บทที่ 273 เจอภารกิจยากอีกแล้ว
บทที่ 273 เจอภารกิจยากอีกแล้ว
โรงงานอาหารต่างก็ได้รับการยอมรับจากทั่วสารทิศและยอดขายรายวันก็ค่อนข้างสูงมาก ในโลกนี้น่ากลัวว่าจะมีแค่โรงงานอาหารของฉู่เหินเท่านั้น ที่ทั่วทั้งโรงงานมีเพียงฝ่ายผลิตและฝ่ายขนส่งเท่านั้น ไม่มีฝ่ายการตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ถึงกระนั้นยอดขายของพวกเขาก็สูงที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมการอาหารทั้งหลาย นอกจากนี้ทุกคนที่ซื้อต่างก็ได้แต่ของแท้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับการปลอมแปลมทั้งสิ้น อาจกล่าวได้เลยว่าลูกค้าต่างมั่นใจในคุณภาพสินค้าที่ได้รับ
หลังจากที่โรงงานอาหารกำลังจะไปได้สวยก็มีข่าวดีจากซวี่เหลียง อัญมณีขัดเงาชุดแรกได้วางขายบนตลาดแล้ว ซึ่งผลตอบรับนั้นก็ดีจนน่าตกใจเครื่องประดับชนิดนี้ไม่ใช่ทองหรือเงิน แต่มันมีค่ามากกว่านั้น
หลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไปได้ไม่นานนัก ผู้สั่งซื้อเยอะสุดกลับไม่ใช่เด็กสาว แต่กลับเป็นนักสะสมต่างหาก พวกเขาต่างก็คิดว่าการเปิดตัวสินค้าครั้งแรกจะต้องกลายเป็นของหายาก และในนอนาคตราคาก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นอีกมากแน่ ๆ พวกเขาเลยรีบซื้อเก็บเอาไว้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพในวงการ ทำให้หลายคนเกิดความรู้ว่ากระดูกสัตว์เหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย มันมีเอกลักษณ์ที่ความแข็งแรงทนทานเมื่อรวมกับความงามของเครื่องประดับที่ขัดเกลามาแล้ว ทำให้ทันทีที่เครื่องประดับนี้ขายสู่ท้องตลาด ทำให้ผู้คนต่างก็รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
เดิมทีฉู่เหินไม่ได้สนใจของพวกนั้นเท่าไร เขารู้ว่าคนเก่ง ๆ อย่างซวี่เหลียงจำเป็นที่จะต้องมีที่ ๆ แสดงศักยภาพ หลังจากคิดดูแล้วเขาเลยตัดสินใจยอมปันผลประโยชน์ 50% ให้แก่ซวี่เหลียง
แต่ซวี่เหลียงกลับเลือกรับเพียงแค่ 10% เท่านั้น หากว่ากันตามจริงแล้ว 10% ก็ถือว่ามูลค่าสูงมากทีเดียวมันเทียบได้กับเงิน 8 หลักเลยล่ะแต่ไม่ใช่ตอนนี้เพราะพึ่งขายแค่ล็อตแรก
เงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขในความคิดฉู่เหินเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย แต่ที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกดีใจในวันนี้ก็คือ ในที่สุดหวงม่านอิ่งและโป๋อีกู่ก็มารวมตัวกันได้ในวันนี้เสียที การเดินคู่กันของพวกเขาทำเอาคนอื่นต้องอิจฉา
และเด็กฝึกงานที่แสนโง่งมของเขาตอนนี้ก็มักจะไปหาฉางเย่บ่อย ๆ การที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนั้นมันก็ดีเพราะว่าเยวี่ยเจิ้งตั่งเองก็ชอบพูดชอบจาอยู่แล้ว อาจจะเข้ากันได้ดีก็ได้
ตงโกวจีหยางเองก็กลายเป็นลูกศิษย์คนเล็กของฉู่เหินอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน เด็กน้อยพอคิดได้ว่าตัวเองเป็นศิษย์น้องของฉู่เหิน เขาก็เรียกอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่ใหญ่ทันที แต่ไม่ว่าเขาจะเรียกว่าอะไร ฉู่เหินก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร
การเป็นพี่ใหญ่ก็ไม่ได้ผิดอะไรด้วย อีกทั้งการที่มีน้องชายสัก 2-3 คนก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีมาก
มาที่ทาง เจียงฉงยิงและเจียงฉงเซี๋ย 2 คนนี้ ฉู่เหินได้สอนวรยุทธให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนนี้มีความสามารถในการฝึกฝนที่รวดเร็วมาก แต่เทียบกับการฝึกฝนของพี่หวงและพี่สะใภ้แล้วถือว่าเร็วกว่ามากทีเดียว
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกสบายใจก็คือหลังจากพี่ชายของเขาได้นั่งเก้าอี้ทุกวันแถมยังกินปลาเกล็ดขาวและข้าววิญญาณทุกวัน ทำให้ตอนนี้ขาของเขาเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้ว แม้เขาจะยังยืนไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเดินบนไม้ค้ำได้แล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วสำหรับฉู่เหิน
ฉู่เหินไม่นานก็ได้ขับเรือประมงของเขาออกไปที่ทะเลอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ทำภารกิจของระบบเชื่อมโลกา เขาแค่อยากจะเห็นว่าตอนนี้ทะเลเป็นยังไงบ้าง
ฉู่เหินหวนนึกไปถึงตอนที่ได้ แหมาแบบงงๆ แหแสงม่วงหยินเหล๋ยนี้สุดยอดมาก มันทำให้ฉู่เหินรู้สึกเหมือนกับชิ้นพายตกลงมาจากท้องฟ้า และลงบนหัวของเขาพอดี แม้ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
ในตอนนี้ในใจของเขารู้สึกสงสัยและหวาดกลัวราง ๆ เขารู้สึกว่าระบบเชื่อมโลกานี้มีอันตราย ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้เขาเองก็ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็อดคิดไม่ได้เช่นกัน
ตอนนี้ชีวิตของเขากับระบบเชื่อมโลกาเชื่อมโยงกัน หากเขาอยากปลดมันออกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัวเขาตาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลดมันออก ในเวลาเดียวกันฉู่เหินเองก็รู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาพลางคิดว่าสักวันต้องมีภัยครั้งใหญ่เกิดขึ้นเพราะระบบแน่ ๆ
ด้วยความมั่งคั่งในปัจจุบันทำให้เขาไม่จำเป็นต้องออกทะเลเลย แถมเขายังได้รับสมบัติผ่านทางระบบเชื่อมโลกาเหมือนเดิม ทำให้เขาไม่ต้องออกมาทอดแหหรือทำอะไรเสี่ยง ๆ อีกแล้ว แต่ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวคอยบอกเขา ว่าถ้าเขายังคงไม่เปิดระบบแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ล่ะก็ซักวันนึงเขาจะต้องเสียใจ
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าและแล่นเรือออกไปในมหาสมุทร
เดิมทีฉู่เหินวางแผนที่จะนำเสี่ยวชิงมากับเขาด้วย แต่เมื่อเขาตื่นขึ้น หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นระรัว นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่พาเสี่ยวชิงมาด้วย
เรื่องนี้พวกต้าเอ้อตุนไม่รู้เพราะเรื่องระบบยิ่งมีคนรู้น้อยยิ่งดี เขานั่งเรือไปอย่างโดดเดี่ยวในทะเลก่อนที่จะถึงจุดตกปลาของเขา
เขาเหลือบมองเวลา ก่อนที่จะหยิบแหแสงม่วงหยินเหล๋ยของเขาออกมาถือไว้ในมือ ในจังหวะที่มันถูกเหวี่ยงออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของฉู่เหิน
“ขอแสดงความยินดีกับผู้ถือครองฉู่เหิน! มีภารกิจสุดหินสำหรับวันนี้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะทำมันหรือไม่?”
หลังจากได้ยินเสียงเสียงของระบบ ฉู่เหินก็ไม่ได้คิดอะไรพร้อมตกลงไปอย่างรวดเร็ว ภารกิจที่ผ่าน ๆ มาทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อย แต่เขาก็ผ่านมันมาได้ เพราะงั้นตอนนี้เขาเริ่มชินกับมันแล้ว และถ้าผ่านมาได้ก็ถือว่าโชคดีมาก
…
อาณาจักรต้าเซียอันยิ่งใหญ่ในเวลานี้ การแข่งขันร่างแบบประจำปีครั้งที่ 10 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
การร่างแบบในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการโชว์ออฟให้สาว ๆ เห็น แต่มันสำหรับนักออกแบบเครื่องแต่งกาย อาณาจักรต้าเซียถือว่าเป็นอาณาจักรที่มีความแปลกใหม่มาก! พวกเขาต่างจากอาณาจักรอื่น ๆ เพราะนอกจากพวกเขาจะฝึกฝนวรยุทธ พวกเขายังให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพวกเขามาก ทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นที่นิยมในอาณาจักรต้าเซียแม้แต่อาณาจักรอื่น ๆ ยังให้การยอมรับในเรื่องนี้
เนื่องจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามีความนิยมเป็นพิเศษ นักออกแบบเสื้อผ้าสตรีนับไม่ถ้วนจึงได้ถือกำเนิดขึ้น และที่นี่ทุก ๆ 10 ปีนักออกแบบทุกคนจะเริ่มแข่งขันกัน
สุดท้ายนักออกแบบแฟชั่นชั้นนำ 100 คนจะได้รับเลือกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแต่งกายแห่งอาณาจักรต้าเซีย
ผู้เชี่ยวชาญอาภรณ์ ถือเป็นตำแหน่งอันสูงส่งในอาณาจักรต้าเซีย แม้แต่กษัตริย์ที่มาเข้าพบก็ยังต้องถ่อมตน บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมที่ต้าเซียถึงได้มีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่าที่อื่นในโลก
หลังจากผ่านงานประลองไป ผู้เชี่ยวชาญอาภรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ที่ได้อันดับหนึ่งตามปกติแล้วจะถูกพาตัวไปยังอาณาจักรอื่น ๆ ส่วนที่เหลืออีกไม่กี่คนก็จะได้เข้าร่วมกับอาณาจักรต้าเซียในฐานะของข้าราชการและกลายเป็นอุปราชของอาณาจักร บอกได้เลยว่าเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นมาก
หากไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา นักออกแบบทั้งหลายคงไม่มีบทบาทที่ยอดเยี่ยมในสังคมที่ให้ความเคารพต่อวิชายุทธ์แบบนี้ ด้วยวิธีนี้ทำให้ทุก 10 ปีจึงมีการเกณฑ์นักออกแบบจำนวนมากเข้ามาที่ต้าเซีย ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวาที่สุด
ไม่ใช่แค่คนในอาณาจักรต้าเซียที่เข้าร่วมงานนี้ แต่เป็นผู้คนจากทุกอาณาจักรที่มาจากทั่วสารทิศเพื่องานนี้ อาณาจักรต้าเซียยังใช้โอกาศนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์และแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันกับอาณาจักรใกล้เคียงหรืออาณาจักรอันไกลโพ้น
และหลังจบงานนี้จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้น อาณาจักรต้าเซียมีเจ้าชายผู้หยิ่งผยองและค่อนข้างดุร้ายมีหญิงสาวนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเขา อาจกล่าวได้ว่าในอาณาจักรต้าเซียเขาเป็นวายร้ายอันดับ 1 เลยก็ได้
แต่องค์ชายผู้ถูกเนรเทศไปยังวังที่แสนเยือกเย็น จนเขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ถูกปล่อยตัวจากอาณาจักรต้าเซียอีกแล้วทำให้เขาขอภรรยาดี ๆ อีกซักคนกับราชา
ว่ากันว่าภรรยาของเจ้าชายที่กำลังจะแต่งงานคือองค์หญิงของประเทศที่ห่างไกล ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแลกเปลี่ยนลูกสาวของตัวเองเพื่อการมิตรไมตรีระหว่างประเทศในระยะยาว