บทที่ 35 อีกหนึ่งการประลอง
นักเรียนกว่าร้อยคนในตอนนี้ต่างก็ได้รวมตัวกันอยู่รอบเวที
ที่เฉินเฉียงและศิษย์พี่ของเขาไม่รู้ก็คือไม่เพียงแค่เฟิงไคเหลียงเท่านั้นที่มาที่นี่ แม้แต่อาจารย์ของเขานั้นก็ยังมาด้วย
“ข้าจำเจ้าได้ เจ้ามันไอ้ตัวขยะที่มาหาข้าให้ช่วยทดสอบสายเลือดให้”
ในทันทีที่ทั้งสองได้พบกันนั้น เป็นเฟิงไคเหลียงที่เปิดฉากพูดออกมา ในตอนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีการให้เกียรติกันเลยสักนิด
และนี่เองก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่เฟิงไคเหลียงกล้าที่จะเรียกเฉินเฉียงว่าขยะ อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นไม่ได้มีท่าทีโกรธแค้นแต่อย่างใด เขานั้นทำเพียงโค้งคารวะด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่เฟิง ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆที่การพลั้งปากของข้านั้นทำให้ศิษย์พี่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันนะพอข้ารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ท้าประลองเสร็จไปแล้ว”
“และด้วยเหตุนี้ทำให้ข้านั้นถูกอาจารย์ดุเป็นการใหญ่เลย”
“ข้านี่นะช่างไม่ประมาณตนเลยจริงๆ”
“หากว่านี่ไม่ใช่เพราะเป็นกฎอันเข้มงวดที่สำนักตั้งเอาไว้ล่ะก็ ข้าคงคิดจะไว้หน้าโดยการยกเลิกการประลองไปแล้ว แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ข้าเองคงต้องให้ศิษย์พี่เฟิงนั้นแสดงความเมตตากันบ้างเวลาอยู่บนเวทีนะครับ”
“ฮึ่ม ใครก็ตามที่ลงคะแนนไปฝั่งเจ้านี่คงต้องรู้สึกเสียดายแต้มคะแนนเป็นแน่ถ้ารู้ว่าการท้าประลองนี้เกิดจากความโง่ของเจ้า หึหึหึ”
เฟิงไคเหลียงหันหัวไปอีกทางโดยไม่แยแสพร้อมทั้งผู้ติดตามมากมาย เฉินเฉียงได้ถูกจมูกไปมาเล็กน้อยโดยไม่ใส่ใจ
แต่เมื่อฉากหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในสายตาแล้วทำให้ทุกคนแสดงออกมาด้วยท่าทีเหนือความคาดหมาย
“พี่ชายน้องชายทั้งหลาย ในวันนี้ ข้า กัวเหลียงผู้นี้ จะเปิดโต๊ะรับพนันการต่อสู้ระหว่างศิษย์น้องของข้ากับศิษย์น้องเฟิง ทุกคนๆที่สนใจขอให้รีบมาที่นี่โดยไวและลงเงินกันได้ในทันที”
“ข้าก็ไม่อยากจะพูดอะไรนะกัวเหลียง แต่แผนกวิชายุทธพิเศษของเจ้าน่ะกำลังเจอปัญหาใหญ่อยู่ แล้วเจ้ายังมีอารมณ์มาเปิดโต๊ะพนันเนี่ยนะ”
“ไม่สนเว้ย เปิดมาก็ลงได้ นี่เป็นโอกาสอันดีแล้ว ทำไมเราจะไม่ลงกันล่ะ”
“ไอ้ฉิบหาย ผลก็เห็นๆกันอยู่แล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแผนกวิชายุทธพิเศษนั่นจะกล้าหาเรื่องกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุ ข้าลงว่าศิษย์พี่เฟิงต้องชนะ”
ในทันทีทันใด ศิษย์กว่าร้อยคนก็ได้กรูกันลงพนันกับกัวเหลียงอย่างรวดเร็วก่อนที่การประลองจะเริ่มขึ้น
เฉินเฉียงและเฟิงไคเหลียงเองที่เห็นฉากนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด กว่าพวกเขาจะเข้าไปสนามก็ใช้เวลากว่าสิบนาทีให้หลัง
เฉกเช่นเดิม เมื่อเข้าไปถึง เฉินเฉียงได้ใช้ทักษะไร้ตัวตนในทันทีที่เข้าไปในสนาม
แต่อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงเองก็ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด
เฟิงไคเหลียงเองที่ในตอนนี้เข้าไปในสนามแล้ว เขานั้นไม่ได้ใส่ใจกับเฉินเฉียงแม้แต่น้อย หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ เขานั้นไม่เชื่อว่าเฉินเฉียงจะแตะต้องเขาได้แม้แต่เพียงปลายก้อย
ต่อให้สนามประลองที่เฉินเฉียงเลือกเอาไว้เป็นแบบกลางคืน แต่ตัวเฟิงไคเหลียงก็ไม่ยังคงตั้งท่าองอาจรออยู่เฉยๆไม่คิดจะลงมือ
ไอ้ฉิบ…ถ้าเขารู้ว่าไอ้เด็กนี่ไม่คิดจะลงมือล่ะก็เขาคงไม่เลือกสนามประลองกลางคืนให้วุ่นวาย เขานั้นต้องการให้ไอ้เด็กนี่เสียหน้าแบบสุดๆ มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่จะทำให้จิตใจแห่งความเกลียดชังของเขาถึงจะจางหายไป
ภายใต้สภาพไร้ตัวตน เฉินเฉียงได้ค่อยขยับตัวอย่างระมัดระวัง และในตอนนี้ เขาเหลือเพียงอีกสามเมตรเท่านั้นถึงจะเข้าประชิดตัวเฟิงไคเหลียง เป็นตอนนี้ที่เขาได้ทดลองทักษะใหม่ การสะกดจิต
คลื่นพลังจิตได้ถูกปล่อยออกไปโดยเฉินเฉียง และแปรเปลี่ยนไปประดุงดั่งตาข่ายไปคลุมจับเฟิงไคเหลียง
คลื่นเสียงเบาๆได้บังเกิดขึ้นเมื่อตาข่ายพลังจิตจับกุมไปยังเฟิงไคเหลียง มันเป็นเสียงที่เรียวแหลมเล็กจนทำให้ในตอนนี้เฟิงไคเหลียงเริ่มอดรนทนไม่ไหว
เฟิงไคเหลียงในตอนนี้อยู่ในสภาพเคลิบเคลิ้มและรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นและเดินตรงไปหาเฟิงไคเหลียง
“ไอ้ระยำ ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากนักไม่ใช่รึไง ไอ้ตัวจองหองอย่างแกกลับกล้าที่จะทำให้ข้าคนนี้ต้องทนเจ็บปวดทรมานทั้งคืนเพราะไอ้น้ำยาหลอมร่างกายคุณภาพต่ำแต่แพงหูฉี่นั่น วันนี้ ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าไอ้ตัวจองหองอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของเฟิงไคเหลียงจนดังลั่น
เมื่อถูกตบไปแล้ว ใบหน้าของเฟิงไคเหลียงก็บิดเบี้ยวไปในทันที และเป็นตอนนั้นเองที่เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก
“ไอ้ขยะ อย่าอยู่เลย”
หลังจากพูดจบ เฟิงไคเหลียงก็ได้ใช้ขอเกี่ยวในมือฟาดไปที่หัวของเฉินเฉียง
ด้วยการที่เฉินเฉียงยังคงใช้การตรวจจับด้วยเสียงอยู่นั้น เขาจึงได้รับรู้ได้ว่ามีขอเกี่ยวหนึ่งฟาดลงมาที่เขาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแสงสีน้ำเงินคราม
ไอ้หมอนี่ใช้พิษ
ถึงแม้ว่าสายเลือดของเขาจะมีพิษ แต่หากเขาต้องถูกยึดไว้ด้วยขอเกี่ยวนี้ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องโดนหยุดการเคลื่อนไหวไว้อย่างแน่นอน
ด้วยเทคนิคการเคลื่อนไหวของเฉินเฉียงที่เหนือล้ำกว่านั้นทำให้เขาสามารถหลบขอเกี่ยวนี้ได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ดึงดาบดั้นเมฆออกมาและใช้กระบวนกรงเล็บมังกรในทันที
“ไอ้ระยำ นี่กล้า…”เฟิงไคเหลียงนั้นไม่ใช่ศิษย์ที่ศึกษาด้านการต่อสู้อยู่แล้ว ที่เขาตอบรับการต่อสู้นี้โดยไม่โวยวายอะไรนั้นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าเฉินเฉียงต้องไม่กล้าลงมือกับเชา แต่ไม่คิดว่าเฉินเฉียงกับกล้าฆ่าเขาให้ตายในทีเดียว
แต่ถึงจะรู้ก็ไม่ทันแล้ว
เฟิงไคเหลียงเห็นร่างของตัวเองในขณะที่หัวของตนหล่นลงไปอยู่กับพื้น เฉินเฉียงในตอนนี้เองก็ได้รีบใช้มือขวาของตนวางไว้บนอกของเฟิงไคเหลียงในทันที
วินาทีต่อมานั้นเอง บนเวทีในตอนนี้ได้กลับมาสว่างขึ้นมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มอันหยามเหยียดของเฉินเฉียง
ติ้ง
ระบบตรวจพบเป้าหมายที่ใช้ประโยชน์ได้
ระบบย่อยสลายนักรบระดับทหารขั้นสูงสำเร็จ
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:1260
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:45
ค่าพลังชีวิต:28
ค่าความแข็งแกร่ง:51
ค่าความเร็ว:98
ค่าพลังจิต:50
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
วิธีการบ่มเพาะ: ภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทร ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคฝึกฝนร่างกายขั้นต้น ระดับเริ่มเรียนรู้
วิธีการบ่มเพาะ: เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิม ระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับต้น
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรูระดับต้น
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
ทักษะ: สะกดจิตขั้นเรียนรู้
ทักษะ: แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้น
ทักษะ: รอบรู้สมุนไพร
สายเลือด ทมิฬระดับกลาง
พลังห้าธาตุระดับสูง
ธาตุไม้ระดับสูง
ในที่สุดเขาก็สามารถดูดซับพลังของไอ้ตัวจองหองได้สำเร็จ
แน่นอนว่าด้วยทักษะของเฟิงไคเหลียงระดับนี้แล้วการที่จะทำยาหลอมร่างนั้นก็แค่ของเด็กเล่น ถึงแม้ว่าทักษะของเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุแบบดั้งเดิมของเขายังอยู่ระดับต้น แต่แก่นแท้แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ ระดับต้นนี้นั้น กลับทำตัวยาต่างๆที่สำนักเต่าดำต้องการออกมาได้มากมายอย่างไม่อยากเย็น ช่างน่าขันนัก
ในทำนองเดียวกัน เฉินเฉียงในตอนนี้มีทักษะของเฟิงไคเหลียงแล้ว ในอนาคต เขานั้นสามารถหลอมเม็ดยาให้กับศิษย์พี่ของเขาในแผนกวิชายุทธพิเศษนี้ได้มากเท่าที่เขาจะต้องการ
ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังเดินออกมาอย่างยิ้มกริ่มนี่เอง เขาก็ได้ถูกกัวเหลียงคว้าคอเอาไว้
“ฮ่าฮ่าฮ๋า ศิษย์ย้อง เจ้ารู้รึเปล่าว่าเราได้มาเท่าไหร่ ทั้งหมดคือแปดหมื่นแต้มเลยนะเว้ย ข้าไม่เคยนึกเลยจริงๆว่าในช่วงชีวิตข้านั้นจะได้เงินมามากมายขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า รวยแล้วเว้ย”
“เกือบไปแล้วเชียว ดีนะที่ข้าไม่รีบลงพนันไป ไม่อย่างนั้นล่ะก็ข้าคงต้องแพ้พนันไปอีกรอบแหงๆ ไม่คิดเลยจริงๆว่าเฉินเฉียงนั้นจะกล้าหาเรื่องกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุโดยการฆ่าเฟิงไคเหลียงแบบนี้”
“ฮึ่มมมม ถึงข้าจะเสียไปร้อยแต้ม แต่เฉินเฉียงนั่นไม่มีทางอยู่อย่างสงบในสำนักได้อย่างแน่นอน หมอนั่นกล้าที่จะมีเรื่องกับแผนกเล่นแร่แปรธาตุเลยนะ ขนาดลูกศิษย์ของแผนกอื่นเองยังไม่กล้าหาเรื่องเลย แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ถือว่าหมดอนาคตแล้ว แล้วแบบนี้ใครจะไม่ฉวยโอกาสนี้สร้างสัมพันธ์อันดีกับแผนกเล่นแร่โดยการแก้แค้นแทนกันล่ะ”
“ก็จริง ถ้าข้าเป็นไอ้หนูขั้นกลางนั่นล่ะก็ ข้าคงจะถอนการท้าไปแล้วล่ะ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดีเพราะว่ากฎน่ารำคาญนั่นไม่สามารถฝ่าฝืนได้”
ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้รับแต้มคะแนนจากกัวเหลียงนั้น เฟิงไคเหลียงได้จ้องมองไปยังเฉินเฉียงด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ไคเหลียง ทำไมเจ้าต้องใช้มือกุมหน้าด้วย”
อาจารย์ฉีได้เดินเข้าไปหาเฟิงไคเหลียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ เฟิงไคเหลียงที่ยังใช้มือกุมหน้าอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาด้วยความโกรธ “อาจารย์ ไอ้ขยะนั่นมันกล้าตบหน้าศิษย์บนสนามประลอง”
“มันก็แค่การต่อสู้จำลองไม่ใช่รึไง มันไม่ได้เป็นการตบจริงๆสักหน่อย แล้วศิษย์พี่จะเก็บมาคิดแค้นทำไมกัน” คำพูดที่ไม่แยแสของเฉินเฉียงนี้ทำให้อาจารย์ฉีนั้นแสดงท่าทีที่มีต่อเฉินเฉียงอย่างขยะแขยงยิ่งกว่าเดิม
“ฆ่าคนโดยตัดหัวคนอื่นให้ร่วงหล่นสู่พื้น เจ้ามันก็แค่เด็กที่พึ่งจะเข้าใหม่ แค่มีความสามารถนิดหน่อยทำไมถึงได้โหดร้ายนัก ฮู่ต้าไฮ่สั่งสอนศิษย์ยังไงถึงกลายเป็นคนเช่นนี้”
“ไอ้ข้าก็นึกว่ามีตัวปากเสียที่ไหนมากล้าด่าว่าข้าลับหลัง ที่แท้ก็ผู้อาวุโสฉีนี่เอง”
“คำพูดของเจ้านั้นผิดแล้ว เป้าหมายของลานประลองเป็นตายแห่งสำนักเต่าดำที่มีอยู่มากว่าร้อยปีนั่นก็คือให้เหล่าลูกศิษย์แลกเปลี่ยนฝีมือกันได้โดยไม่ต้องยั้งฝีมือ หากใครที่คิดว่าไม่คู่ควรหรือยอมรับไม่ได้ก็ไม่ควรจะขึ้นไปแต่แรกแล้ว แล้วนี่มันผิดยังไง หรือจะบอกว่าศิษย์แผนกเล่นแร่จะเป็นพวกแพ้ไม่เป็นกัน”
ฮู่ต้าไฮ่เองก็มาถึงทันช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน เมื่อมาถึงแล้วได้ยินคำพูดของเฒ่าฉีผู้นี้พูดถึงตน มีหรือที่เขาจะปล่อยให้คนอื่นมาด่าว่าตนเองอย่างเสียๆหายๆไร้แก่นสาร
“ฮู่ต้าไฮ่ ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะดิบเถื่อนและโหดร้ายไร้น้ำใจกันขนาดนี้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าแผนกเล่นแร่แปรธาตุกลั่นแกล้งเลยก็แล้วกัน ไคเหลียง กลับ”
“อาจารย์ โปรดรอสักครู่”
ในตอนที่อาจารย์ฉีจะพาเฟิงไคเหลียงกลับไปนั้นก็ได้มีเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีได้เดินตรงมา เขาโค้งคารวะให้กับอาจารย์ฉีและพูดออกมา “อาจารย์ฉี ศิษย์พี่เฟิงไคเหลียงเองก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของข้า วันนี้ เมื่อต้องเห็นเพื่อนของตนถูกรังแกอย่างโหดเหี้ยม ข้าในฐานะเพื่อนคนหนึ่งก็ไม่อาจทำได้เพียงยืนดูอยู่เฉยๆ”
“ถึงแม้ว่ากฎของสำนักจะไม่ให้ศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าท้าทายศิษย์ที่ระดับการบ่มเพาะต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม หากศิษย์น้องเฉินเฉียงกล้าที่จะรับคำท้าล่ะก็ ศิษย์พี่คนนี้ยินดีที่จะทำตามคำขออะไรก็ได้ ศิษย์น้องคิดว่ายังไง”
เฉินเฉียงนั้นหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ในคราแรกที่เห็นและได้ยิน เขาเองก็เบ้ปากหนักและเตรียมที่จะตอบปฏิเสธไป แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจในทันทีเมื่อเห็นแหวนสีชมพูที่อยู่ในมือของชายคนนี้
“ท่านอาจารย์ ชายคนนี้ต้องการอะไร”
ฮู่ต้าไฮ่เองก็ได้มองชายคนนี้อยู่ปราดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในการลับนั้นเขาได้ใช้วิธีการถ่ายทอดด้วยเสียงบอกข้อมูลของชายหนุ่มคนนี้
“หมอนี่คือหลานของผู้อาวุโสจ้าวของสำนักเรา เป็นศิษย์คนหนึ่งของไอ้กวางขายาว เขาอยู่ในระดับทหารขั้นสูง และจุดตันเถียนของเขาเปิดได้ถึงจุดที่แปดแล้ว ถึงแม้ไอ้เด็กนี่จะไม่ได้ถือว่าเก่งกาจอะไร แต่ก็มีโอกาสอย่างมากที่เด็กนี่จะชนะเจ้า หากเจ้าปฏิเสธได้ก็ควรจะปฏิเสธไปซะ ด้วยการบ่มเพาะของเจ้าไม่มีใครว่าอะไรได้หรอก”
เมื่อเฉินเฉียงได้ยินดังนั้น เขาก็ลอบคิดคำนวณอยู่ในใจพักหนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าและพูดออกมา “ขอข้าถามได้ไหมว่าศิษย์พี่ท่านนี้ชื่ออะไร”
“ข้าคือจ้าวฮั่น เป็นศิษย์แผนกบ่มเพาะร่างกายและเป็นนักรบสายเลือดทหารระดับสูง”
หากเป็นตามกฏของสำนักแล้ว ศิษย์พี่ผู้นี้ไม่มีสิทธิ์จะท้าประลองกับเขาได้เลยจริงๆ “งั้น หากว่าศิษย์น้องเฉินนั้นเกรงกลัวที่จะพ่ายแพ้ล่ะก็ไม่เป็นไร ในภายภาคหน้าเมื่อใดก็ตามที่ศิษย์น้องการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นล่ะก็ พวกเราค่อยสู้กันตอนนั้นก็ได้”
อย่างไรก็ตาม ข้าก็คงทำได้เพียงหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นศิษย์น้องเฉินจะยอมรับคำท้าสู้ก็แล้วกัน
เฉินเฉียงได้ยิ้มออกมาและพูดตอบ “ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือศิษย์พี่ผู้ฝึกยุทธจ้าวนี่เอง แต่เหมือนศิษย์พี่นั้นจะเข้าใจอะไรผิดนะ”
“ในเมื่อไม่ว่าช้าจะเร็วก็ต้องสู้กันอยู่แล้ว พวกเราต้องรีบจบๆเรื่องนี้ไปซะ”
“ศิษย์น้องผู้นี่จะขอท้าทายท่านเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้ทำการประกาศคำท้าประลองผ่านกำไรสื่อสารในทันที
“ศิษย์น้อง”
กัวเหลียง หนี่เฟิง และชุยหยันหลันเองได้ตรงเข้ามาในเวลาเดียวกันเพื่อเตรียมที่จะห้าม แต่นั่นก็ไม่ทันการเพราะเฉินเฉียงนั้นได้ประกาศคำท้าทายออกไปแล้ว
“ฮี่ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่ จะเป็นกังวลไปทำไมกัน นี่ก็แค่การประลองเพื่อแลกเปลี่ยนฝีมือเท่านั้น อย่ากังวลไปเลย ศิษย์น้องคนนี้ไม่เดินออกมาโดยมีหน้าแบบเกมจบคนไม่จบอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสฉีและลูกศิษย์มีสีหน้าไม่สู้ดีในทันที จ้าวฮันเองก็รีบพูดออกมาเปลี่ยนบรรยากาศในทันที “ในเมื่อศิษย์น้องยอมรับคำท้าทายของศิษย์พี่ ศิษย์พี่คนนี้ล่ะสงสัยจริงๆว่าศิษย์น้องจะลงแต้มพนันเท่าไหร่”
“หมื่นนึงแล้วกัน ถ้าข้าแพ้ก็เชิญศิษย์พี่เอาไปได้เลย ส่วนถ้าข้าชนะนั้นข้าไม่ต้องการแต้มคะแนนแต่อย่างใด ข้าเพียงแค่ต้องการแหวนในมือศิษย์พี่เพียงเท่านั้น”
ใบหน้าของจ้าวฮั่นมืดคล้ำลงในทันทีที่ได้ยิน
“แหวนมิตินี่ไม่ใช่อะไรที่แต้มคะแนนหนึ่งหมื่นจะใช้หามาได้นะ”
“โฮ่…แล้วศิษย์พี่ต้องการเท่าไหร่กันล่ะ แต่ไม่ใช่ว่านี่หมายความว่าศิษย์พี่ผู้ฝึกยุทธจ้าวนั้นไม่มั่นใจตัวเองหรอกเหรอเนี่ย” เฉินเฉียงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฉินเฉียงแล้ว จ้าวฮั่นก็ได้กัดฟันก่อนจะพยักหน้ารับข้อเสนอ “ได้ ข้ายอมรับคำ”
Related