ตอนที่ 511 ผู้ชายอุ้มเด็กเหมือนดั่งรำดาบ
ต่อให้เฝิงเยี่ยไป๋จะเป็นคนหน้าด้านดั่งกำแพงในสายตาเฉินยาง แต่พอวันนี้ถูกไทเฮาพูดถึงเรื่องน่าอายตอนเด็กก็อดหน้าแดงไม่ได้ จึงได้แต่กระแอมเบาๆ กลบเกลื่อน
เฉาเต๋อหลุนอุ้มเด็กมา ไทเฮารับไป วางเด็กไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งกอดไปที่เอวของเด็ก แสดงให้เขาเห็น “เด็กตัวเล็กเท่านี้ ไม่อาจอุ้มเขาตั้งได้ กระดูกเด็กยังอ่อนนิ่มนัก โดยเฉพาะผู้ชายเช่นพวกเจ้าที่ไม่ค่อยระมัดระวัง เมื่ออุ้มเด็กแล้วก็เหมือนดั่งรำดาบเช่นนั้น จะทำให้เด็กบาดเจ็บเอาง่ายๆ ได้”
เฝิงเยี่ยไป๋ขอความรู้ด้วย เขาทำท่าทางเดียวกันกับไทเฮา ไทเฮาวางเด็กไว้ในอ้อมกอดของเขา เสี่ยวจินอวี๋ย่นจมูกกะพริบตา แต่ไม่ได้ร้องออกมา นอกจากจะไม่ร้องแล้ว ยังกางแขนออกอ้าปากยิ้ม คงจะรู้สึกสบาย เผยรอยยิ้มออกมากลับไม่มีเสียง
ไทเฮาเห็นเด็กแล้วรู้สึกชอบใจ รู้ชื่อแล้วก็ถามนามอีก “พ่อของเจ้าเป็นคนไม่มีความรู้ ตอนที่ข้าคลอดเจ้านั้นใช้เวลาคืนหนึ่งเต็มๆ ตั้งแต่ค่ำยันสว่าง ให้เขาตั้งชื่อให้เจ้า เขาก็พูดขึ้นมาว่าเยี่ยไป๋ จำง่าย เจ้าไม่เหมือนกับพ่อของเจ้า เรียนหนังสือที่โรงเรียนวังตั้งแต่เด็ก มีความรู้ท่วมอก นามของเด็กได้คิดไว้หรือยังว่าจะตั้งอะไรดี”
เฝิงเยี่ยไป๋อุ้มเด็กอยู่ คิดในใจว่าหากไทเฮารู้ว่าชื่อเล่นของเด็กคนนี้ชื่อว่า ‘จินอวี๋’ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ เขาปั้นหน้านิ่งไว้ พูดสบายๆ ว่า “นามยังไม่ได้คิด ไม่รีบร้อน รอให้เขาโตเสียอีกหน่อย เริ่มรู้หนังสือแล้ว ค่อยตั้งให้เขาก็ยังไม่สาย”
ไทเฮาได้ยินก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ข้างหน้าสองแม่ลูกอยู่กันอย่างมีความสุข ข้างหลังเฉินยางกลับนั่งอยู่ในห้องไม่ติด ไทเฮาอยู่ในวังมานาน ชีวิตก็ต้องโดดเดี่ยวอยู่บ้าง วันก่อนรู้ว่านางตั้งครรภ์ก็ยังคิดจะรั้งนางไว้ให้อยู่ในวัง ตอนนี้มีโอกาสจะต้องหาวิธีพาเสี่ยวจินอวี๋เข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อนนางแน่ นางเพิ่งคลอดลูกชาย ยังไม่ทันได้มีความผูกพันแน่นแฟ้นเลย จะให้ไทเฮาไปเช่นนี้ไม่ได้ หากจะให้เสี่ยวจินอวี๋แยกจากนาง เช่นนั้นแล้วนางที่เป็นแม่นี้จะมีความหมายอะไร
ที่จริงแล้วถอยก้าวหนึ่งก็ยังได้ ต่อให้ต้องให้นางพาเสี่ยวจินอวี๋ไปถวายความเคารพนางที่วังทุกวันก็ยังได้ แต่จะให้พวกเขาแม่ลูกแยกจากกันไม่ได้ ไทเฮากับเฝิงเยี่ยไป๋แยกจากกันก็คือสิบกว่าปี น่าจะรู้ซึ้งถึงความเศร้าใจ เพราะเป็นแม่เช่นเดียวกัน หากนางจะปฏิเสธก็น่าจะเข้าใจกันได้กระมัง!
ซั่งเหมยรู้ว่านางเป็นกังวลอะไร จึงปลอบอยู่ข้างๆ ว่า “นายหญิงวางใจเถิด ต่อให้ไทเฮาอยากจะให้ท่านซื่อจื่อเข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อน พวกเราก็ยังมีท่านอ๋องอยู่ไม่ใช่หรือ หากท่านอ๋องไม่ยอม ไทเฮาก็ไม่อาจพาคนไป ท่านวางใจเสียเถิด!”
เฝิงเยี่ยไป๋? พูดถึงเขา ในใจเฉินยางก็ยิ่งไม่สงบ “เมื่อครู่เขายังบอกกับข้าว่าจะส่งเสี่ยวจินอวี๋ไปอยู่เลย หากไทเฮาอยากพาเสี่ยวจินอวี๋เข้าไปเลี้ยงดูในวัง ข้าว่าเขาก็คงอยากให้เป็นเช่นนั้น!”
ซั่งเหมยไม่เข้าใจ “จะว่าเช่นไรก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะยอมให้ซื่อจื่อเข้าวังได้อย่างไร”
“เขาพูดแล้วทำจริง หากเขายอมให้เสี่ยวจินอวี๋เข้าวังจริงๆ เช่นนั้นข้าก็ไร้วิธีจะรั้งคนไว้แล้ว”
“นายหญิงวางใจเสีย ท่านคิดดูเถิด ในวังผู้ใดใหญ่ที่สุด ฮ่องเต้ไง! ฮ่องเต้ไม่เชื่อใจท่านอ๋องเป็นที่สุด แทบอยากจะกุมจุดอ่อนท่านอ๋องเอาไว้ตลอดเวลา แล้วท่านอ๋องจะส่งท่านซื่อจื่อเข้าไปในรังหมาป่าได้อย่างไร อีกอย่าง ถึงอย่างไรเสียไทเฮาก็เป็นย่าของท่านซื่อจื่อ หลานแท้ๆ ของตัวเองไม่อาจผลักเข้ากองไฟได้ ท่านว่าใช่หรือไม่”
ตอนที่ 512 ตั้งครรภ์ครั้งเดียวโง่สามปี
พอคิดดูดีๆ แล้ว ที่ซั่งเหมยพูดนั้นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลทั้งสิ้น ต่อให้เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ชอบลูกชายอย่างไร ในใจก็ยังรักเขาอยู่ ความผูกพันพ่อลูก เลือดข้นกว่าน้ำ จะส่งลูกชายตัวเองเข้ารังหมาป่าได้อย่างไร ยังมีไทเฮา ต่อให้ไทเฮาไม่ชอบนางอย่างไรก็ไม่อาจเอาชีวิตของหลานตัวเองไปล้อเล่น พอคิดได้เช่นนี้แล้วก็วางใจลงไม่น้อย
ซั่งเหมยเข้ามารินชาให้นาง ได้ยินแล้วก็หัวเราะพูดว่า “คนมักพูดว่าตั้งครรภ์ครั้งเดียวโง่สามปี นายหญิง ท่านคงไม่โง่กลับไปเช่นนั้นเสียแล้วกระมัง”
เฉินยางคลำศีรษะตัวเองจริงๆ คลำเสร็จถึงได้รู้ตัวเองถูกสาวใช้คนนี้หลอก จึงปั้นหน้าพูดเสียดุว่า “อะไรตั้งครรภ์ครั้งเดียวโง่สามปี ข้าน่ะ… ข้าน่ะแค่เป็นกังวลมากไปถึงได้ไร้เหตุผล! พวกเจ้าไม่เคยมีลูกย่อมไม่เข้าใจ!”
ซั่งเหมยซั่งเซียงเอามือป้องปากหัวเราะ
ข้างในพูดคุยกันสนุกสนาน ที่นอกห้อง เฉาเต๋อหลุนตะโกน “ไทเฮาเสด็จ” เหมือนดั่งฟ้าผ่าลงมา ทำเอาทุกคนตื่นตกใจทันที
เฉินยางรีบพลิกตัวลงจากเตียง เพราะอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปที่ใด พลังที่เสียไปยังไม่เติมเต็มกลับมา สองวันนี้นางยังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ที่สวมอยู่บนตัวก็เป็นชุดชั้นในและกางเกงชั้นใน ต้องพบคนด้วยสภาพเช่นนี้ก็ไร้มารยาทเสียเหลือเกิน ซั่งเหมยซั่งเซียงเองก็ร้อนรนขึ้นมา รีบเอาผ้าคลุมสวมให้นาง คนเพิ่งจะยืนนิ่ง ม่านที่อยู่ข้างนอกก็เปิดออก ไทเฮาสวมชุดหรูหรา นำพาด้วยแสงแดดสีขาวค่อยๆ เดินเข้ามา
เฉินยางรู้ตัวดี นางรู้ว่าไทเฮาไม่ชอบนาง ที่มาครั้งนี้ จะมากจะน้อยก็ต้องมาหาเรื่องนางอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อต้องถวายความเคารพก็ระวังเป็นพิเศษ กลัวจะทำผิดไป ไทเฮาจะไม่ชอบเอาเสียอีก
นางย่อตัวลงตามระเบียบ ก้มศีรษะลง พอแอบเหลือบมองก็เห็นเฝิงเยี่ยไป๋ที่อยู่ข้างหลังไทเฮา ไทเฮายังไม่ได้เอ่ยเรียกให้ลุกขึ้นมา เขาก็คล้องแขนนางพาลุกขึ้นมาแล้ว “ใครให้เจ้าลงจากเตียง”
นางชี้ไปยังเตียงที่อยู่ในห้อง แล้วมองไปที่ไทเฮา ทั้งๆ ที่ทำตามระเบียบ ไฉนถึงกลับมีความรู้สึกที่ตัวเองทำผิดเช่นนั้น
ไทเฮาเรียกขึ้นมา เชิดคางให้ซั่งเหมยซั่งเซียงว่า “ยังไม่รีบไปเอาเสื้อผ้ามาให้นายหญิงพวกเจ้าใส่อีก อากาศหนาวเช่นนี้ ระวังจะเป็นหวัดเอา ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงพักรักษาตัวต้องระวังเป็นพิเศษ พอเป็นโรคแล้ว จะเป็นตลอดชีวิต ต้องทรมานไปตลอด”
เฉินยางได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ นางถูนิ้ว ไม่กล้าเงยหน้า นางย่อตัวลงอีกครั้ง “ขอบพระคุณไทเฮา”
ไทเฮาเหลือบมองเฝิงเยี่ยไป๋แล้วกวักมือเรียกนาง “เจ้ามานี่ ให้ข้าดูเสียหน่อย”
เฉินยางสงสัยในใจ วันนี้เกิดอะไรขึ้น ไทเฮาไม่หาเรื่องนางแล้วหรือ หรือว่าเพราะมีเฝิงเยี่ยไป๋อยู่ จึงไม่หาเรื่องนางแล้ว? แม้จะสงสัยอยู่แต่เท้าของนางกลับไม่กล้าหยุด นางค่อยๆ เดินเข้าไป ก้มศีรษะ ท่าทางเคารพ
ไทเฮาขึ้นไปจูงมือนางอย่างเป็นกันเองแล้วดึงนางนั่งลงที่ข้างกาย ไม่ได้หาเรื่องนางใดๆ กลับตบหลังมือนางเบาๆ สองทีด้วยท่าทางรักใคร่ “เด็กดี ข้ารู้ว่าเจ้าคลอดจิ่งอวี๋ลำบากแล้ว ผู้หญิงล้วนต้องผ่านด่านนี้ เพียงแต่เจ้าผ่านด่านนี้มายากลำบากเสียยิ่งกว่า ในเมื่อผ่านมาแล้ว ก็เป็นเรื่องดี ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ทำประโยชน์อันใหญ่หลวงของพวกเรา” ไทเฮาชูนิ้วโป้งให้นาง “เก่งเช่นนี้เลย”
มีคำพูดเก่าแก่ว่าไว้ `แม่ได้ดีเพราะลูก` ที่พูดนั้นก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง นางเดินอยู่หน้าประตูนรกมาเสียรอบหนึ่ง คลอดลูกชายลงมาให้ตระกูลเฝิงของพวกเขามีผู้สืบสายเลือด ตอนนี้แม้แต่ไทเฮาก็ปฏิบัติกับนางดีกว่าเมื่อก่อนมาก ว่าแล้วคำพูดเก่าแก่นั้นว่าไว้ไม่มีผิดเสียจริงๆ