ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 48 วันแห่งการกลืนกิน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 48 วันแห่งการกลืนกิน

ไม่นาน ข่าวที่ศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษอย่างเฉินเฉียงถูกส่งเข้าโรงครัวเพราะก่อปัญหาในสำนักก็ได้เผยแพร่ออกไป

ด้วยการที่สำนักเต่าดำนั้นมีอาจารย์และศิษย์นับพันคน โรงครัวจึงเป็นสถานที่ยุ่งและวุ่นวายอยู่ทุกวี่วัน แถมยังไหลมาไม่ขาดสาย

ด้วยเหตุนี้ นอกจากศิษย์ที่โดนลงโทษอย่างเฉินเฉียงแล้วนั้นก็ยังมีคนอื่นที่ทำงานที่นี่ด้วยเช่นกัน พวกเขาคือศิษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะไม่ก้าวหน้า ส่วนใหญ่และคือคนที่หยุดระดับการบ่มเพาะให้เหนือกว่าระดับทหารขั้นสูงไม่ได้ในเวลาห้าปี เป็นสถานที่เหล่าอาจารย์ทอดทิ้งศิษย์ที่หมดหวังแล้วก็ว่าได้

หัวหน้าโรงครัวนี้เป็นชายอ้วน เขาถูกเรียกว่าอ้วนป๋อ เขาอยู่ที่โรงครัวนี่มาเกือบสิบปีแล้ว แต่ด้วยการที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับจ้าวหยางทำให้เขานั้นกลายเป็นหัวหน้าโรงครัว

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของศิษย์คนอื่นๆนั้น อ้วนป๋อเป็นเพียงหัวหน้าแค่ในนามเท่านั้น เพราะว่าทำตัวขี้เกียจไปวันๆ และนี่ทำให้ยิ่งไม่มีใครสนใจเขาอีก

“ศิษย์พี่อ้วนป๋อ จะให้ข้าทำอะไรที่นี่กัน”

เฉินเฉียงที่ในตอนนี้เข้ามาอยู่ในโรงครัวแล้ว เขาทำได้เพียงพึ่งพาชายคนนี้เท่านั้น

เฉินเฉียงนั้นจะต้องพยายามสุดความสามารถและเชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้าอ้วนป๋อเป็นอย่างดี นั่นก็เพราะหากเขาก่อเรื่องที่นี่อีกก็ไม่ได้ต่างจากตัดอนาคตตัวเอง

ในขณะที่อ้วนป๋อกำลังแทะขาสัตว์ประหลาดอยู่นั้น เขาก็เหลือบมองไปที่เฉินเฉียง

“เจ้าคือเด็กใหม่ที่ชื่อเฉินเฉียงงั้นรึ”

“ผู้อาวุโสจ้าวบอกให้ข้าดูแลเจ้าทีนี่ไปครึ่งปี แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะไม่มอบงานหนักมากมายอะไรให้เจ้านัก”

“ครัวของเรานั้นมีซากสัตว์ประหลาดส่งมาวันและเกือบร้อยตัว งานของเจ้าคือชำแหละซากร่างเหล่านั้น นอกจากนี้แล้ว เจ้าไม่ต้องทำอะไรอีก”

“ศิษย์พี่บอกให้ข้าชำแหละซากร่างสัตว์ประหลาดร้อยตัวทุกวัน…..นี่หมายความว่าให้ข้าทำคนเดียวอย่างนั้นเหรอ จะให้ข้าเป็นคนแล่เนื้ออย่างนั้นรึ”

เฉินเฉียงเองไม่คิดว่าคนใหญ่คนโตอย่างผู้อาวุโสจ้าวนั้นจะกล้ามอบงานใหญ่ให้เขาในทันทีที่เขาเข้าโรงครัวมา

ดูเหมือนความว่าความขัดแย้งระหว่างเขาและจ้าวหยางนั้นจะยังไม่ยอมจบง่ายๆ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ในตอนนี้เจ้าได้รับหน้าที่เป็นคนแล่เนื้อ หรือจะไม่ทำ” อ้วนป๋อได้มองเฉินเฉียงอย่างไม่แยแส “หากจ้าปฏิเสธ ข้าก็คงทำได้เพียงรายงานผู้อาวุโสจ้าวและผอ.หวังเท่านั้น”

“ไม่มีข้อโต้แย้ง ข้าจะเป็นคนแล่เนื้อ”

ถึงแม้จะดูเป็นงานที่สกปรกและเหนื่อยหน่ายสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเฉินเฉียงนั้นมันเป็นงานที่ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การที่อ้วนป๋อนั้นให้เขาเป็นคนแล่เนื้อสัตว์ประหลาด นี่ก็เทียบได้ว่าเขานั้นจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับซากร่างสัตว์ประหลาดจำนวนมาก

อย่าว่าแต่ร้อยตัวเลย วันละพันตัวเขาก็ยอม

เพราะพวกมันคือเป้าหมายชั้นดีในการดูดกลืนของเขา

อย่างไรก็ตาม เขานั้นจำเป็นที่จะต้องทำโดยไม่ให้เตะตาอ้วนป๋อเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะพลาดโอกาสใหญ่แบบนี้

ในโรงครัวแห่งนี้นั้นมีศิษย์มากมายหลายระดับตั้งแต่ระดับทหารขั้นสูงไล่ไปจนถึงระดับนายพลวิญญาณ

สิบวันผ่านไป เฉินเฉียงได้แล่เนื้อสัตว์ประหลาดทุกวันและก็ดูดกลืนทักษะมากมายในแต่ละวันด้วยเช่นกัน

ครึ่งเดือนผ่านไป ค่าสถานะพื้นฐานของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ยกเว้นเพียงค่าความอดทนของเขาเท่านั้นที่ไม่ค่อยจะเพิ่มขึ้น หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงต้องเหนื่อยกับการทำเรื่องนี้ทั้งวันเหมือนกัน

หากว่าเขาจะต้องใช้เวลาทั้งวันในการแล่เนื้อสัตว์ประหลาดแบบนี้ เขาเองก็จำเป็นต้องหาทางอื่นในการบ่มเพาะและเปิดจุดชีพจรของเขาเพื่อเพิ่มค่าสถานะ

ที่บ้านพักหลังใหญ่ห่างไปสามไมล์จากโรงครัว อ้วนป๋อกำลังยืนอยู่ในบ้านด้วยท่าทีจริงจัง เขาก้มหัวด้วยความเคารพและรายงานเรื่องบางอย่างให้กับนายน้อยคนหนึ่ง

“นายน้อยจ้าว ข้าทำตามที่ท่านแนะนำและมอบงานที่ยากลำบากและวุ่นวายให้เฉินเฉียงนั่นก็คือการเป็นคนแล่เนื้อ ในแต่ละวันนั้นเฉินเฉียงวุ่นวายอยู่กับการแล่เนื้อ หากจะว่างก็มีเพียงแค่เวลาพักผ่อนเท่านั้น”

“คนแล่เนื้อ เจ้าทำได้ดีมาก งานแบบนี้เหมาะกับไอ้ขยะแบบนั้นแล้ว”

“เป็นเพียงแค่คนชั้นต่ำจากทีมเก็บกู้ซากศพ แค่ได้เข้ามาอยู่ที่สำนักเต่าดำนี่ก็บุญหัวไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้ามาทำตัวกร่างอีก”

“ปล่อยให้มันมีชีวิตสุขสันต์กับการแล่เนื้อไปนั่นแหละ”

“อ้วนป๋อ ช่วยข้าดูแลมันให้ดีที่สุด จงส่งเนื้อให้มันแล่อย่าได้ขาด เจ้าจะปล่อยให้มันบ่มเพาะไม่ได้เป็นอันขาด”

จ้าวฮั่นพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง

“นายน้อยจ้าวอย่าเป็นกังวล ข้าจะจัดหนักจัดเต็มมันอย่างแน่นอน”

อ้วนป๋อได้ปาดเหงื่อในทันทีที่เขาออกจากบ้านพักของจ้าวฮั่น หากจ้าวฮั่นรู้ว่ามีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเยือนเฉินเฉียงทุกวัน เขาคงจะต้องโกรธมากแน่ๆ

นั่นก็เพราะเมื่อศิษย์ทั้งหลายรู้ว่าเฉินเฉียงอยู่ที่โรงครัว นี่เป็นโอกาสให้พวกเขาแวะเวียนเข้ามาหาเฉินเฉียงไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวัน

แถมศิษย์ที่มาหานี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นศิษย์พี่ในแผนกของเขา ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ศิษย์แผนกอื่นก็ยังมา

“ศิษย์น้องเฉิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกอาจารย์ฮู่ลงโทษที่นี่ เจ้าต้องทำงานหนักขนาดนี้แล้วมีอะไรให้ข้าพอที่จะช่วยได้หรือไม่”

“ศิษย์น้องเฉิน ลุงของศิษย์พี่คนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับผอ.อยู่บ้าง ทำไมไม่ให้พี่ไปขอให้ลุงช่วยพูดล่ะ อย่างน้อยๆก็ช่วยให้เจ้าทำงานที่เบาขึ้นได้ เจ้าคิดว่ายังไง”

เฉินเฉียงรู้ว่าศิษย์พวกนี้นั้นต้องการให้เขาหลอมยาให้ แต่ด้วยการที่เขานั้นต้องการที่จะคอยดูดซับความสามารถจากซากสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ในตอนแรก เฉินเฉียงถึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาครึ่งเดือน เขาก็พบว่าสัตว์ประหลาดที่ส่งมาที่นี่นั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นสัตว์ประหลาดระดับต่ำ นี่ทำให้เขานั้นไม่ค่อยได้อะไรกลับมามากนัก กับเรื่องนี้ทำให้เขานั้นทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจออกมา

“ศิษย์พี่หลี่ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าปรุงยาคืนเลือดให้ ท่านไม่ต้องให้แต้มคะแนนข้าเป็นค่าจ้างหรอก หากว่าท่านช่วยทำงานแทนข้าได้สักสองวัน ข้าจะช่วยท่านในเรื่องนี้เอง”

“ห้ะ เจ้าพูดจริงเหรอ ไม่มีปัญหา อย่าว่าแต่ทำงานให้เจ้าสองวันเลย ห้าวันข้าก็ยินดี” ศิษย์พี่หลี่พูดออกมาด้วยความสุขแบบสุดๆ

นั่นก็เพราะเขานั้นต้องการคนมาช่วยเขาปรุงยานี้ให้เขาจริงๆ เขายินดีที่จะมอบแต้มคะแนนให้สองร้อยแต้มด้วยซ้ำ มาถึงตอนนี้ กับการทำงานเพียงสองวันก็สามารถประหยัดแต้มคะแนนได้ถึงสองร้อยแต้ม มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ

เฉินเฉียงรับชุดสมุนไพรในการปรุงยามาจากศิษย์พี่หลี่ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องบ่มเพาะของสำนักในทันที

“อาจารย์จาง โปรดเปิดห้องบ่มเพาะห้องห้าให้ศิษย์เป็นเวลาสองวัน”

เฉินเฉียงมอบแต้มคะแนนให้อาจารย์หนึ่งหมื่นแต้มในทันทีก่อนที่จะเข้าห้องไปอย่างไม่รอช้า

“เด็กนี่ช่างเหลือเกินเหลือการจริงๆ ยอมจ่ายเป็นหมื่นแต้มในครั้งเดียว เฮ้ออออ…. หากเด็กนี่จ่ายหมื่นแต้มยามที่เข้าสู่ระดับนายพลวิญญาณแล้วยังคุ้มค่ากว่าซะอีก” “อยากรู้จริงๆว่าฮู่ต้าไฮ่สอนศิษย์ยังไงกัน”

หลังจากจางหยุนรับแต้มคะแนนของเฉินเฉียงแล้ว เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจและส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

เฉินเฉียงในตอนนี้เป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงในสำนัก อาจารย์จางหยุนแน่นอนว่าย่อมต้องให้ความสนใจเฉินเฉียง

สองวันให้หลัง หลังจากเฉินเฉียงออกจากห้องบ่มเพาะ เขานั้นสามารถเปิดจุดชีพจรได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น อีกเพียงจุดเดียวเขาก็สามารถก้าวข้ามระดับทหารขั้นสูงไปได้

“ถึงแม้แต้มคะแนนในตอนนี้ยังมีอยู่พอสมควร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอจริงๆแหะ”

เขานั้นต้องทำงานในโรงครัวถึงหกเดือนแต่นี่เขาพึ่งจะทำได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เมื่อคิดแบบนี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงกลับเข้าไปที่ครัวและแล่เนื้อสัตว์ประหลาดต่อไป

หลังจากเฉินเฉียงกลับไปในครัว เขาก็ส่งยาคืนเลือดให้กับศิษย์พี่หลี่ และเป็นตอนนี้ที่เขาพบอ้วนป๋อ

“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าไปไหนมาสองวัน เจ้าไม่อาจจะให้คนอื่นมาทำงานแทนเจ้าที่นี่…”

“ศิษย์พี่อ้วนป๋อ ดูเหมือนว่าทางสำนักจะไม่มีกฎในเรื่องนี้นะ หากท่านคิดว่าข้าทำผิดกฎ ท่านสามารถรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสจ้าวได้ว่าข้านั้นแหกกฎ”

ด้วยการที่เฉินเฉียงพึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ทำให้เขาค่อนข้างอารมณ์ดี เขาจึงไม่อยากจะวุ่นวายกับอ้วนป๋อสักเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เฉินเฉียงปรุงยาให้แลกกับการทำงานแทนเขานี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งสำนักอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่นาน ศิษย์จำนวนมากต่างแห่แหนมาที่นี่เพื่อหวังว่าเฉินเฉียงจะช่วยปรุงยาให้บ้าง

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท