โทษไปที่เกาเมี่ยวหรงแล้ว
เจียงเซี่ยนหัวเราะเล็กน้อย และปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป
จนออกมาจากเรือนตะวันตก คุณหนูสามตระกูลซือก็อดไม่ได้ที่จะถามฮูหยินซือว่า “ท่านแม่ คิดว่าท่านหญิงจะฟังสิ่งที่พวกเราพูดหรือไม่?”
“น่าจะฟังกระมัง?” ฮูหยินซือก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน และเอ่ยว่า “หากไม่ฟัง ทำไมนางถึงเกรงใจพวกเราขนาดนั้น แถมยังเชิญพวกเรามาเป็นแขกที่จวนสกุลหลี่วันที่สองเดือนเจ็ดด้วยตนเองด้วย…”
คุณหนูสามตระกูลซือได้ยินแล้วก็โล่งอก และบ่นว่า “ท่านแม่ ท่านหญิงเจียหนานนี่ก็จริงๆ เลย ได้ยินว่าพี่เกายังไปขอโทษท่านหญิงด้วยตนเองเพราะเรื่องของพวกเราด้วย ท่านหญิงถึงจะหายโกรธ ข้าว่า…นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทำไมท่านหญิงจะต้องยึดติดด้วย? ที่พี่เกาช่วยฮูหยินเหอต้อนรับแขก ฮูหยินเหอก็เป็นคนไปขอให้พี่เกาออกหน้าเอง เวลานี้ท่านหญิงแต่งมาแล้ว ก็รู้สึกว่าพี่เกาเกะกะแล้ว มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน? ข้าว่าฮูหยินเหอก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน ใช้คนแล้วก็ทิ้ง มิน่าเล่าตระกูลหลี่ถึงไม่มีใครให้ความสำคัญกับนางสักคน!”
“เรื่องนี้เจ้าพูดได้หรือ?!” ฮูหยินซือได้ยินแล้วก็ตวาดด่าลูกสาวเสียงเบาว่า “ระวังกำแพงมีหูประตูมีช่อง!”
“เป็นคนของพวกเราเองทั้งนั้น ใครจะกล้าแพร่งพรายออกไป” คุณหนูสามตระกูลซือเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ท่านแม่ ข้าว่าต่อไปสถานการณ์ของพี่เกาที่ตระกูลหลี่น่าเป็นห่วง! พวกเราต้องช่วยนางสักหน่อยหรือไม่”
“ดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!” ฮูหยินซือถอนหายใจ และอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “หากไม่ใช่เพราะข้ากลัวพี่เกาของเจ้าจะลำบาก จะไปขอโทษท่านหญิงเจียหนานด้วยตนเองได้อย่างไร พูดถึง…พี่เกาของเจ้าก็เดือดร้อนเพราะพวกเราเช่นกัน”
ท่านหญิงเจียหนานจะแต่งมาไท่หยวน ตอนนั้นทั้งเมืองไท่หยวนต่างก็ฮือฮา พูดอะไรก็มีหมด ทว่าในฐานะสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของขุนนางไท่หยวน ไม่ว่าท่านหญิงเจียหนานจะแต่งเข้ามาทำไม แม้พวกนางจะไม่ถึงกับประจบประแจงอย่างไร้ยางอาย แต่ก็ไม่มีใครอยากล่วงเกิน และต่างก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับท่านหญิงเจียหนานดีๆ
ตระกูลซือมีทรัพย์สินในครอบครัวที่เก็บสะสมมานานน้อยนิด ใต้เท้าซือมีวันนี้ ทุกอย่างอาศัยว่าพวกเขาสามีภรรยาอยู่เป็น
ดังนั้นนางจึงทนไม่ไหวไปชั่วขณะ และส่งลูกสาวไปพบเกาเมี่ยวหรง อยากสอบถามความชอบของท่านหญิงเจียหนานจากปากเกาเมี่ยวหรง หากได้ไปพบท่านหญิงเจียหนานเป็นคนแรกก็ยิ่งดี
ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องพังเสียแล้ว!
แถมยังทำให้เกาเมี่ยวหรงเดือดร้อนจนถูกท่านหญิงตำหนิ และถูกฮูหยินเหอทอดทิ้งด้วย
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฮูหยินซือก็อดไม่ได้ที่จะกำชับคุณหนูสามตระกูลซือ “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคนควบคุมอาหารการกินภายในบ้าน เรื่องบางเรื่องหากข้าทำจะมีร่องรอย แต่เจ้าทำกลับไม่เป็นไร ไว้อีกสองวัน เจ้าไปเยี่ยมพี่เกาของเจ้าสักหน่อย เอาเทียนหมากับโสมไปเล็กน้อยให้นางบำรุงเลือดลม ก็ถือว่าพวกเราขอโทษนางแล้วเช่นกัน”
คุณหนูสามตระกูลซือพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยอย่างลังเลว่า “เช่นนั้นเรื่องแต่งงานของท่านพี่…”
ตระกูลของฮูหยินซือมีหลานชายที่เป็นบัณฑิต หลังจากนางเจอเกาเมี่ยวหรงก็ชอบมาก จนอยากเป็นแม่สื่อให้หลานชายของตนเองกับเกาเมี่ยวหรง
“เรื่องนี้ก็รอก่อนเช่นกัน” ฮูหยินซือครุ่นคิดว่า “ประการแรกเวลานี้พี่ชายของเจ้ายังเป็นเพียงซิ่วไฉ จิตใจจดจ่ออยู่กับการเรียนหนังสือจะดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเร็วขนาดนั้น ประการที่สองเกาเมี่ยวหวายังไม่ก่อตั้งตระกูลเอง ตระกูลเกายังอยู่ในสังกัดของตระกูลหลี่ พูดออกไปไม่น่าฟัง…ไว้ผ่านไปสักระยะค่อยว่ากัน”
คุณหนูสามตระกูลซือพยักหน้า และเอ่ยถึงงานเลี้ยงในวันที่สอง “ฮูหยินจินมีธุระพาคุณหนูใหญ่ตระกูลจินไปเมืองหลวงแล้ว ใต้เท้าติงกับตระกูลหลี่ก็ไม่เคยสนิทสนมกัน ท่านว่า…ฮูหยินติงจะไปหรือไม่?”
เวลานี้สตรีบรรดาศักดิ์ข้างนอกระดับสามสองคนของไท่หยวนคือฮูหยินของจินไห่เทากับฮูหยินของติงหลิวผู้ว่าราชการมณฑลซานซี ฮูหยินของใต้เท้าอู๋ผู้ตรวจการกับหูอี่เหลียงต่างก็ระดับสามเช่นกัน ทว่าฮูหยินทั้งสองอยู่ที่บ้านเกิด พวกงานเลี้ยงส่วนตัวในไท่หยวนจึงไม่เกี่ยวกับพวกนางแล้ว
ฮูหยินซือเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าถึงบอกว่าต้องรอก่อน หากฮูหยินติงไป พวกเราก็ต้องไปด้วยอย่างแน่นอน หากฮูหยินติงไม่ไป พวกเราก็นำของขวัญอะไรก็ได้เล็กน้อยไปร่วมงานแล้วกัน”
คุณหนูสามตระกูลซือพยักหน้า และเอ่ยอย่างลังเลว่า “ท่านแม่ ตอนที่ข้าไปพบพี่เกาครั้งก่อน พี่เกาเคยบอกว่า บรรดาศักดิ์ของท่านหญิงฟังดูยอดเยี่ยมมาก แต่ถึงอย่างไรก็เทียบองค์หญิงไม่ได้ และแต่งงานมาอยู่ไกลถึงซานซีอีก ฝ่าบาทไม่มีทางที่จะออกหน้าเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญให้ท่านหญิงทุกเรื่อง ท่านหญิงจะยืนหยัดที่บ้านสามีได้หรือไม่ ยังต้องอาศัยการจัดการเอง ในหนังสือประวัติศาสตร์มีองค์หญิงมากมาย แม้กระทั่งองค์หญิงจั่งที่เกิดจากฮองเฮาก็ถูกครอบครัวของราชบุตรเขยรังแก…เป็นความจริงหรือไม่?”
ฮูหยินซือได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที และเอ่ยว่า “เมี่ยวหรงบอกเจ้าแบบนี้จริงๆ หรือ?”
คุณหนูสามตระกูลซือฟังออกว่ามารดาไม่พอ จึงรีบเอ่ยว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าถามอะไรบางอย่างกับพี่เกา พี่เกาจึงบอกข้า ข้าก็คิดว่า…ท่านหญิงก็ไม่ได้ทำจากมนุษย์ทองคำเช่นกัน ก็เหมือนกับพวกเรา ก่อนแต่งงานอยู่ที่บ้านย่อมเป็นแก้วตาดวงใจ แต่แต่งงานแล้วก็ต้องทำอะไรตามสีหน้าของแม่สามี ต้องปรนนิบัติสามี และคิดหาทางสืบทอดสายเลือดของบรรพบุรุษให้ครอบครัวสามีเหมือนกัน พี่เกาบอกว่านางยังสงสารท่านหญิงมากที่จู่ๆ ก็ถูกแต่งงานมาอยู่ที่ไกล ให้ข้าต่อไปต้องดีกับท่านหญิงหน่อย บอกว่าถึงอย่างไรท่านหญิงก็ยังอายุไม่ครบสิบห้าปีเต็ม…”
สีหน้าของฮูหยินซือคลายความโกรธลงไปมาก และเอ่ยว่า “พี่เกาของเจ้าพูดได้ไม่เลวเช่นกัน ดังนั้น…ชาติกำเนิดที่ดีเพียงแค่มอบโอกาสที่ดีให้พวกเจ้า ส่วนจะใช้ชีวิตสุขสบายหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตนเองแล้ว…”
นางฉวยโอกาสนี้พูดจ้อสั่งสอนลูกสาว
ทว่าจิตใจของคุณหนูสามตระกูลซือกลับลอยไปไกลตั้งนานแล้ว
หากชาติกำเนิดของเกาเมี่ยวหรงดีหน่อย ก็อาจจะแต่งไปตระกูลติงแล้วก็ได้
ตระกูลติงเป็นตระกูลบัณฑิตที่มีชื่อเสียงของเจียงซี คุณชายใหญ่ของตระกูลติงรับราชการที่หกกรมมานานแล้ว คุณชายรองปีนี้ได้เป็นจวี่เหรินพร้อมกับคุณชายหลี่ คุณชายสามอายุยังน้อยก็เป็นซิ่วไฉแล้ว ส่วนคุณหนูใหญ่ก็แต่งงานกับคุณชายรองของตระกูลสยงจวิ้นหรงอาจารย์ของฮ่องเต้
หากได้แต่งไปตระกูลแบบนี้ ชีวิตนี้ถึงจะไม่สูญเปล่า
ไม่รู้ว่าท่านหญิงเจียหนานเลี้ยงอาหาร คุณหนูรองของตระกูลติงจะไปหรือไม่?
พูดถึง นางก็ไม่เห็นคุณหนูรองตระกูลติงมาระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน เห็นว่าฮูหยินเฒ่าตระกูลติงไม่สบาย นางจึงกลับไปดูแลที่บ้านเกิดที่ซานซีแทนฮูหยินติงแล้ว
พี่เกาอยากรู้จักคุณหนูรองตระกูลติงมาตลอด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้จะสมปรารถนาหรือไม่?
—————————————————–
เรือนตะวันตกของตระกูลหลี่ เจียงเซี่ยนส่งแม่ลูกสกุลซือออกไป หลี่ไท่ก็มาแล้ว
เขายืนก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าห้องโถง และเอ่ยเสียงดังว่า “ท่านหญิง คณะสื่อเจียนั้นแสดงงิ้วที่ไท่หยวนแค่สามวันก็ไปเมืองหลวงแล้วขอรับ แต่ข้าส่งคนไปบอกพวกเขาแล้ว หัวหน้าคณะของคณะสื่อเจียบอกว่า พวกเขาจะย้อนกลับมาเดี๋ยวนี้ แถมยังบอกว่า ไปบอกสื่อชิงของคณะสื่อเจียที่อยู่เมืองหลวงแล้ว ให้สื่อชิงคิดหาทางมาถึงไท่หยวนก่อนวันที่สองเดือนเจ็ด ถึงเวลานั้นสื่อชิงจะเป็นผู้ร้องนำ หากสื่อชิงมาไม่ทันวันที่สอง ท่านจัดสักวัน ดูว่าวันที่สามหรือวันที่สี่ สื่อชิงค่อยมาแสดงในบ้านให้ท่านคนเดียวสองวันขอรับ”
ตอนที่เอ่ยหลี่ไท่ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นและความภูมิใจในคำพูดเอาไว้ได้
สื่อชิงเป็นนักแสดงหลักของคณะสื่อเจีย
ตระกูลหยวนเรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งอันดับต้นๆ ของซานซี และร่ำรวยในเมืองไท่หยวนมาหลายชั่วอายุคน ฮูหยินเฒ่าของตระกูลพวกเขาฉลองวันเกิด คณะสื่อเจียก็ส่งเพียงแค่นักแสดงที่มีชื่อเสียงมาไม่กี่คน และเรียกราคาสูง แสดงงิ้วสามวัน เวลานี้พอได้ยินว่าท่านหญิงต้องการให้พวกเขาเข้ามาแสดงงิ้วในจวน ไม่เพียงแต่ย้อนกลับมาทันที ทว่ายังจะเรียกสื่อชิงมาด้วย
ในเมืองไท่หยวน เกรงว่าจะมีแต่ติงหลิวกับหูอี่เกลียงที่มีเกียรติแบบนี้
แต่เจียงเซี่ยนกลับไม่สนใจ
คณะสื่อเจียไม่แสดง ก็เชิญคณะงิ้วที่มีชื่อเสียงที่สุดในไท่หยวนมาแสดงก็ได้
นางเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็เตรียมตัวหน่อย ให้คณะสื่อเจียเอารายชื่อนักแสดงกับรายการงิ้วของพวกเขามาเร็วหน่อย พวกเราจะได้ตัดสินใจว่าจะแสดงองก์ไหน”
หลี่ไท่ขานรับและจากไป