายๆ และอ่อนโยน เวลาอยู่ต่อหน้าเจียงเซี่ยนจึงค่อยๆ ไม่ระมัดระวังมากเกินไปแล้วเช่นกัน พอได้ยินก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ชอบรสนี้มาก หอมๆ ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายใจ” นางเอ่ยจบก็ยังดื่มติดกันอีกสองสามอึก
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
รู้สึกว่าท่านป้าเหอเป็นคนที่น่าสนใจมาก
ฮูหยินเหอใจไม่กว้างเท่าป้าเหอ ไม่อย่างนั้นนางก็คงจะไม่ใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว
นางยังคงคิดถึงเรื่องเลี้ยงอาหารอยู่ตลอดเวลา “ไม่ต้องเตรียมล่วงหน้าจริงๆ หรือ?”
“ไม่ต้อง” เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าจะทำตามธรรมเนียมของเมืองหลวง ถึงอย่างไรข้าก็มาจากเมืองหลวง พวกเขาก็คงจะไม่คิดว่าข้าเสียมารยาทเช่นกัน อีกอย่าง…หากทำตามธรรมเนียมของไท่หยวน ทุกบ้านเชิญก็เหมือนกันหมด จะมีความหมายอะไร”
ป้าเหอได้ยินก็ตบมือ และเอ่ยว่า “เพราะเหตุผลที่ท่านหญิงเอ่ยนี้ ข้ารู้สึกว่าความคิดของท่านหญิงดีทีเดียว”
นางพูดไป สายตาก็จับจ้องไปที่ฮูหยินเหอ “ข้าว่าในเมืองไท่หยวนนอกจากฮูหยินหลี่ของตระกูลเจ้าเมืองหลี่แล้ว ก็มีไม่กี่คนที่เคยไปเมืองหลวง จะได้ให้พวกนางเปิดหูเปิดตาสักหน่อย”
เมืองหลวงต่างหากที่เป็นเมืองสำคัญของแคว้น สิ่งที่ที่นั่นนิยมถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าป้าเหอถือว่าเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่งแล้ว
นางถามป้าเหอว่า “ตระกูลของท่านทำอะไร?”
ป้าเหอยิ้มและเอ่ยอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า “ทำการค้าเจ้าค่ะ”
“มิน่าเล่าถึงมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง” เจียงเซี่ยนไม่ดูถูกแต่ละอาชีพในสังคม
ป้าเหอได้ยินก็ตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด
แล้วทั้งสามคนก็ชิมของว่างที่เพิ่งออกจากเตาของเรือนตะวันตก
“เห็นว่าเป็นแบบเมืองซู” เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ข้าก็กินครั้งแรกเหมือนกัน หากทุกคนคิดว่าดี ตอนที่เลี้ยงอาหารจะได้ยกขึ้นโต๊ะให้แขกชิม”
ป้าเหอพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน ท่านหญิง ท่านป้า ฮูหยินของผู้ช่วยซือส่งแม่นมมายื่นเทียบขอพบ อยากมาเยี่ยมท่านพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินของผู้ช่วยซือเป็นหนึ่งในสี่สตรีบรรดาศักดิ์ข้างนอกระดับสี่
เจียงเซี่ยนต้องให้เกียรติอยู่แล้ว
ปรากฏว่าฮูหยินซือไม่เพียงแต่มาเอง ทว่ายังพาคุณหนูสามตระกูลซือมาด้วย
ฮูหยินซือเจอนางก็ขอโทษนาง “เด็กสาวไม่รู้ความ ล่วงเกินท่านหญิงแล้วก็ไม่กล้าบอกข้าสักที สองวันก่อนข้าเพิ่งรู้โดยบังเอิญ ขอท่านหญิงโปรดอภัยให้ด้วย วันนี้ข้าตั้งใจพานางมาขอโทษท่านหญิงโดยเฉพาะเจ้าค่ะ”
สองวันก่อนเพิ่งรู้หรือไม่ ก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
เพราะเจียงเซี่ยนไม่คิดที่จะไปมาหาสู่กับฮูหยินซืออย่างสนิทสนม
การเข้าสังคมและการพบปะกันในสถานการณ์แบบนี้ เจียงเซี่ยนพูดคุยกับสตรีบรรดาศักดิ์ข้างในและข้างนอกไม่มากนัก แต่กลับเคยพูดคุยกับพวกผู้นำในแวดวงปัญญาชน นักปราชญ์และคนที่มีความสามารถและคุณธรรมในราชสำนักเยอะมาก
เจ้าพูด ข้าฟัง ไม่เกี่ยวกับความเป็นความตาย ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป จนทำให้ตนเองว้าวุ่นใจ
เจียงเซี่ยนยอมรับข้อแก้ต่างของฮูหยินซือ และเอ่ยกับฮูหยินซืออย่างเกรงใจสองสามคำ
ฮูหยินซือก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “ท่านหญิงใจดีจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลว่าท่านหญิงจะตำหนิข้าว่าไม่สั่งสอนลูกสาวให้ดี ดูเหมือนข้าจะคิดมากไปแล้ว”
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย
คุณหนูสามตระกูลซือก็เหมือนจะตั้งสติได้แล้ว นางเอ่ยอย่างละอายใจว่า “ต้องโทษที่ข้าทำอะไรไม่ใส่ใจ เห็นคุณหนูเกาบอกว่าไม่เป็นไรก็ตามนางไปที่เรือนของท่าน...”
———————————–
[1] วันสารทจีน ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน