บทที่ 322 เกิดขึ้นหลังจากนั้น
บทที่ 322 เกิดขึ้นหลังจากนั้น
จือซินออกจากนิกายกิเลนและมุ่งหน้าไปยังเกาะซาถัวอย่างรวดเร็ว นิกายกิเลนมีสัตว์จิตวิญญาณที่ใช้สำหรับการเดินทาง มันคืออินทรีหัวล้าน ไม่ใช่แค่บินสูงเท่านั้นแต่ยังรวดเร็วและบินได้อย่างมั่นคง ระยะทางกว่าพันไมล์มันยังใช้เวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น!
แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากบินได้ซักพักหนึ่งอินทรีหัวล้านก็เริ่มเจ็บปวด ขณะที่มันกำลังกระพือปีกอยู่นั้นมันก็ร่วงหล่นตกลงไปในทะเล
หลายวันมานี้โป๋อีกู่เป็นกังวลมาก การเดินทางในมหาสมุทรนั้นเชื่องช้ากว่าที่เขาคิดไว้ เขาอยากเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือให้มันเร็วกว่านี้แต่เส้นทางอื่นก็ไม่รู้อีกว่าจะมีแนวปะการังไหม ซึ่งมันอาจเป็นอันตรายได้หากชนเข้ากับปะการัง ถ้าเป็นแบบนี้เมื่อไรจะถึงกัน
ในขณะที่เขากำลังเบื่อ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเห็นนกอินทรีตัวใหญ่ตกลงมา ด้วยพลังการฝึกตนเขาทำให้มองเห็นทุกอย่างชัดเจนมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนหลังนกอินทรีตัวนี้ และกำลังตกลงมาพร้อมกัน
ขณะโป๋อีกู่กำลังมองไม่นานพวกเขาก็ตกลงไปในทะเล โชคดีที่หลังจากตกลงไปทั้งสองก็โผล่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าการที่ตกลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี โป๋อีกู่รีบสั่งให้เรือแล่นไปในทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วแล้วโยนเชือกสองเส้นไปหาก่อนพาทั้งสองขึ้นเรือ!
จือซินนอนหอบอยู่บนเรือ แม้จะฝึกตนแต่การตกมากลางอากาศแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แถมแรงปะทะอันรุนแรงหลังจากตกลงมาจากทำให้เธอได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
เธอพยายามใจเย็นจากนั้นก็ขอบคุณโป๋อีกู่ที่ช่วยชีวิต
“ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน!” จือซินเห็นว่าโป๋อีกู่เป็นผู้แข็งแกร่งดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง
หลังจากที่โป๋อีกู่พาเธอขึ้นมาพร้อมกับนก เขาก็เริ่มตรวจสอบการบาดเจ็บของนกอย่างระมัดระวัง เขาพบว่านกถูกวางยาและดูเหมือนว่ามันจะกินบางสิ่งที่ไม่สะอาดลงไปเมื่อคืน ทำให้ร่างกายของมันอ่อนแอ ไม่งั้นแล้วมันก็คงไม่ร่วงหล่นลงมาแบบนี้
โป๋อีกู่พูดอย่างไม่แยแส “เมื่อคืนใครเอาอาหารให้มันกิน? ดูเหมือนว่ามันจะถูกวางยา โชคยังดีที่เธอเจอฉัน เพราะถ้าตกลงมาแบบนี้ไม่ว่าฐานการฝึกตนเธอจะสูงแค่ไหนก็ไม่รอดหรอกนะ!”
หลังจากที่จือซินได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่น เธอก็รีบหยิบเครื่องรางหยกออกมาทันทีและส่งข้อมูลกลับไปให้หยูเหวินเฉิงเฟิง เธอเชื่อว่าด้วยประมุขจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้วรู้คำตอบอย่างรวดเร็วว่าใครเป็นคนทำ
เมื่อหยูเหวินเฉิงเฟิงได้ยินเรื่องนี้เขาก็ตกใจและไม่รู้จะพูดออกมา อำนาจในนิกายกิเลนของเขานั้นมั่นคงมาตลอด ไม่เคยเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้เตือนเขา การที่ไม่มีปัญหานั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีปัญหาเสมอไป
เขาปลอบโยนจือซินเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ คราวนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในนิกายจะต้องถูกลงโทษ! ไม่อย่างนั้นมันอันตรายเกินไป เมื่อเขาคิดว่ามีสายลับในนิกายตัวเอง จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
การที่นิกายกิเลนจะรับคนเข้ามานั้นค่อนข้างเข้มงวดและส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยงดูและสอนการฝึกตน แต่กลับมีคนทรยศ! นอกจากคนทรยศที่อยู่ที่นี่แล้วก็ยังมีเรื่องที่เกาะซาถัวที่ตอนนี้น่าจะถูกนิกายอื่น ๆ โจมตีอยู่
มีหลายนิกายใหญ่ต้องการครอบครองเกาะซาถัว และเพื่อไม่ให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนบนเกาะซาถัว นิกายแต่ละแห่งได้แจกแจงสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ชาวท้องถิ่นบนเกาะซาถัวรวมอยู่กับนิกายต่าง ๆ ได้ จริง ๆ แล้วถ้านิกายเหล่านั้นจะเข้าครอบครองเกาะซาถัวด้วยกำลังพวกเขาก็ทำได้เพราะ พวกกองกำลังท้องถิ่นคงจะไม่สามารถต่อต้านนิกายใหญ่ ๆ ได้เลย!
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะเกิดหายนะขึ้น เพราะหลังจากจัดการกองกำลังท้องถิ่นแล้วนิยายไหนจะเป็นเจ้าของเกาะกันแน่นี้ละคือปัญหา ถ้านิกายใหญ่สู้กันเองยังไงก็มีแต่เสียกับเสีย แต่ตอนนี้มีคนทรยศในนิยายเขา แม้จะมีหลักฐานแต่หยูเหวินเฉิงเฟิงก็ยังไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ
หลังจากหยูเหวินเฉิงเฟิงสรุปเรื่องราวทั้งหมดเขาจึงตัดสินใจ ส่งข้อความถึงจือซินให้เธอปิดเครื่องมือสื่อสารซะ จือซินไม่ถามเหตุผลแต่ก็ทำตามแต่โดยดี จากนั้นหยูเหวินเฉิงเฟิงก็ส่งเสียงสัญญาณเตือนให้ทุกคนมาที่ห้องโถง
หลังจากการประชุมก่อนหน้านี้สิ้นสุดลงและจือซินก็ถูกส่งออกไป คนในนิกยายต่างก็กลับไปบ้านพักเพื่อฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ แต่พอได้เสียงระฆังสำหรับการประมุชฉุกเฉินดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนรีบวิ่งไปที่ห้องโถงอย่างพร้อมเพียง มันเกิดอะไรขึ้น?
ตามตำแหน่งของพวกเขาหลังจากที่ทุกคนนั่งลง หยูเหวินเฉิงเฟิงด็มีความเศร้าโศกในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง
“ทุกคนฉันมีข่าวร้าย ก่อนหน้านี้จือซินส่งข่าวล่าสุดกลับมา แต่เธอเกิดอุบัติเหตุขึ้นในระหว่างที่กำลังบินอยู่ ตอนนี้เธอตายแล้ว ฉันสงสัยว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของพวกชาวเกาะซาถัว! ดังนั้นฉันจะส่งปรมาจารย์ไปอีก 4 คนจากทั้ง 4 ทิศ”
“ด้วยวิธีนี้จะสามารถล้อมคนที่ลงมือได้แม้แต่ผีก็ไม่รู้ตัว! ถ้าตรวจสอบแล้วไม่ใช่ฝีมือพวกมันก็ดี แต่ถ้าใช่ล่ะก็ฆ่าพวกมันซะ ฆ่าอย่าให้เหลือ!” หลังจากได้ยินคำของหยูเหวินเฉิงเฟิง ผู้อาวุโสของนิกายกิเลนก็แผ่จิตสังหารออกมา ถูกรังแกชนาดนี้นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้!
วันนี้ผู้อาวุโสใหญ่ 4 คนอาสาออกไปเองทั้งสี่เปรียบดั่งอาวุธของนิกายกิเลน หากทั้งสี่ไปเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าสัตว์บินจะถูกพิษ พวกเขาสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้และด้วยพลังความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจเร็วกว่าสัตว์บินด้วยซ้ำ
“ผู้อาวุโสทั้งสี่ แม้ว่าเรื่องนี้จะเลวร้ายมากแต่ฉันก็ไม่อาจช่วยอะไรได้มาก ท่านทั้งสี่จงไปยังเทือกเขากิเลน ฉันอยากแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุด การให้ผู้อาวุโสทั้งสี่ออกไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว” หยูเหวินเฉิงเฟิงพูดออกมาหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนแรกผู้อาวุโสทั้งสี่นั้นอยากจะออกไปฆ่าคนให้เร็วที่สุด แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหยูเหวินเฉิงเฟิง พวกเขาก็รู้ว่าหยูเหวินเฉิงเฟิงเป็นคนฉลาดและไม่เคลื่อนไหวอะไรโง่ ๆ การส่งพวกเขาออกไป 4 คนอาจมีแผนการอะไรบางอย่าง
“สี่ผู้พิทักษ์แห่งนิกายกิเลน จงรีบไปที่ร้านสัตว์วิเศษเพื่อเลือกสัตว์บินให้กับสี่ผู้อาวุโสเถอะ สี่ผู้อาวุโส พวกคุณเองก็ไปเตรียมตัวซะ หลังจากสัตว์บินเตรียมพร้อมแล้ว พวกคุณต้องออกไปทันที” หลังจากได้ยินคำพูดของหยูเหวินเฉิงเฟิง ผู้พิทักษ์ทั้งสี่และสี่ผู้อาวุโสก็รีบไปทันที
หลังจากที่แต่ละคนออกไปแล้ว หยูเหวินเฉิงเฟิงก็ส่งข้อความให้สี่ผู้อาวุโสให้พวกเขาตรวจสอบว่ามีปัญหาอะไรกับสัตว์บินหรือเปล่า หรือไม่ก็แล้วไปแต่หากมีปัญหาเขาจะให้คนไปตัวผู้พิทักษ์ทั้งสี่มา ถ้าต่อต้านให้ฆ่าทิ้งซะ! เมื่อเหล่าสี่ผู้อาวุโสได้ยินคำพูดเหล่านี้หัวใจของพวกเขาก็สั่นเทา พวกเขาเข้าใจผลกระทบของเรื่องนี้ในทันที
สัตว์วิเศษที่พวกผู้อาวุโสนั่งอยู่มีอายุหลายร้อยปีแล้ว พวกมันไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียด พวกมันก็เข้าใจในทันที หลังจากพยักหน้ากันกับเหล่าผู้อาวุโสอย่างเงียบ ๆ ร่างกายของพวกมันก็แกล้งทำเป็นว่าร่วงลงมา!