บทที่ 126 ฝึกพิเศษ
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ตงเจี๋ยน ภารกิจที่ข้ามอบให้เจ้านั้นมีความสำคัญมาก ยิ่งเจ้ามีทักษะที่ทรงพลังมากเท่าไหร่เจ้าก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงอัตราความสำเร็จของภารกิจก็จะมากขึ้นด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพียงที่ข้านั้นเคยเห็นวิชาดาบนี้มาก่อนเพียงเท่านั้นทำให้ข้าพอที่จะชี้แนะเจ้าได้บ้าง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้นำดาบดั้นเมฆมาจากมือของเฉินเฉียง ก่อนที่จะลองชั่งน้ำหนักมันและมองหน้าเฉินเฉียงพลางส่ายหน้าไปมา และเขาก็ได้พูดออกมา “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าว่าเจ้าสมควรจะไปฝึกในห้องฝึกฝนเพื่อเข้ารับการฝึกก่อน หลังจากผ่านไปสองเดือน เจ้าค่อยมารับดาบเล่มนี้ไป”
“เรื่องนี้….”
ดาบดั้นเมฆนี้เป็นของขวัญที่เขาได้รับมาจากซุนต้าฮู่ มันมีความสำคัญกับเฉินเฉียงมากจนเขานั้นไม่อยากจะปล่อยให้มันไปอยู่ในมือคนอื่น
แต่ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้พูดอะไรออกมา ราชาสวรรค์ได้พูดออกมาโดยไม่ปล่อยให้เฉินเฉียงได้ออกความเห็น “องครักษ์หยาน นำตงเจี๋ยนไปฝึกพิเศษ”
หลังจากที่ราชาสวรรค์พูดออกไปด้วยเสียงอันดังลั่น ผู้หญิงที่ดูทะมัดทะแมงคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวก่อนที่จะนำกึ่งลากเฉินเฉียงออกไป
เมื่อนึกถึงว่าราชาสวรรค์นั้นไม่สงสัยในตัวเขา และก็ไม่ได้มีท่าทีละโมบโลภมากแต่อย่างใดแล้ว นี่จึงทำให้เฉินเฉียงค่อนข้างจะนอนใจได้ว่าแก่นโลหิตสัตว์ประหลาดอสูรระดับราชานั้นจะปลอดภัย
เขานั้นคงทำได้เพียงแค่หวังว่าราชาสวรรค์จะรักษาสัญญาที่ให้เขาไว้และมอบดาบดั้นเมฆคืนกลับมาให้เขาในอีกสองเดือนให้หลัง ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงจะไม่อาจจะรักษาของดูต่างหน้าชิ้นนี้ไว้ได้
“พี่สาวหยาน พวกเรา…”
“เรียกข้าว่านายท่านหยาน” องครักษ์หยานได้หยุดเท้าลงและหันมองจ้องมองเฉินเฉียงอย่างตาเขม็ง
“ได้ครับ นายท่านหยาน อะไรคือการฝึกพิเศษ แล้วพวกเราจะไปไหนกัน”
“นี่เจ้าจะถามมากไปทำไม ไม่ว่าราชาสวรรค์อยากจะให้เจ้าทำอะไรเจ้าแค่ทำตามแค่นั้นก็พอแล้ว ส่วนไปที่นั่นแล้วจะทำอะไรบ้างนั้น อย่าได้ถามให้มากความ”
องครักษ์หยานตอบเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่เธอจะพาเขาลงไปยังทางลับใต้ดิน
ทางเดินนี้ถอดยาวอย่างไม่เห็นปลายทาง ด้วยแสงที่รำไรนี้ เมื่อทั้งสองเดินลงไปแล้วทำให้ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าเพียงเท่านั้น นี่ทำให้บังเกิดบรรยากาศที่น่าขนลุก
“ท่าน ท่านหยาน ข้ากลัว”
เฉินเฉียงได้แกล้งทำเป็นกลัวและเกาะไปที่แขนขององครักษ์หยานในทันที แต่ดูเหมือนองครักษ์หยานจะเกลียดเฉินเฉียงตั้งแต่แรกเห็นอยู่มากพอสมควร เธอได้เตะสีข้างเขาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเจ้ายังกล้าที่จะแตะต้องข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้ ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมนายท่านราชาสวรรค์ถึงได้เลือกคนขี้ขลาดอย่างเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจนี้”
ภายใต้แสงไฟที่มีดสลัวนี้ทำให้น้ำเสียงขององครักษ์หยานที่พูดออกมานั้นฟังดูแล้วเย็นยะเยียบยิ่งกว่าเดิม
องครักษ์หยานที่อยู่ต่อหน้าเฉินเฉียงนั้นอยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูง
แม้ว่าเฉินเฉียงจะไม่อาจดูดซับพลังต่างๆจากราชาสวรรค์ได้ เฉินเฉียงจึงเปลี่ยนแผนคิดจะยอมถอยหนึ่งก้าวและเลือกที่จะดูดซับพลังจากองครักษ์หยานแทน นึกไม่ถึงว่าทั่วทั้งร่างเธอนั้นจะระวังเนื้อระวังตัวขนาดนี้ ไม่เพียงที่จะดุดัน เธอดูเหมือนจะดุร้ายไม่น้อยเลยทีเดียว
หากว่าเฉินเฉียงนั้นยังคิดที่จะเข้าใกล้แบบเมื่อครู่ เขาสมควรจะตกตายในมือผู้หญิงกลายพันธุ์คนนี้ในทันที
ไม่นาน ภายใต้การนำขององครักษ์หยาน เฉินเฉียงก็ได้ไปถึงพื้นที่โล่งกว้างของชั้นใต้ดิน ข้างในนี้มีมนุษย์กลายพันธุ์นับสิบที่กำลังถูกอบรมอยู่
“หัวหน้ากง นี่คือตงเจี๋ยน ท่านราชาสวรรค์ได้สั่งมาว่าให้ท่านอบรมเขาให้เสร็จสิ้นภายในสองเดือน ก่อนที่เขาจะถูกส่งเข้าไปแทรกซึมกับพวกศัตรู”
หลังจากสิ้นคำพูดขององครักษ์หยาน ชายสวมแว่นวัยกลางคนได้เดินออกมาจากด้านข้าง หลังจากมองเฉินเฉียงตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เขาก็ได้พูดออกมา “โปรดวางใจได้นายท่านหยาน ข้า กงเหลียง จะฝึกตงเจี๋ยนเป็นอย่างดี”
หลังจากได้ยิน องครักษ์หยานก็ได้เดินจากไป
“ตงเจี๋ยน ส่งข้อมูลของเจ้ามา” หัวหน้าศูนย์ฝึกพิเศษหรือก็คือกงเหลียงผู้นี้ดูกระตือรือร้นในทันทีที่ได้รับคำสั่งและขอข้อมูลของเฉินเฉียงเสียเดี๋ยวนั้น
“โอ้…” เฉินเฉียงรีบส่งข้อมูลของตงเจี๋ยนในมือในทันที
“แล้วข้อมูลของเจ้าล่ะ” กงเหลียงยืนมือออกมาอีกครั้ง
“ห้ะ ข้อ…ข้อมูลของข้า….เหรอ”
“อ้าว ก็ที่จะให้ข้ามามันมีแต่ข้อมูลของเป้าหมายไม่ใช่เหรอ ถ้าข้าไม่มีข้อมูลของเจ้าแล้วข้าจะฝึกเจ้าให้กลายเป็นมนุษย์ที่เจ้าจะสวมรอยได้ยังไงกัน ”
หลังจากพูดจบ กงเหลียงได้มองไปยังข้อมูลในมี ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “ตงเจี๋ยน นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางพลังสายเลือดโลหะแห่งสำนักมังกรอาชูร่าแผนกมังกรทองคำ เปิดจุดชีพจรลับได้เจ็ดจุด มีทักษะดาบตัดอากาศขั้นต้น”
หลังจากพูดจบ กงเหลียงก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่เฉินเฉียง “ตงเจี๋ยน ใช้ทักษะดาบตัดอากาศเดี๋ยวนี้”
ในเมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็ได้นำดาบหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของก่อนที่จะทำการร่ายรำดาบตัดอากาศ
ดาบตัดอากาศนี้เขานั้นได้รับมาจากการดูดซับพลังจากจ้าวฮั่น แถมทักษะที่เขาได้รับมานั้นก็อยู่ในระดับขั้นต้นเช่นเดียวกัน แต่นึกไม่ถึงว่า ในระหว่างที่เขากำลังร่ายรำ ด้วยการที่พลังงานที่เคลือบดาบของเขานั้นไม่มีสี จึงทำให้คนที่เห็นนั้นอดที่จะแปลกตาไม่ได้
“หยุด”
กงเหลียงได้ขมวดคิ้วนั่นก่อนที่จะสั่งให้เฉินเฉียงหยุดมือ “พลังสายเลือดอะไรกันเนี่ย ข้อมูลนั้นบ่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้มีสายเลือดโลหะ ด้วยระดับทักษะและระดับการบ่มเพาะของเจ้านั้นไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ไอ้พลังสายเลือดที่ไม่มีสีของเจ้าเนี่ยสิที่เป็นปัญหา หากว่ามีใครที่คุ้นเคยกับมนุษย์คนนี้ พวกเขาต้องรู้ในทันทีว่าเจ้านั้นแฝงตัวเข้าไป”
“ใช้แล้วครับท่านหัวหน้ากง ข้าเองก็ไม่คิดว่าค่าจะเหมาะสมกับภารกิจแทรกซึมนี้ ทำไมท่านไม่ไปรายงานให้ท่านราชาสวรรค์ได้รับรู้แล้วหาคนอื่นไปจะเหมาะสมกว่า”
เฉินเฉียงเองต้องการใช้โอกาสนี้ในการบอกปัดภารกิจที่ส่งผลร้ายต่อมนุษยชาติ
“ฮี่ฮี่ฮี่ ตงเจี๋ยนเอ๋ยตงเจี๋ยน นี่เจ้าคิดว่ากับเรื่องแค่นี้ข้าจะทำอะไรไม่ได้รึไงกัน”
“อย่าได้เป็นกังวลไป เจ้าก็อบรมอยู่ที่นี่แหละ ข้าสัญญาได้เลยว่าในสองเดือนนี้ข้าจะทำให้สายเลือดของเจ้านั้นกลายเป็นสีเงินเรืองรอง”
-นี่หัวหน้ากงคนนี้เป็นตัวทึ่มกะทือรึไงกัน ไม่ใช่ว่าสีของพลังสายเลือดนั้นขึ้นอยู่สายเลือดที่มีหรอกเหรอ แล้วมันจะเปลี่ยนได้ตามใจนึกได้ยังไงกัน-
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้รีบถามออกไป เพราะเขากลัวว่าเขานั้นจะโดนสงสัยหากว่าถามมากไป
“แต่หัวหน้ากง จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าตงเจี๋ยนนั้นเปิดจุดชีพจรลับได้เจ็ดจุดแล้ว แต่ตัวข้าเพิ่งจะเปิดได้เพียงสาม เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็ต้องถูกพบตัวอยู่ดี”
“อ้อ” สายตาของกงเหลียงราวกับเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะเดินมองเฉินเฉียงตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบตัวถึงสองรอบ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าเจ้านั้นจะเป็นผู้ที่ฝังแผ่นแห่งชีวิตนะเนี่ย ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่ท่านราชาสวรรค์มอบภารกิจนี้ให้เจ้า”
“แต่อย่าได้เป็นกังวลไป มันก็เป็นเพียงแค่การเปิดจุดชีพจรลับสี่จุดในสองเดือนเพียงเท่านั้น”
“ในเรื่องนี้ ตราบใดที่เจ้าได้รับพลังงานจากแผ่นแก่นพลังงาน ต่อให้เจ้าอยากจะเปิดจุดชีพจรลับเพิ่มกว่าที่บันทึกไว้อีกสักสองจุดก็ไม่ใช่ปัญหา”
-แผ่นแก่นพลังงาน….งั้นเหรอ-
-อะไรล่ะฟะนั่น-
-มันคล้ายกับแผ่นพลังงานรึเปล่า-
-หรือว่ามันตั้งฝังในสมองเหมือนกับแผ่นพลังงานนั่น-
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงตื่นตระหนกในทันที
หากเป็นอย่างนั้นจริง เขาเองสมควรที่จะต้องถูกเผยตัวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาได้นึกถึงตอนที่จางหยวนนำแผ่นพลังงานออกจากหัวของเจิ้งตี้แล้ว เพียงแค่เขานึกถึง ขนของเขาอยากจะลุกเสียตรงนี้
ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังหลอนไปเองอยู่คนเดียวนี้ เขาก็ได้เห็นแผ่นอะไรบางอย่างที่เป็นรูปดาวสิบแผ่นปรากฏขึ้นมาในมือของกงเหลียง
“นี่คือแผ่นแก่นพลังงานระดับสูง ตราบใดที่เจ้าดูดซับมันได้หมดในสองเดือนนี้ ข้ารับรองได้เลยว่าตัวเจ้าต้องเปิดจุดชีพจรลับอย่างน้อยๆก็ห้าจุดอย่างแน่นอน”
เฉินเฉียงได้ค่อยๆหยิบแผ่นดาวสิบแฉกนี้ขึ้นมาก่อนที่จะถามออกไป “หัวหน้ากง สิ่งนี้ดีกว่าแก่นคริสตัลเช่นนั้นหรือ”
“แก่นคริสตัล….. ว้ะฮ่าฮ่าฮ่า” กงเหลียงหัวเราะอย่างดังลั่น “มีเพียงแต่ไอ้พวกโง่เง่าจากเผ่ามนุษย์เท่านั้นที่ใช้วิธีล้าสมัยแบบนั้นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง”
“ตงเจี๋ยนเอ๋ย ให้ข้าบอกเจ้า แก่นพลังงานคริสตัลนี่หลอมสร้างมาจากแก่นคริสตัลนายพลวิญญาณขั้นสูงจำนวนมากจนมีระดับเทียบเท่ากับแก่นโลหิตของสัตว์ประหลาดระดับราชา”
“เพียงแค่นี้เจ้าก็คงพอจะนึกออกได้ว่าพลังงานที่อยู่ในแผ่นแก่นคริสตัลนี้มันมากมายขนาดไหน”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เฉินเฉียงก็ได้เก็บแผ่นแก่นพลังงานนี้ไว้แต่โดยดี
ตราบใดที่ไม่จำเป็นต้องเปิดหัวกะโหลกของเขา เขาก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
“ตงเจี๋ยน นั่งลงก่อน ข้าจะบอกสิ่งสำคัญเกี่ยวกับภารกิจของเจ้าตั้งแต่เริ่มต้นเลยแล้วกัน”