บทที่ 260 เพิ่มพลังพัดวิเศษ
บทที่ 260 เพิ่มพลังพัดวิเศษ
ฟังที่ฉู่เหินพูดอย่างไรก็เหมือนเขาอยากสู้แลกตายกันไปเลยโจวหู่ก็เลยจะเข้าไปช่วยสู้ แต่หลังจากมองสายตาของเสี่ยวชิง เขาก็เหมือนจะเข้าใจบ้างอย่างขึ้นมาบ้าง โจวหู่เป็นคนฉลาดเขาเลยไม่ถามอะไรมาก
“หนุ่มน้อย หรือแกคิดว่าวรยุทธของพวกแกไม่กี่คนจะสามารถต่อกรกับฉันได้ถึงไม่หยุดพูดล้อเล่น ต่อให้พวกแกเลื่อนระดับได้อีก 1 ขั้นก็ไม่ใช่คู่มือฉันหรอก รู้จักวางตัวให้มันดี ๆ หน่อยเพราะฉันไม่รับปากหรอกนะว่าจะไว้ชีวิตพวกแก พวกแกเตรียมตัวตายได้เลย !!”
ฉู่เหินปรายตามองเม่ยชิง จนคิ้วกระตุกแต่กลับมาวางท่าสบาย ๆ เหมือนเดิม
“ยายแก่ ถ้าฉันเดาไม่ผิดตอนนี้แกกำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่ละสิ ไม่เช่นนั้นแกจะสะพร่าพูดกับพวกฉันตั้งนานอย่างนี้ได้ยังไง คิดไม่ถึงว่าฟ้าจะมีตา ตอนนี้แกบาดเจ็บอยู่จะเอาอะไรมาเป็นคู่มือพวกเรากันล่ะ”
ถ้าเป็นตอนที่อีกแข็งแกร่งเต็มที่ ฉู่เหินคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้แน่ๆ แต่ถ้าตอนนี้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสก็เป็นอีกเรื่อง ถ้ารวมมือกัน 4 คนต้องสู้อีกฝ่ายได้แน่ ๆ ถึงแม้จะไม่ชนะ แต่น่าจะสามารถสร้างบาดแผลให้เธอได้แน่นอน
ตอนนี้พลังของเขาทะลวงขึ้นมาอีกขั้นแล้ว อีกทั้งพลังดวงดาวยังถูกเติมจนเต็มแล้วด้วย ฉู่เหินคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะช่วยปลดปล่อยพลังดวงดาวภายในร่างกายของตัวเองให้หมด ไม่งั้นเขาต้องอยู่ในร่างกายใหญ่โตนี้ไปตลอดแน่ มันดูน่าเกลียดสุด ๆ
จากนั้นฉู่เหินก็โบกมือนำพัดวิเศษที่เขาไม่ได้ใช้นานออกมา พัดวิเศษด้ามนี้ตอนนี้มันได้กลายเป็นอาวุธวิเศษระดับหกแล้ว ความสามารถของพัดวิเศษจริง ๆ แล้วไม่มากนัก แต่ว่าถ้าทิ้งไปก็น่าเสียดาย
ทุกครั้งที่ใช้พัดวิเศษพลังดวงดาวก็จะถูกดูดหายไปจนหมด ยิ่งพลังดวงดาวมากเท่าไร พลังของพัดวิเศษก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าเป็นตอนปกติละก็พัดของเขาคงไม่แข็งแกร่งเท่าไร
แต่ตอนนี้พลังดวงดาวของเขาเยอะจนล้น เพราะเขาอยากระบายพลังออกมาดังนั้นการเลือดพัดวิเศษนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะระบายพลังดวงดาวอันบ้าคลั่งในร่างกายให้ออกไปซะ!
เมื่อได้รับพลังดวงดาวอันมหาศาลพัดวิเศษก็ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมองด้วยสายตามันใหญ่โตประมาณ 3-4 เมตรเลยทีเดียว
ไม่หยุดแค่นั้นพัดวิเศษยังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน ตอนที่แสงสีเงินปรากฏฉู่เหินและพวกก็หลบเข้าไปในเกราะป้องกันทันที
ทันที่เม่ยชิงเห็นฉู่เหินเอาพัดออกมาเธอก็รู้สึกถึงอันตราย เธอยังไม่ทันโต้ตอบมันก็ขยายใหญ่จนสูงราว ๆ 3-4 เมตรทั้งหมดนี้รวดเร็วและเป็นธรรมชาติยิ่ง
ไม่ดีแล้ว เม่ยชิงแอบพูดออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะนำเข็มเงินออกมาเธอคิดว่า เกราะป้องกันเล็ก ๆ นั่นโจมตีครั้งเดียวก็แตกแล้ว แต่เธอคิดผิดทันทีที่เข็มเงินปะทะกับเกราะป้องกัน ก็เกิดเป็นเสียงดัง
“เคร้ง!”
เธอตาค้างอย่างไม่อย่างจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เธอพบว่าเกราะป้องกันของอีกฝ่ายแค่สั่นไหวเล็กน้อยเสมือนว่าไม่ได้ผลกระทบใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เข็มเงินที่เพิ่งซัดออกไปเมื่อร่วงกราวลงกับพื้น เธอรู้สึกเหมือนเห็นผีก็ไม่ปาน แม้จะเห็นอาวุธระดับสูงขั้นเดียวกัน ก็ไม่น่าจะมีเป็นแบบนี้ได้
ขณะที่กำลังตะลึง เธอก็เริ่มคิดแผนอื่นไปด้วย ทันใดนั้นในมือของเธอก็ปรากฏแส้เหล็กยาว เมื่อสะบัดแส้ก็จะมีประกายไฟออกมา
จากนั้นเธอก็สะบัดแส้ออกไป แส้เหล็กที่รวมกับพลังมหาศาลของเธอ ฟาดไปที่เกราะป้องกันอย่างโหดเหี้ยม จนเกิดเสียงดังสนั่นแม้แต่ก้อนหินเองก็ยังสั่นสะเทือนตามแรงฟาด
การสะบัดแส้ครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกมีความหวังยิ่ง เพราะเธอเห็นมันสั่นไหวอย่างแรง ! เธอจึงไม่มีความลังเลใจฟาดแส้ออกไปไม่หยุดหยั่ง เกราะป้องกันสั่นไหวอย่างรุนแรงทุกครั้งที่แส้ฟาดลงมา แต่ทว่าเกราะป้องกันก็ไม่แตกลงซะที
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเธอกำลังถูกภาพมายาหลอกลวงอยู่ ยิ่งเพิ่มแรงของตัวเองลงไปเท่าไร ก็เหมือนยิ่งทำลายเกราะป้องกันไปได้มากเท่านั้น แต่เธอจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าทุกอย่างนี้เกิดจากฉู่เหินควบคุมทั้งหมดเอง เพราะ
ฉู่เหินกลัวว่าอีกฝ่ายพอเห็นว่าเกราะป้องกันแข็งแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้จะหนีไปซะก่อน เขาจึงสร้างภาพมายานี้ขึ้นมา
ทุกครั้งที่สะบัดแส้เม่ยชิงก็มีความหวังขึ้นมา แต่สุดท้ายความหวังก็ถูกทำลายลงไป ทว่าว่าเธอก็ยังเชื่อว่าตัวเองแค่ฟาดแส้ลงไปอีกครั้งมันจะต้องสำเร็จแน่ ๆ
พวกเสี่ยวชิงที่รออยู่บนตัวราชาฉลามพิษตื่นเต้นจนใจสั่น พวกเธอคิดไม่ว่าเกราะป้องกันของฉู่เหินจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ถ้าใช้เกราะป้องกันนี้คงไม่มีใครต่อกรเขาได้อย่างแน่นอน ทว่าพวกเขารู้ดีว่าเกราะป้องกันของฉู่เหินต้องเกิดจากพลังดวงดาวในร่างของเขาอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันฉู่เหินก็ไม่ได้สนใจว่าภายนอกจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเขากำลังทำการโคจรพลังดวงดาวที่บ้าคลั่งในร่างส่งไปยังพัดวิเศษ ตัดสินแพ้ชนะมันเริ่มจากตรงนี้แหละ ถ้าการโจมตีนี้ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดแผลสาหัสได้งั้นคนที่โชคร้ายก็คือพวกเขาแล้วละ
หลังจากพลังดวงดาวถูกถ่ายเทเข้าไปในพัดวิเศษอย่างไม่หยุดยั้ง พัดวิเศษก็เปล่งแสงคล้ายกระแสสายฟ้าออกมา ฉู่เหินรู้สึกว่าหลังจากเกิดสายฟ้าเหล่านี้แล้วทั่วร่างของเขาก็เหมือนจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
ตอนนี้เขาแอบขอบคุณความโชคดีที่ทำให้เขาไปเจอของแปลกในถ้ำนั่น ไม่งั้นถ้าต้องสู้กับยายแก่นี้ เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่
อีกทั้งแม้ว่าพัดวิเศษไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้ พลังดวงดาวเท่าไรก็มันสามารถกักเก็บไว้ได้ หลังเขาส่งพลังดวงดาวออกไปไม่หยุด เขาก็รู้สึกได้ว่า การดูดซับพลังของพัดวิเศษนั้นก็มีลิมิตของมัน เขารับรู้ได้จากสายสัมพันธ์ของเขากับอาวุธ
พัดวิเศษถึงจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นได้ แต่ตอนนี้ระดับพลังของเขาก็แค่ระดับเต๋าขั้นกลาง เมื่อเป็นเช่นนี้พัดวิเศษจึงแสดงความสามารถได้อย่างมี ขีดจำกัด ทว่าแค่นี้พัดมันก็แข็งแกร่งกว่าตอนนี้เขาใช้งานปกติ 3 เท่าแล้วแค่นี้ก็ไม่เลวเลย
แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าพลังเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านี้จะพอทำให้ยายแก่นี้บาดเจ็บได้หรือไม่ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายายแก่คนนี้นั่นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง อยากจะหนีตอนนี้ก็ไม่มีทางให้หนีแล้ว เหลือทางเดียวคือใช้พลังทั้งหมดลองสู้ดูสักตั้ง
พวกต้าเอ้อตุนก็เหมือนจะเข้าใจความกลัดกลุ้มของฉู่เหิน พวกเขาเองก็ได้เตรียมพร้อมโจมตีเอาไว้ทุกเมื่อเช่นกัน ถ้าการโจมตีของฉู่เหินคนเดียวเอาไม่อยู่ละก็ พวกเขาจะเป็นไพ่ตายให้เองแม้จะคิดแบบนี้แต่พวกต้าเอ้อตุนเองไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก
ถ้าเป็นตอนที่พวกเขาสมบูรณ์พร้อม ยายแก่คนนี้ไม่มีทางอยู่ในสายตาพวกเขาเลย ทว่าตอนนี้พวกเขาฟื้นฟูพลังกลับมาแค่ 2 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ไม่รู้ว่าพลังเพียงเท่านี้จะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้หรือไม่
ขณะที่ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ในที่สุดฉู่เหินก็สามารถถ่ายเทพลังได้สำเร็จ หลังจากทำสำเร็จแล้วฉู่เหินก็ไม่ลังเล สะบัดพัดขนาดใหญ่สุดแรงจนเกิดเป็นเสียงดังกึกก้อง แน่นอนว่าพลังของพัดวิเศษมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทันทีที่พัดวิเศษถูกโบกสะบัด สัญชาตญาณของเม่ยชิงก็ร้องเตือนถึงภัยอันตราย เธอไม่รอช้าหลังจากฉู่เหินสะบัดพัด เธอก็รีบหนีออกไปไกลซึ่งถ้าเธอเลือกหนีแต่แรก ฉู่เหินก็คงหมดทางที่จะทำอะไรเธอได้ แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว
สายฟ้าลอยคว้างเต็มท้องฟ้าเป็นเส้น ๆ คล้ายงูขนาดใหญ่ ฟาดลงมายังเม่ยชิงอย่างโหดเหี้ยมไม่หยุดหยั่ง