บทที่ 502 เคล็ดวิชา
บทที่ 502 เคล็ดวิชา
ฉู่ตงในตอนนี้ดูย่ำแย่มาก ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือดสด ๆ อีกทั้งใบหน้ายังมีรอยแผลเป็นเยอะแยะไปหมด ดูเหมือนว่าเขาจะโดนมาหนักทีเดียว และถึงแม้จะมีคนกลุ่มหนึ่งมาช่วย แต่คนพวกนั้นก็ไม่น่าไว้ใจมากนัก
เป็นเพราะฉู่ตงเคยแอบเห็นว่าหนึ่งในผู้ช่วยเหลือฆ่าเพื่อนร่วมรบที่อยู่ใกล้ตัวเองมาแล้ว สำหรับเหตุผลก็ง่ายมาก เพราะว่าคนคนนั้นไม่มีประโยชน์และไม่สามารถโจมตีได้อีกต่อไป ! ดังนั้นฉู่ตงจึงระวังตัว และเก็บรักษาแรงเอาไว้เพื่อเตรียมรับมือ !
แทนที่จะรอให้คนอื่นเล่นงาน ไม่สู้ชิงลงมือก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ ! ฉู่ตงคิดแผนในใจด้วยสายตาเยือกเย็น แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปจากคนพวกนี้ ไม่งั้นหากตัวเองเดินทางคนเดียวล่ะก็ คงมีแต่ถูกฆ่าตายเป็นแน่ !
แม้ว่าจะสามารถหักตราประจำตัวเพื่อหนีออกจากการทดสอบได้ แต่นั่นก็หมายความว่าตนจะต้องเสียโอกาสที่จะเข้าพรรควายุอัสนีด้วยเช่นกัน ซึ่งต่างกับฉู่เหิน เขาคิดว่าการคัดเลือกเข้าพรรควายุอัสนีในครั้งนี้เป็นการกระทำที่มากเกินกว่าเหตุ ถ้าตัวเองสามารถเข้าพรรคได้ล่ะก็ เขาจะเปลี่ยนแปลงมันซะ !
แน่นอนว่าฉู่ตงเองก็เคยออกตามหาฉู่เหิน ฉู่ฉุนและคนอื่น ๆเหมือนกัน แต่เมื่อเขาคิดว่าแม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด แล้วเขาจะไปดูแลคนอื่นได้ยังไงกัน ! ดังนั้นจึงล้มเลิกไป อีกอย่างพวกคนอื่น ๆ ก็ถือได้ว่ามีฝีมืออยู่พอตัว พวกเขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก !
ทางด้านฉู่เหิน หลังจากที่เขาดูดซึมน้ำทั้ง 8 หยด เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตัวเองก้าวหน้าขึ้นมาก ! ซึ่งมันก็แตกต่างจากครั้งที่แล้วโดยสิ้นเชิง หลังจากปล่อยพลังจิตออกไป ชายหนุ่มก็มีความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ด้วยพลังของน้ำทั้ง 8 หยด ทำให้ครั้งนี้ชายหนุ่มสามารถกางอาณาเขตได้ครอบคลุมทั้งหมดของค่ายกลแล้ว และไม่เพียงแต่แบบนี้เท่านั้น เขายังสามารถมองเหตุการณ์ที่เกิดข้างนอกได้อีกด้วย ! เท่านี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน ซึ่งถ้าเขาดูดซึมน้ำวิญญาณพวกนี้ทั้งหมดละก็ นี่จะต้องทำให้พลังวิญญาณของเขาเลื่อนขั้นได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน !
เมื่อพลังจิตของเขาครอบคลุมทั่วค่ายกล ฉู่เหินก็สามารถพิจารณาค่ายกลนี้อย่างช้า ๆ ได้แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มพบเข้ากับอะไรบางอย่าง มันราวกับว่าค่ายกลแห่งนี้นั้นกำลังหายใจอยู่ยังไงยังงั้น ต่อมาฉู่เหินก็ทำการเปิดหมิงอู่ของตัวเองเงียบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจ และกำหนดลมหายใจของตนตามวิธีนั้นอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นภายในร่างกายของเขาก็เริ่มเกิดวิวัฒนาการ ซึ่งมันก็ฉู่เหินรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เขาคล้ายจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ! แต่ตอนที่ของสิ่งนี้กำลังจะก่อตัว มันก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงจนยากที่จะอธิบาย ทุก ๆ ครั้งเขาจำเป็นต้องใช้พลังจิตตัวเองดูว่าค่ายกลจะเป็นยังไง แล้วค่อยใช้พลังตัวเองปรับให้พอดีกัน !
วิธีการดังกล่าวทำให้เขาเรียนรู้ได้ช้ากว่าปกติหลายเท่าตัว แต่มันก็แลกกับความปลอดภัย เรียกได้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเดินอ้อมอยู่ ! เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับสายตาของฉู่เหินที่จับจ้องไปยังค่ายกลตรงหน้าไม่วางตา ยิ่งเข้าใจโครงสร้างของมันมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้เขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น !
ทั้งกายและใจของฉู่เหินรวมอยู่ที่ค่ายกลตรงหน้า ! และชายหนุ่มก็มารู้ตัวเอาตอนที่ตนนั้นได้เข้าสู่ภวังค์ลึกมากแล้ว ! ซึ่งทุกครั้งที่เขาเข้าสู่ภวังค์ก็มักจะพบกับโชคในเรื่องของพลังวรยุทธ์ เพราะว่าในสภาวะแบบนี้จะทำให้หมิงอู่ของตัวเองทำงาน !
การบรรลุความเข้าใจดังกล่าวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่มีกฎตายตัว และนอกจากบุคคลที่สองจะมีความแค้นต่อกันแล้ว ไม่งั้นเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในภวังค์ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะต้องหยุดการโจมตี ! ขนาดศัตรูยังทำแบบนี้กับเพื่อนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง !
ถ้าคนอื่นรู้ว่าตอนนี้ฉู่เหินกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เพราะเข้าสู่ภวังค์ของหมิงอู่ เชื่อว่าคงมีหลายคนที่อยากจะสร้างความลำบากให้แก่เขา !
การเข้าสู้ภวังค์ของฉู่เหินในครั้งนี้กินเวลาถึง 3 วันกว่า ๆ ซึ่งตลอด 3 วันที่ผ่านมามันก็ได้ทำให้เขาสามารถมองทะลุค่ายกลนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง !
ถ้าเพียงเท่านี้ล่ะก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรได้ เพราะเพียงแค่นี้ก็สามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ของเขาได้แล้วก็พอ ! แต่เนื่องจากการจ้องมองตลอด 3 วันทำให้ฉู่เหินเข้าใจค่ายกลตรงหน้ามากขึ้น มันจึงทำให้ภายในร่างกายของเขามีบางอย่างก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างช้า ๆ ถ้าตอนนี้มีคนสามารถมองภายในร่างกายของฉู่เหินได้ พวกเขาก็คงตะลึงไปตามกัน ๆ
เพราะตอนนี้ในร่างกายของฉู่เหิน มีค่ายกลในแบบเดียวกันนี้แต่เป็นขนาดเล็ก ! ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่ค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น และนั่นก็เพราะความรู้ความเข้าใจของฉู่เหินนั้นยังไม่สูงพอจึงได้เป็นแบบนี้ !
เมื่อเทียบกันแล้ว ด้านนอกของค่ายกลต้นฉบับนั้นไม่เพียงแต่มีไอสังหาร ทว่ายังมีธาตุมืดที่น่ากลัวอยู่ด้วย ราวกับว่ามันได้เก็บภูตผีนับไม่ถ้วนเอาไว้ภายใน ซึ่งผิดกับค่ายกลภายในร่างของฉู่เหินที่ไม่มีธาตุมืดน่ากลัว ๆ แบบนั้น !
สำหรับจุดนี้ ฉู่เหินเข้าใจดีว่าถ้าอยากจะสร้างค่ายกลของตัวเองให้เหมือนกับด้านนอกของค่ายกลต้นฉบับนั้น เขาก็จำเป็นต้องใส่ดวงวิญญาณเข้าไปเติมไม่น้อย ! เพื่อที่จะได้กลายเป็นค่ายกลสังหารของเขาอย่างแท้จริง !
และที่สำคัญเลยก็คือ เรื่องที่ค่ายกลอันนี้นั้นไม่มีขีดจำกัด มันสามารถที่จะเลื่อนขั้นไปได้เรื่อย ๆ ยิ่งมีดวงวิญญาณใส่เข้าไปเป็นจำนวนมาก พลังอำนาจของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น !
ซึ่งค่ายกลดังกล่าวนี้ถูกเรียกกันว่า การส่งผ่านจิตวิญญาณ และเมื่อวิวัฒนาการได้ถึงขั้นนั้นก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงกฎได้อย่างอิสระ ! แน่นอนว่าจะถึงขั้นนั้นจริงหรือเปล่าก็ต้องดูกันต่อไปในอนาคต !
ต่อมาเขาก็เริ่มโคจรพลังไอสังหารให้แผ่ออกมาข้างนอกร่างกาย ! ตอนนี้ขอเพียงแค่ชายหนุ่มปล่อยจิตสังหารออกไป เขาก็จะสามารถใช้พลังจิตของตัวเองทำให้คนที่อยู่โดยรอบถูกโจมตีได้แล้ว !
แน่นอนว่าเคล็ดวิชาค่ายกลนี้ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น ! เนื่องจากขาดดวงวิญญาณ แต่ในอนาคตการส่งผ่านพลังจิตแบบนี้จะต้องสร้างความโกลาหลไปทั้งโลกอย่างแน่นอน ! อย่างน้อยฉู่เหินก็เป็นคนที่หนึ่งที่เฝ้ารอ !
การส่งผ่านพลังจิตนั้นเป็นเพียงอย่างเดียวที่ไม่ดีนัก เพราะว่ามันแสดงผลช้ามาก ! ถ้าอีกฝ่ายไม่ให้เวลาคุณเตรียมตัว คุณก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ! แต่ถ้าในอนาคตมีโอกาสได้วิวัฒนาการ เมื่อถึงตอนที่การส่งผ่านพลังจิตสังหารของเขาเลื่อนเป็นระดับที่ 5 ถึงตอนนั้นเขาก็สามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว !
ด้วยวิธีนี้การปล่อยพลังอย่างฉับพลันก็ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป ! เพียงแต่กว่าจะถึงตอนนั้นต้องรอนานไม่รู้กี่เดือนกี่ปี ระหว่างที่ฉู่เหินกำลังเก็บการส่งผ่านพลังจิตสังหารกลับไป ! จู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงลมปราณที่เขาคุ้นเคยมาจากทิศทางหนึ่ง จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่ส่งพลังจิตออกไปตรวจดูทิศทางนั้น
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้เขาดีใจมาก แต่ก็รู้สึกโกรธด้วยเช่นกัน เพราะคนที่เขาเห็นก็คือฉู่ตงแห่งตงหนานซีเป่ย ซึ่งตอนนี้กำลังถูกตามไล่ล่าโดยคนนับสิบที่กำลังยิ้มแย้ม หัวเราะอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งไล่ตามหลังฉู่ตงไปติด ๆ
ชายหนุ่มมองออกได้เลยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มาตอนนี้คนพวกนั้นก็ได้หันมาทำร้ายกันเองเพื่อบีบให้ฉู่ตงหักตราประจำตัว ! แต่ถึงจะเห็นแบบนั้น ทว่าฉู่เหินก็ยังทำอะไรไม่ได้ เขายังต้องอยู่ที่นี่ไม่สามารถออกไปได้ เพราะแม้ว่าเขาจะมองค่ายกลออกหมดแล้ว หากแต่มันก็ยังต้องรอเวลาที่เหมาะสมก่อนถึงจะออกไปได้ !
สิ่งเดียวที่ฉู่เหินทำได้ในตอนนี้คือการส่งเสียงร้องตะโกนออกไปให้ฉู่ตงได้ยินว่า “ฉู่ตง นายวิ่งต่อไป อย่าหันกลับมาเด็ดขาด ! ”