ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 89 ข้ามขั้น

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 89 ข้ามขั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของหม่าหลิวอยู่นั้น เฉินเฉียงก็ได้กลับเข้าสู่ห้องบ่มเพาะอีกครั้ง

เขายังมีแต้มคะแนนอยู่อีกแปดหมื่นแต้ม มันมากพอที่เขาจะอยู่ที่นี่ได้ครึ่งเดือนในห้องห้านี้

ถึงแม้ค่าใช้จ่ายต่อวันของห้องบ่มเพาะที่ห้านี้จะสูงถึงห้าพันแต้มคะแนนต่อวัน แต่ด้วยการที่ว่าห้องบ่มเพาะห้องนี้ได้ปลดปล่อยพลังสายเลือดที่มาจากแก่นคริสตัลของสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง นี่จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้บ่มเพาะได้ในตอนนี้

หลังจากที่เข้าห้องไปแล้ว เขายังไม่ได้รีบบ่มเพาะแต่อย่างใด เขาได้ทำการสำรวจสินสงครามที่ได้มาจากถูหมั่นเถียนก่อนเป็นอย่างแรก

หัวหน้าโจรทั้งห้าแห่งเขตแดนหมอกโลหิตนั้นล้วนแล้วแต่ก่อเรื่องเลวร้ายมานานหลายปี พวกมันสมควรจะเก็บสะสมทรัพยากรไว้ไม่น้อย

เมื่อเฉินเฉียงเทของในแหวนทั้งหมดออกมาดี นี่ทำให้เขาดีใจจนตัวสั่นในทันที

แก่นคริสตัลมากมายหลายระดับ หากว่าเขาเปลี่ยนทั้งหมดเป็นพลังงานของระบบของเขาแล้วสมควรจะได้หนึ่งล้านเป็นอย่างน้อย

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรหายากหลายระดับ พร้อมทั้งอาวุธนับไม่ถ้วน มีแม้แต่ยาบ่มเพาะระดับต่ำ

เฉินเฉียงได้หยิบยาทะลวงจุดชีพจรขึ้นมาดู เป็นตอนนั้นที่เขาได้เห็นอะไรบางอย่างจนทำให้เขาเลิกสนใจยาในทันที

-อะไรล่ะเนี่ย-

เฉินเฉียงได้หยิบเส้นสีขาวน้ำนมขึ้นมาจากกองสมบัติมากมายเหล่านี้

เมื่อเขาเห็นเส้นนี้ มันดูราวกับหนวดที่มีสีขาว แต่เมื่อเขามองไปตรงที่ที่มันรัดพันอยู่ เขาก็แทบจะรู้สึกแหวะขึ้นมาในทันใด

-โจรพวกนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ-

พวกมันสกัดกระดูกนิ้วของผู้หญิงมาทำเป็นเส้นสายสีขาวน้ำนมนี้

หลังจากตรวจสอบไปได้เกือบครึ่งวัน เฉินเฉียงก็ได้ดูดซับแก่นคริสตัลจำนวนมากนี้ให้เป็นพลังงานของระบบ ก่อนที่จะจัดหมวดหมู่สิ่งของและเริ่มทำการนั่งสมาธิและบ่มเพาะ

ด้วยการที่เขานั้นได้เรียนรู้เคล็ดวิชาหลอมเลือดทำลายล้างไปจนถึงขั้นต้นแล้วทำให้การขัดเกลาจุดตันเถียนของเขาด้วยพลังสายเลือดนั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

ยิ่งผนวกเข้ากับไอพลังสายเลือดของห้องบ่มเพาะที่ห้านี้ทำให้เขาใช้เวลาเพียงแปดวันก็สามารถเติมเต็มจุดตันเถียนทั้งหมดของเขาด้วยพลังสายเลือดได้จนเต็ม

ในขณะเดียวกัน จุดชีพจรลับแรกของเขา ประตูแห่งความรุ่งโรจน์ในที่สุดก็เปิดออก และนี่ทำให้ตัวเขานั้นถือได้ว่าเป็นนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณอย่างเป็นทางการ

สองวันต่อมา จุดชีพจรลับประตูแห่งความรุ่งโรจน์ของเขานั้นก็ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ และนี่ทำให้เขานั้นเริ่มเปิดจุดต่อไปที่มีชื่อว่าฮั่วกุย(เสริมฐานราก)

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าจุดชีพจรที่สองของเขานี้ไม่ง่ายที่จะเปิดออก นี่ทำให้เฉินเฉียงเลิกที่จะบ่มเพาะต่อ

เขาหันกลับไปดูเม็ดยาเปิดจุดชีพจรที่วางอยู่กับพื้น ก่อนที่จะส่ายหัวไปมา และนำเตาปรุงยาออกมาแทน

ยาทะลวงจุดของโจรพวกนี้นั้นไม่เพียงจะคุณภาพแย่แล้วยังมีผลข้างเคียงอีกด้วย แน่นอนว่าของที่เขาปรุงขึ้นมาเองนั้นย่อมดีกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในตอนนี้เขามีสมุนไพรล้ำค่าจำนวนมากมายที่ได้มาจากแหวนของหัวหน้าโจรทั้งห้า นี่ทำให้เฉินเฉียงนั้นสามารถหาส่วนประกอบในการปรุงยาทะลวงจุดได้อย่างไม่ยากเย็น และด้วยเหตุนี้ เขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็ได้เม็ดยาทะลวงจุดชีพจรระดับสูงมาสองเม็ด

เขาหยิบเม็ดยาสีขาวน้ำนมนี้ใส่เข้าปากทั้งๆที่มันยังอุ่นๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้รวบรวมพลังสายเลือดเพื่อทะลวงจุดชีพจรฮัวกุ่ยนี่อีกครั้ง

ด้วยการที่เขานั้นเรียนรู้เคล็ดวิชาหลอมเลือดทำลายล้างอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเพียงเคล็ดวิชานี้จะมีอานุภาพเหนือล้ำกว่าการกินเม็ดยาเพื่อกระตุ้นพลังสายเลือดแบบนี้ แต่ตัววิชาที่ทรงพลังนี้เองก็มีผลข้างเคียงต่อการทำให้อวัยวะภายในของเขาให้บาดเจ็บอย่างหนักด้วยเช่นกัน

เฉินเฉียงในตอนนี้ยังคงอดทนต่อความเจ็บปวด และอัดพลังสายเลือดของตนกระแทกไปยังจุดฮัวกุ่ยอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุด วันที่สิบห้า เขาก็สามารถทะลวงผ่านจุดที่สองได้

หลังจากเขาเปิดจุดฮัวกุ่ยได้ พลังสายเลือดจำนวนมากจากจุดตันเถียนหลักของเขาก็ได้หลั่งไหลเข้าไปประดุจดั่งน้ำป่าที่ไหลหลาก

“เฉินเฉียง หมดเวลาแล้ว ออกมาสักที”

ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังเติมเต็มจุดตันเถียนลับของตันด้วยพลังสายเลือดอย่างบ้าคลั่งนั้น จางฉุนที่คอยคุมอยู่ข้างนอกได้ตะโกนเข้ามาก่อนที่จะตัดไอพลังงานสายเลือดที่อยู่ในห้องบ่มเพาะที่ห้าจนไร้ร่องรอยของพวกมัน

เมื่อเปิดประตูออกมา เฉินเฉียงได้พูดอ้อนวอนขอร้องเขาในทันที “อาจารย์จางครับ ข้าขออีกสิบนาทีได้รึเปล่า ทำไมอาจารย์ถึงตัดพลังเร็วนักล่ะ”

“เห้ยเห้ย เจ้านั้นกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในสำนักแล้วนะ ยังมีหน้ามาขอข้าต่ออีกสิบนาทีอีกรึ”

จางฉุนได้กัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มละพูดออกมา “เฉินเฉียง ทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันล่ะ ตราบใดที่เจ้านั้นยกแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชานั่นให้ข้า เข้าจะให้เจ้าอยู่บ่มเพาะที่ห้องนั้นหนึ่งเดือนเต็มๆเลย เจ้าคิดว่ายังไง”

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็ต้องก้าวถอยหลังในทันที

“สองเดือน”

จางฉุนได้ยกนึ้วขึ้นมาชูสองนิ้ว

“สองเดือนเลยนะ”

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้แสดงท่าทางเศร้าเสียใจอย่างหนัก ก่อนที่จะพูดออกมา “โถ่ว อาจารย์จาง ทำไมท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้”

“นั่นก็เพราะการที่จะใช้ห้องที่ห้านี้ได้สองเดือนนั้นมันเท่ากับว่าต้องใช้แต้มคะแนนถึงสามแสนแต้ม”

“แต่ข้าขายสิ่งนั้นให้อาจารย์ของข้าแลกกับแต้มคะแนนหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้มไปแล้วเนี่ยน่ะสิ ถ้ารู้อย่างนี้ข้าคงไม่รีบด่วนขายมันไป”

“อะไรนะ เจ้า เจ้า เจ้าขายมันให้กับอาจารย์ของเจ้าไปแล้วรึ”

เมื่อจางฉุนได้ยินดังนั้นก็อดที่จะกล่าวสบถสาปแช่งออกมาไม่ได้

“ไอ้ระยำฮู่ต้าไฮ่กล้าที่จะซื้อแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดระดับราชาด้วยแต้มคะแนนแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นเนี่ยนะ ไอ้นรกเอ้ย ถ้าเอามันไปขายในตลาดมืดมันมีค่าอย่างน้อยๆก็ล้านนึงเลยนะโว้ย”

“อย่างต่ำล้านนึงเลยเหรอ”

เฉินเฉียงตกตะลึง

เขานั้นรู้ว่าแก่นโลหิตนี้มีค่ามากแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีค่ามากมายขนาดนั้น

เมื่อเขารู้อย่างนี้แล้วแน่นอนว่าย่อมไม่ขายเพียงแลกกับการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาดูก็เห็นอาจารย์จางที่เชื่อว่าเขาขายแก่นโลหิตให้กับอาจารย์ของตนไปแล้ว และกลัวที่อาจารย์จางจะจับได้จึงรีบวิ่งออกมา

….

ที่ห้องทำงานของผอ. ผอ.เฉียนได้มองเจียงฮ่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและถามออกมา

“เป็นอะไรล่ะนั่น หรือว่าเจ้าเตรียมที่จะกลับบ้านเกิดแล้ว”

เฉินเฉียงในตอนนี้รู้สึกว่าหัวใจของเขานั้นหดเกร็งแน่นอย่างบอกไม่ถูก และก็เผลอคิดไปถึงเรื่องที่ฮู่ต้าไฮ่พูดกับเขาในห้องบ่มเพาะ

เป็นไปได้ไหมว่าผอ.ตั้งใจจะเอาข้อมูลของเขาไปปล่อยให้ผู้คนได้รับรู้กัน

“ไม่ครับ ผมแค่จะมาสอบถามผอ.เกี่ยวกับวันที่ที่แน่นอนที่จะมีการจัดการประลองสี่สำนักขึ้นมา เผื่อไว้ว่าจะติดภารกิจจนพลาดโอกาสพลาดชื่อเสียงให้สำนักไปครับ”

“ดูเหมือนเจ้าเองจะมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้เหมือนกันนะเนี่ย”

เมื่อพูดจบ ผอ.ได้นำกำไลสีเขียวมรกตออกมาและยื่นให้กับเฉินเฉียง

“กำไลสื่อสารที่เจ้าใส่อยู่นั้นจะใช้ไม่ได้เมื่อออกไปนอกสำนัก แต่กับกำไลวงนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็จะสามารถรับข้อความจากสำนักได้ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่อาจส่งข้อความได้ ส่วนการใช้งานอย่างอื่นนั้นเจ้าไปลองเล่นดูเอาเองก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับผอ.”

เฉินเฉียงรีบนำกำไลที่ได้มาใหม่ใส่บนแขนของตนในทันทีและเริ่มเล่นมันในทันใด

“ด้วยความยินดี กำไลนี้ปกติแล้วขายกันในสำนักอย่างน้อยๆก็อยู่ที่หนึ่งหมื่นแต้มคะแนน แต่เห็นแก่ที่จะมีความรับผิดชอบต่อสำนักเป็นอย่างดี เดี๋ยวข้าลดให้เลยครึ่งราคา”

“ฮะ”

เฉินเฉียงนิ่งอึ้งไป

ในตอนนี้แต้มคะแนนของเขาเหลืออยู่เพียงห้าพันห้าร้อยแต้มเท่านั้น ต่อให้เขาอยากซื้อกำไลนี้จริงก็ไม่มีแต้มคะแนนที่จะจ่ายได้อยู่ดี

แต่ว่ากำไลนี้เป็นประโยชน์กับเขามากจริงๆ เพราะตอนที่เขากดเล่นเมื่อครู่นี้เขาพบว่ามันมีฟังก์ชันการใช้งานสำคัญอย่างแผนที่อยู่ด้วย

เฉินเฉียงนั้นด้วยการที่ไม่อยากจะจ่ายแต้มคะแนนห้าพันนี้เลยจริงๆทำให้เขานั้นอดที่จะบ่นอุบออกมาไม่ได้ “ผอ. ท่านรู้แล้วใช่ไหมครับว่าตอนนี้ข้ามีแต้มคะแนนเหลืออยู่เพียงเท่าใด”

ผอ.แม้จะได้ยินแต่ก็ไม่ลังเลที่จะรับแต้มคะแนนมาจากเฉินเฉียง เขายังกล่าวสำทับออกมาอีกด้วยซ้ำ “เอ้อ เฉินเฉียงเอ้ย ไม่ว่าเจ้าจะกำลังติดภารกิจอะไรอยู่ก็ตาม แต่เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องกลับมาก่อนที่จะเริ่มการประลองสี่สำนัก เข้าใจไหม”

“…..อย่าได้กังวลไปครับ ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใดข้าก็จะรีบกลับมา”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท