บทที่ 335 บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ
บทที่ 335 บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ
ค่ายกลแห่งนี้แปลกจริง ๆ เพราะแม้แต่ขั้นปราชญ์ระดับต้นก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ ถ้ามีคนอยู่ที่นี่จริง น่ากลัวว่าพลิกภูเขาทั้งลูกก็ไม่อาจหาเจอ นึกถึงตรงนี้เหล่าราชากิเลนก็มองฉู่เหินอย่างเลื่อมใส
ภูเขาถล่มลงมาหมดแล้ว แต่ฉู่เหินก็ยังหาที่จัดวางค่ายกลได้เป็นอย่างดีทำให้มันไม่ได้เสียหายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย แบบนี้มันง่ายมากที่จะเข้าไปภายในค่ายกลเพื่อช่วยชีวิตผู้คน เพราะถ้าค่ายกลพังทลาย แม้แต่ราชากิเลนอย่างพวกเขาก็ยากจะช่วยเหลือได้
ราชาไม่อาจใช้กำลังแหวกเข้าไป ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ถ้าทำเช่นนั้นคนอื่น ๆ ในค่ายกลจะโดนลูกหลงไปด้วย มันได้ไม่คุ้มเสีย!
ฉู่เหินอดทนกับความเจ็บปวดตามร่างกายและโคจรลมปราณ ไม่นึกเลยว่าแค่จะคลายค่ายกลของตัวเอง ยังยากลำบากขนาดนี้ แต่ในที่สุดเขาก็เปิดค่ายกลสำเร็จ
พวกเขาไม่กล้าชักช้าแม้เพียงวินาทีเดียว พวกเขารีบร้อนเข้าไปก่อนจะจัดการกับเศษดินทั้งหลายและค่อย ๆ นำทีละคนออกมา สิ่งที่ทำให้เหล่าราชาดีใจก็คือลูกศิษย์ของนิกายกิเลนไม่น้อยอยู่ในนี้ พวกเขาพบว่าแต่ละคนเพียงแค่สลบไปเท่านั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร
หลังจากฉู่เหินตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็พบว่าหลิวจวิ้นซานกับเฉิงกู่ได้พาโม่เจียวกลับมายังค่ายกลแล้ว เพราะว่าเขาเจอโม่เจียวในค่ายกล ทว่ากลับไม่พบหลิวจวิ้นซานกับเฉิงกู่เลย แถมเสี่ยวชิง ปาเค่อ และก็ฉู่เฟิงเองก็ไม่อยู่ที่นี่
เขาเรียบเรียงเรื่องราวตั้งแต่ต้น แล้วก็คิดได้ว่าต้องเป็นพวกหลิวจวิ้นซานแน่ ๆ หลังจากพาโม่เจียวกลับมา พวกเสี่ยวชิงคงกังวลความปลอดภัยของเขาจึงออกมาจากค่ายกล นอกจากคำตอบนี้แล้วก็คงไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว
ฉู่เหินจึงรีบบอกให้โป๋อีกู่ให้ขุดอีกด้านหนึ่งของภูเขา พวกเขาจะต้องไปยังแนวสันเขาแน่ ๆ แต่ไปตรงไหนก็เจอแต่ดินถล่มอยู่ดี ทำให้ฉู่เหินได้แต่ให้ทุกคนขุดไปเรื่อย ๆ
เหล่าราชาพอตรวจสอบว่ามีร่องรอยบาดเจ็บแค่เล็กน้อยบนร่างกายของลูกศิษย์ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา พวกเขาคิดพร้อมกันว่าเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ก็ยังไม่อาจทำอะไรลูกศิษย์ในนิกายได้ ไม่มีเรื่องใดจะน่ายินใจเท่านี้อีกแล้ว
แต่พอพวกเขาเห็นฉู่เหินสั่งให้คนไปขุดทางอื่นต่อ เหล่าราชากิเลนก็ไม่รอช้ารีบไปช่วยขุดด้วยอีกแรง เพิ่งขุดไปได้ไม่เท่าไร พวกเขาก็พบเงาร่างของผู้หญิงไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เป็น เสี่ยวชิง นั้นเอง
ในสายตาของเหล่าราชานั้นเสี่ยวชิงไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ถูกแรงสั่นสะเทือนจนสลบไปเท่านั้น เพิ่งช่วยหญิงสาวขึ้นมาได้พวกเขาก็เห็นฉู่เหินสั่งให้คนขุดต่ออย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็ค่อย ๆ ขุดเจอทีละคนพวกเขาพบทั้ง ฉู่เฟิง ปาเค่อ เฉิงกู่และก็หลิวจวิ้นซาน ไม่ขาดเลยแม้แต่คนเดียว พอเจอทุกคนฉู่เหินก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ที่เขายังยืนได้จนถึงตอนนี้ทั้งหมดเป็นเพราะแรงใจทั้งสิ้น พอเจอทุกคนหมดแล้ว เขาก็หมดสติไปทันที!
ด้วยความช่วยเหลือของเหล่าราชาในที่สุดคนเหล่านี้ก็ได้สติ เดิมทีพวกเขาอยู่ไกลจากจุดที่เกิดระเบิดมาก และพวกเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วง เหล่าราชาช่วยทำให้พวกเขาฟื้นคืนสติกันทุกคน
หลังจากสอบถามลูกศิษย์แต่ละคนพวกเขาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้เหล่าราชาและคนอื่น ๆ รู้ว่าเรื่องราวมันอันตรายขนาดไหน พวกเขาได้รู้แล้วว่าฉู่เหินเป็นคนช่วยชีวิตลูกศิษย์พวกเขาเอาไว้ ถ้าครั้งนี้ไม่มีฉู่เหินละก็เกรงว่าเหล่าลูกศิษย์ของพวกเขาคงตายหมดแล้ว
ท้ายที่สุดฉู่เหินถึงกับยินยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อช่วยชีวิตคนเหล่านี้เอาไว้ ทำให้เหล่าราชารู้สึกเคารพและตื้นตันใจต่อฉู่เหินที่ทำเพื่อเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานขนาดนี้ แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าฉู่เหินเป็นคนเช่นไร
คนพวกนี้นอกจากฉู่เหินแล้วก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีส่วนน้อยที่ลมปราณในร่างสั่นสะเทือนและมีเลือดคลั่ง แต่รักษาไม่นานก็หาย หลังจากหลิวจวิ้นซานกับเฉิงกู่ได้สติแล้วพวกเขาก็ยิ่งเคารพฉู่เหินมากกว่าเดิม
ยิ่งตอนที่ฉู่เหินออกไปต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตยอม ละทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อคนอื่น ๆ ทำให้เหล่าราชากิเลนรู้สึกว่านิกายกิเลนติดค้างฉู่เหินมากเหลือเกิน
ปาเค่อ เองก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน ตอนนี้เขาคล้ายกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน ทุกคนกำลังวุ่นวายจึงไม่มีใครสนใจเขา ทว่าพอปาเค่อตื่นมาก็เห็นว่าเฉิงกู่กำลังกอดเข้าอยู่ในอ้อมแขนมันทำให้เขาขนลุก ที่จริงปาเค่ออยากจะนอนพักฟื้นร่างกายตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ทว่าพอเขากวาดสายตามองคนอื่นๆเขาก็ติดสินใจโยนความคิดนี้ทิ้งไป
แต่คาดไม่ถึงว่ามีศิษย์ในนิกายกิเลนจู่ๆ แววตาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างชัดเจน มันชัดเจนเสียจน ปาเค่อต้องตื่นกลัว หลังจากนั้นปาเค่อก็เริ่มระมัดระวังตัวเองยิ่งขึ้น
ยิ่งพอศิษย์คนนั้นรู้ว่าเหล่าราชากวาดล้างคนในพื้นนี้เสียราบคาบ ความอาฆาตแค้นก็ยิ่งมากขึ้น ถ้าศิษย์นี้ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวพลังของเหล่าราชา เกรงว่าคงระเบิดออกมานานแล้ว ยิ่งพวกเหล่าราชาเล่าว่าพวกเขาฆ่าคนในพื้นที่ยังไง ใบหน้าของศิษย์คนนั้นก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเท่านั้น
ศิษย์คนนั้นแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแล้ว เขาก็เดินไปทางผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เพิ่งเดินไป ขณะเดินอยู่ก็ชักมีดออกมาด้วย โชคไม่ดีที่ผู้อาวุโสเดินมาในบริเวณที่ไม่ห่างจากเฉิงกู่มากนัก ตอนนี้ปาเค่อได้ทำการกลบซ้อนตัวตน และโคจรพลังไปทั่วร่าง
อีกไม่ถึง 2 ก้าวก็จะถึงตัวผู้อาวุโสแล้วทันใดนั้นก็มีคนมายืนอยู่ข้างกายของผู้อาวุโส เหมือนกับกำลังปรึกษาอะไรอยู่ศิษย์คนนั้นจึงไม่กล้าลงมือ แต่เดินไปทางด้านเฉิงกู่แทน หลังจากยืนข้างเฉิงกู่ไม่ถึง 2 เมตร สายตาก็เปลี่ยนไปมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง หลังจากศิษย์คนนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนต้องหันมามองทางเขา
“ไอ้พวกฆาตกร! พวกแกฆ่าล้างบางพวกของฉัน ทำไมพวกแกถึงยังมีความสุขได้อีก วันนี้ฉันจะทำให้พวกแกเจ็บปวดบ้าง!” สิ้นเสียง มีดที่อยู่ในมือก็ซัดออกไปยังหลิวจวิ้นซานและเฉิงกู่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
เรื่องนี้รวดเร็วจนทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน แต่ว่าเหล่าราชาเป็นถึงขั้นปราชญ์ระดับต้น เป็นระดับพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ หนึ่งในราชาขยับตัวมายืนบังหลิวจวิ้นซานและกำมีดไว้ในมือ ช่วยหลิวจวิ้นซานเอาไว้ได้
แต่เฉิงกู่อยู่ใกล้กับมีดมากเกินไป ต่อให้อยากเข้าไปช่วยก็ไม่ทันเสียแล้ว พวกเขาทำได้เพียงเบิ่งตามองมีดของอีกฝ่ายแทงเข้าไปที่ต้นคอของเฉินกู่ ไม่ว่าจะเฉิงกู่หรือว่าหลิวจวิ้นซานล้วนเป็นคนที่นิกายกิเลนดูแลเอาใจใส่อย่างดี แต่ตอนนี้พวกเขากลับทำได้แค่มองให้เฉิงกู่ตายไปต่อหน้าต่อตาสีหน้าของเหล่าราชากิเลนและผู้อาวุโสเปลี่ยนไปทันที
เฉิงกู่ตกใจจนไม่อาจขยับตัวได้ พวกเขาอยู่ใกล้กันเกินไป ไม่มีโอกาสให้เขาได้ตอบสนองเลยสักนิด แค่จะขยับตัว มีดขออีกฝ่ายก็ประชั้นชิดต้นคอเขาแล้ว ทำให้เขาไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย