นี่เหมือนกันหรือ?
นั่นคือ ‘แบบลี่มิ่ง’ ที่วังเจินคัดด้วยตนเองนะ!
นอกเสียจากว่าตระกูลเหอสามารถมอบลายมือของไหวซู่[1]ให้เจียงเซี่ยนได้
แต่ลายมือของไหวซู่จะหาง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?
อาศัยพ่อค้าเล็กๆ ที่บนตัวยังคงมีกลิ่นเหรียญทองแดงอยู่อย่างตระกูลเหอ?!
เกาเมี่ยวหรงมองป้าเหออย่างรังเกียจเล็กน้อย
ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ!
นางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ชั่วพริบตาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
เหอถงเหนียงได้รับ ‘แบบลี่มิ่ง’ ที่วังเจินคัดอย่างไร้เหตุผลแบบนี้!
หากตระกูลเหอยอมมอบสิ่งนี้ให้เป็นสินเดิมแก่เหอถงเหนียง เหอถงเหนียงอาศัยสิ่งนี้ก็จะมีลูกหลานของตระกูลบัณฑิตมาขอแต่งงาน
นางอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ยินดีกับคุณหนูเหอด้วย ได้รับของสะสมที่ล้ำค่าแบบนี้ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะมีโอกาสให้ข้าเปิดหูเปิดตา สัมผัสของจริงสักหน่อยหรือไม่”
เหอถงเหนียงเกรงใจมาก จึงพึมพำและมองไปทางเจียงเซี่ยน
ในใจนาง นี่เป็นของของเจียงเซี่ยน ดูหรือไม่ ให้คนอื่นดูหรือไม่ ต้องให้เจียงเซี่ยนอนุญาตถึงจะได้
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ของมอบให้น้องหญิงแล้ว ก็ย่อมเป็นของน้องหญิงแล้ว น้องหญิงเป็นคนตัดสินใจ ไม่ต้องมองข้า!”
เหอถงเหนียงสีหน้าแดงเข้ม
นางรู้สึกว่าตนเองวางตัวไม่ค่อยเรียบร้อย
มิน่าเล่าท่านแม่ถึงให้นางมาอยู่บ้านท่านอาชั่วคราว แถมยังให้นางไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่มีธุระก็ไปเยี่ยมเยียนที่เรือนตะวันตกบ่อยๆ เรียนรู้จากท่านหญิงสักหน่อย
“พี่เกาอยากดู ข้าจะชงชารอท่านมา” เหอถงเหนียงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลอย่างแผ่วเบา หน้าแดงมากขึ้นแล้ว
เกาเมี่ยวหรงหัวเราะ และเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ตกลงกันแล้ว”
เหอถงเหนียงพยักหน้า
ป้าเหอไม่ชินที่พวกนางพูดจาและวางตัวสุภาพเรียบร้อย จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิง อากาศนี้ร้อนเกินไปแล้ว ข้าให้คนยกน้ำแกงถั่วเขียวที่ไม่เคยแช่เย็นมาให้ท่านคลายร้อนสักหน่อยดีกว่า!”
เจียงเซี่ยนยิ้มและพยักหน้า
เซียงเอ๋อร์รีบเดินตามสาวใช้ที่ไปยกน้ำแกงถั่วเขียวออกไปข้างนอก
ป้าเหอมองนางและเอ่ยว่า “เจ้าตามไปทำไม?”
เซียงเอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าจะไปช่วย”
ความจริงแล้วเป็นเพราะพวกนางต่างรู้ว่าเจียงเซี่ยนไม่ชอบกินของที่หวานเกินไป แต่นี่เป็นความชอบส่วนตัวของท่านหญิง พวกนางรู้ก็พอแล้ว ทว่าจะตะโกนไปทั่วไม่ได้
คนที่อยู่ข้างกายเจียงเซี่ยน ยังคงรักษานิสัยบางอย่างตอนที่อยู่ในวังเอาไว้
ป้าเหอไม่รู้เรื่องราว จึงยิ้มและเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “เพราะท่านหญิงสั่งสอนคนเป็น เวลานี้ข้าเดินที่เรือนด้านใน สาวใช้กับหญิงรับใช้ต่างก็ดูมีชีวิตมีชีวาขึ้นมาก”
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย รับคำชมของนาง
แต่เกาเมี่ยวหรงกลับก้มหน้าลงจิบชาทีละคำ
ป้าเหอถามถึงจุดประสงค์ที่เจียงเซี่ยนมาอย่างกระตือรือร้น “มีอะไรส่งสาวใช้มาบอกพวกเราก็ได้ ท่านมาเช่นนี้ ระวังจะเป็นไข้แดด”
“พอไหว!” เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยกับนางอย่างเกรงใจสองสามคำ และอธิบายจุดประสงค์ที่มา “…สถานที่ที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก จะร้อนเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาหารรสเลิศที่ดีแค่ไหนก็ยากที่จะกลืนลงไปได้ งิ้วที่ดีแค่ไหนก็ยากที่จะดูได้ ทุกคนเพียงแค่อดทน แขกมาที่นี่ก็ไม่เหมือนกลับบ้านของตนเอง!”
ฮูหยินเหอพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และโบ้ยให้เจียงเซี่ยนอย่างไม่มีวิธีแก้ไขใดๆ “ท่านหญิงว่าที่ไหนเหมาะสม? ข้าจะให้คนไปเก็บกวาดที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
ป้าเหอได้ยินฮูหยินเหอเอ่ยแบบนี้ ก็ถลึงตาใส่ฮูหยินเหอครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “ท่านหญิง อากาศร้อนเช่นนี้ รอให้พระอาทิตย์ตกดีกว่า แล้วพวกเราค่อยเดินรอบๆ เป็นเพื่อนท่าน ท่านว่าตรงไหนเหมาะสม พวกเราค่อยปรึกษากัน ท่านว่าแบบนี้เหมาะสมหรือไม่?”
“ได้สิ!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาสำหรับจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกอีกสองสามวัน”
จู่ๆ เกาเมี่ยวหรงก็เอ่ยแทรกว่า “ข้าว่า ในสวนดอกไม้ด้านหลังไม่มีสระน้ำ จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกที่ไหนก็ร้อนทั้งนั้น ใช้น้ำแข็งดีกว่า! ถึงแม้ในบ้านจะมีน้ำแข็งไม่มากแล้ว ทว่านี่เป็นการจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกครั้งแรกของท่านหญิง อย่างไรก็ต้องช่วยทำเรื่องนี้ให้สำเร็จไปแล้วค่อยว่ากัน ยิ่งกว่านั้นน้ำแข็งนี้ก็ไม่ใช่ว่าซื้อไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่หากต้องการด่วน ราคาก็จะสูงหน่อยเท่านั้น”
ฮูหยินเหอพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และปรึกษากับเจียงเซี่ยน “ท่านหญิงคิดว่าอย่างไร?”
“ในเมื่อสุดท้ายยังต้องไปซื้อข้างนอกอยู่ดี ข้าว่าก็ไม่ต้องแตะต้องน้ำแข็งที่เก็บไว้ในบ้านแล้ว” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไปซื้อกลับมาจากข้างนอกสักหน่อยแล้วกัน ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องใช้เงินมากหน่อย” นางพูดไปก็มอบเรื่องนี้ให้จุ้ยเอ๋อร์ “เจ้าไปบอกหัวหน้าพ่อบ้านหลี่เดี๋ยวนี้ ดูว่าสามารถซื้อน้ำแข็งได้เท่าไร” แล้วก็เอ่ยกับฮูหยินเหอและป้าเหออีกว่า “สถานที่ที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก ยังต้องไปดูสักหน่อย หากมีน้ำแข็งก็ยิ่งดี หากไม่มีน้ำแข็ง ก็ต้องหาสถานที่ที่เย็นสบายหน่อยเช่นกัน”
ฮูหยินเหอกับป้าเหอขานรับติดกันหลายครั้ง
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางถามถึงการเรียนของหลี่ตงจื้อ “แค่ฝึกคัดตัวอักษรทุกบ่ายหรือ?”
หลี่ตงจื้อตอบอย่างนอบน้อมว่า “เจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนก็เอ่ยกับฮูหยินเหอว่า “ถึงอย่างไรก็เขียนแค่ครึ่งวัน ข้าว่าเปลี่ยนไปฝึกคัดตัวอักษรตอนเช้าดีกว่า แล้วไปฝึกที่เรือนของข้า ประการแรกอากาศร้อนมาก ให้คุณหนูเกาพักผ่อนสักสองสามวัน ประการที่สองอีกไม่นานในบ้านจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกแล้ว และคนที่ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับล้วนเป็นสตรีบรรดาศักดิ์ข้างนอกระดับห้าขึ้นไป มีเรื่องจุกจิกเยอะมาก หลังจากน้องหญิงทั้งสองฝึกคัดตัวอักษร คอยดูว่าพวกสาวใช้กับแม่บ้านจัดการงานบ้านอย่างไร ก็จะเป็นผลดีต่อพวกนางในอนาคตเช่นกัน”
หลี่ตงจื้ออายุยังน้อย เรียนกับแม่บ้านในบ้านเมื่อไรก็ไม่ถือว่าสายทั้งนั้น แต่เหอถงเหนียงกลับไม่เหมือนกัน สองปีนี้นางก็ต้องแต่งงานแล้ว ได้ติดตามอยู่ข้างกายเจียงเซี่ยนและเปิดหูเปิดตาสักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดงานเลี้ยงต้อนรับที่มาตรฐานสูงเช่นนี้ ทำได้เพียงเฝ้ารอและไม่สามารถบังคับได้ จะเป็นประโยชน์ต่อนางในการเข้าสังคมในอนาคตมาก
ป้าเหอเอ่ยอย่างดีใจจนออกนอกหน้าโดยไม่รอให้ฮูหยินเหอเอ่ยปากว่า “ขอบคุณท่านหญิงมาก” และเอ่ยว่า “ท่านหญิงสนับสนุนตงจื้อกับอาถงเช่นนี้ จะให้พวกนางตอบแทนอย่างไร !”
เจียงเซี่ยนเอ่ยรอยยิ้มว่า “แค่เรื่องเล็กน้อย ท่านป้าเอ่ยเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกผิดแล้ว” และก็เอ่ยล้อเล่นกับหลี่ตงจื้อและเหอถงเหนียงว่า “ถึงเวลานั้นข้าสั่งให้พวกเจ้าไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ พวกเจ้าจะอ้างนู่นอ้างนี่และแอบขี้เกียจไม่ได้นะ!”
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง!” น้องสาวทั้งสองคนของสามีเอ่ยติดกันหลายครั้ง สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ต้องอยู่ในห้องด้านในทุกวันหรือเป็นเพราะได้เปลี่ยนที่เล่นแล้ว…??
ฮูหยินเหอไม่มีความเห็นแย้งใดๆ เหมือนเดิม
ส่วนเกาเมี่ยวหรงนั้นลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็ยิ้มและขอบคุณเจียงเซี่ยน “เช่นนั้นข้าก็จะฉวยโอกาสนี้พักผ่อนให้เต็มที่สักสองสามวัน!”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนดื่มน้ำแกงถั่วเขียวแล้ว เจียงเซี่ยนอ้างว่าไม่รบกวนการเรียนของหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง แล้วไปที่ห้องหลักกับฮูหยินเหอและป้าเหอ
สาวใช้ได้รับคำสั่งจากเจียงเซี่ยนมาก่อนแล้ว จึงกองภูเขาน้ำแข็งไว้ที่มุมกำแพงของห้องหลัก แม้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงข้างนอกจะสว่างเจิดจ้า แต่ในห้องกลับเย็นสบายมาก
ฮูหยินเหอปวดใจเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งใช้ก็ยิ่งน้อย หมดแล้วก็ต้องไปซื้อน้ำแข็งในราคาสูง
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เงินทองใช้หมดแล้ว เดี๋ยวก็ได้มาใหม่ เดิมทีเงินนี้ก็เอามาใช้อยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ใช้ ต่อไปก็จะใช้อยู่ดี เช่นนั้นก็ซื้อพวกของที่ตนเองชอบดีกว่า”
ป้าเหอได้ยินแล้วก็หัวเราะไม่หยุด และเอ่ยว่า “นั่นเป็นเพราะท่านหญิงมีเงินมาก”
ทุกคนหัวเราะพลางพูดคุยกัน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกก็ไปดูสระน้ำกับศาลาและห้องข้าง สุดท้ายก็ยังคงเป็นอย่างที่เจียงเซี่ยนคิด กำหนดสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับที่ห้องข้างที่อยู่ไม่ไกลจากสระน้ำของเรือนตะวันออก และสร้างเวทีแสดงงิ้วชั่วคราว
ฮูหยินเหอรู้สึกผิดกับเจียงเซี่ยนเล็กน้อย จึงเอ่ยว่า “ต่อไปคิดหาทางเปลี่ยนเป็นบ้านที่ใหญ่หน่อยดีกว่า”
“ไม่เป็นไร!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “บ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด แต่ขึ้นอยู่กับคนที่เลี้ยงอาหารเป็นใคร”
คำพูดของนางมีหลักฐาน
ชาติก่อน ตอนที่นางเป็นไทเฮา เหมยเฉิงเสนาบดีกรมคลังก็ขี้งกมากเหมือนกัน บ้านที่เช่าไม่เพียงแต่เล็ก ทว่ายังลดเลี้ยวเคี้ยวคดจนรถม้าไม่สามารถเข้าออกได้ ทุกครั้งที่ในบ้านจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ก็เพียงแค่อาหารมังสวิรัติสี่อย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง แต่รถม้ากลับต่อแถวยาวเหยียดอยู่บนถนนนอกตรอก จนบางครั้งคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครก็จำเป็นต้องออกหน้าช่วยคุ้มครอง
นางเลี้ยงอาหาร ใครกล้าไม่มา
เพียงแต่นางรักศักดิ์ศรีมาโดยตลอด จึงไม่อยากทำให้งานเลี้ยงพัง และให้คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังนาง
————————————
[1] ไหวซู่ นักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถัง