บทที่ 626 จิตไม่ปกติ
บทที่ 626 จิตไม่ปกติ
ตอนนี้ทั้ง 2 คนได้แต่คิดในใจ ว่าที่สนามรบชิงคงพวกเขาถือว่าเป็นคนโชคค่อนข้างดี ! เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็รอดชีวิตกลับมาแล้ว ต้องเข้าใจว่าคนที่ร่วมเดินทางไปสนามรบชิงคงนั้นมีตั้งกี่คน ทว่าตอนนี้กลับมาได้แค่สองสามคนเอง !
และเมืองมองชายชราที่เป็นคนของราชวงศ์จ้องมองด้วยแรงกดดัน พวกเขาก็รู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเขาอยากถาม อย่างเช่นเรื่องที่ว่าทำไมถึงถูกพาตัวมาแบบนี้ !
ซึ่งตัวของพวกเขาก็คงคิดไม่ถึงแน่ว่าฉู่เหินคนนั้นจะใจกล้าท้าทายราชวงศ์ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงทำได้อย่างเดียวคือกัดฟันทนไป ! และหลังจากคนของราชวงศ์กลับไปแล้ว ฉู่เหินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ชายหนุ่มเพียงเดินกลับมาหาศิษย์พี่หก แล้วบอกให้พวกเขากลับกันได้แล้ว !
สิ่งที่ฉู่เหินพึ่งกระทำไปพี่สี่และพี่หกรู้สึกตกใจมาก พวกเขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าเวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเข้าไปสนามรบชิงคงยังพึ่งจะเป็นขั้นครึ่งจอมปราชญ์เท่านั้น ตอนนี้กลายเป็นจอมปราชญ์ระดับสูงสุดไปแล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนจะทะลวงขั้นเทพดาราได้ทุกเมื่อด้วยซ้ำ !
บาดแผลบนร่างกายของฉู่เหินค่อนข้างหนัก และที่ก่อนหน้านี้เขาแสดงออกอย่างแข็งก้าวแบบนั้น แท้จริงก็เหมือนคำรามขู่ขวัญศัตรูไปเท่านั้นเอง ! ทำให้เมื่อมานั่งอยู่บนร่างมังกรของพี่หก ก็เอาแต่ร้องโอดโอยไม่หยุด เห็นชัดว่าต้องรีบรักษาโดยด่วน ! ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีกิเลนคุ้มครองอยู่ข้างกายก็เถอะ
ไม่ใช่เพราะฉู่เหินไม่เชื่อใจพี่สี่และพี่หก ! เพียงแต่เขากลัวว่าจะถูกคนของราชวงศ์ดักสังหารระหว่างทาง เพราะงั้นจึงต้องมีกิเลนของตัวเองอยู่ข้าง ๆ ถึงจะรู้สึกวางใจ !
พี่หกควบคุมมังกรจนในที่สุดก็เข้ามาถึงเขตของพรรค ! ก่อนเป็นศิษย์หญิงพี่สามที่เฝ้าฉู่เหินข้างเตียง เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ! ทำให้หลายวันมานี้เธอแทบจะไม่ได้ไปไหนเลย จนกระทั่งชายหนุ่มรักษาหายไปแล้วแปดในสิบส่วน !
ต้องเข้าใจว่าการต่อสู้กับบัญญัติสวรรค์ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาจัดการบัญญัติสวรรค์ได้ก่อน ก็เกรงว่าเขาคงไม่สามารถรอดจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายได้ ! และหลังจากเขาใช้เวลารักษาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ฟื้นพลังจนกลับมาเกือบเป็นปกติแล้ว !!!
ตั้งแต่ที่ฉู่เหินกลับมาที่พรรควายุอัสนี คนในพรรคก็ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่ฉู่เหินประมือกับขั้นเทพดารา ทำให้พรรควายุอัสนีเริ่มกระสับกระส่าย ! โดยเฉพาะคนตระกูลหลิวที่ยิ่งกลัวมากกว่าใคร ! ด้วยพวกเขากลัวว่าฉู่เหินจะมาคิดบัญชีกับพวกเขา
ทว่าอันที่จริง คนที่กระสับกระส่ายที่สุดเห็นจะเป็นผู้นำพรรควายุอัสนี ! เพราะเขารู้สึกว่าบ้านวายุมีพลังอำนาจมากเกินไปแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ตัวเขาก็จะเป็นหัวหน้าพรรคได้แค่เพียงในนาม ! ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคิดหาวิธีการอยู่ ! ว่าจะเอายังไงต่อไปดี !
ไม่เพียงหัวหน้าพรรควายุอัสนีเท่านั้น พวกผู้อาวุโสในพรรคเองก็พากันตกใจไปตาม ๆ กันเมื่อทราบเรื่องที่ชายหนุ่มไปท้าทายอำนาจของราชวงศ์ ! เพราะต้องเข้าใจพวกราชวงศ์เป็นพวกคมในฟัก ไม่มีทางที่เป็นเต้าหูนิ่มให้ใครรังแกได้ง่าย ๆ! และสำหรับพวกเขาที่เป็นเพียงพรรคเล็ก ๆ พรรคหนึ่ง ก็อาจถูกเป่าหายไปในอากาศได้เลย !
เพราะแบบนี้ หัวหน้าพรรคจึงคิดมากไม่หยุด ด้วยเขากำลังวางแผนว่าหากฉู่เหินกลับมาเขาจะต้องหาทางไล่อีกฝ่ายไปเสีย ! แต่ยังไม่ทันที่ฉู่เหินจะกลับมา คนของราชวงศ์ก็มาถึงก่อนแล้ว ซึ่งก็เป็นชายชราขั้นเทพดาราคนนั้น ด้วยเขามาถึงเร็วกว่าศิษย์พี่หกมาก และระหว่างทาง เขาก็ได้ทำความเข้าใจทั้งหมดแล้วว่าอะไรคือกลุ่มกิเลน !
หลังจากเขากลับไปวัง และแจ้งเรื่องนี้ให้องค์จักรรดิทราบ องค์จักรพรรดิก็พลันขมวดคิ้ว ก่อนเป็นชายชราที่อธิบายเรื่องสนามรบชิงคงว่ามี 5 กลุ่ม และมีความเป็นมาอย่างไร ทำให้องค์จักรพรรดิที่ได้ยินตกตะลึง ! เพราะเขาเป็นถึงจักรพรรดิเชียวนะ เหตุใดจึงไม่รู้เรื่องราวภายนอกพวกนี้เลย !!!
อันที่จริง อาศัยความสามารถของเขาผู้เป็นองค์จักรพรรดิ ถ้ากล้าไปที่จุดศูนย์กลางของจักรวาลก็ตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่ ! ดังนั้นเขาจึงเพียงส่งคนไปกลุ่มสองกลุ่ม แต่ก็ไม่เคยมีใครสักคนได้กลับมาเลย !
ต้องมองเห็นตะเกียงวิญญาณดับ พวกเขาถึงจะรู้ว่าคนที่ตัวเองส่งไปถูกสังหารสิ้นแล้ว ซึ่งในราชวังพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ แต่จากที่ได้ยินจากชายหนุ่ม 2 คนที่รอดชีวิตออกมาจากสนามรบชิงคง มันก็ทำให้เขาทราบว่าในกลุ่มอำนาจใหญ่ทั้ง 5 นั้นมีคนที่เป็นขั้นเทพดาราเยอะแยะมากมายไปหมด !
อีกทั้งตามที่ทั้งสองพูด กลุ่มกิเลนก็เป็นกลุ่มที่เอาชนะกลุ่มเสือขาวลงได้ ! ทั้งยังทำให้กลุ่มเต่าดำพ่ายแพ้ในสงคราม ซึ่งกลุ่มอะไรพวกนี้ก็เป็นอะไรที่พวกเขาเพียงแค่ได้ยินแต่ไม่เคยได้เห็นกับสายตาตัวเองเลยสักครั้ง !
โดยเฉพาะผู้ก่อตั้งกลุ่มกิเลน พวกเขาไม่รู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นคือใคร แต่ว่าทุกหนทุกแห่งก็จะมีรูปภาพของผู้ก่อตั้งกลุ่มกิเลนอยู่ ทำให้เพียงพวกเขาเห็นหน้าฉู่เหิน ก็รู้ว่านี้แหละคือผู้ก่อตั้งกลุ่มกิเลน !
แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพียงเรื่องเคยได้ยินมา ซึ่งพวกเขาก็รู้ว่าภายในน่าจะมีเรื่องปรุงแต่งอยู่บ้าง แต่ทว่ามันก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นความจริงอยู่ด้วย และนั่นก็คือคนที่มีความแค้นกับคนของราชวงศ์ เป็นคนก่อตั้งกลุ่มกิเลนขึ้นมา ! และจากอำนาจของอีกฝ่าย คนผู้นี้ก็น่าจะทรงอำนาจเสียจนสามารถสั่งการผู้ใช้พลังขั้นเทพดาราได้นับไม่ถ้วน …เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่พวกเขาจะต้องเกรงกลัว !
นอกจากนี้ ตอนที่เขาอยู่ในสนามรบชิงคง ชายหนุ่มก็ยังเป็นคนสังหารแม่ทัพกลุ่มเสือขาวกับมืออีกด้วย ! และจากที่ทั้งสองคนบอกว่าหลังจากแม่ทัพเสือขาวกลายร่าง พลังวรยุทธ์อีกฝ่ายก็พุ่งทะยานสูงเทียมฟ้า ! เพราะได้ความช่วยเหลือจากป้ายอาญาสิทธิ์ของกลุ่มเสือขาวช่วย ทว่าถึงจะมีตัวช่วย แต่เขาก็ยังถูกฉู่เหินสังหารอยู่ดี …เท่านี้ก็รู้แล้วว่าฉู่เหินนั้นเก่งกาจเพียงใด
คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่ควรจะเป็นศัตรูด้วยเลย !
อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่พวกเขาไม่รู้ ว่าพอฉู่เหินกลับมาแล้วพลังโจมตีของเขาจะถดถอยลง ! แต่ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือเข้มแข็ง แค่เพียงร่างกิเลนของอีกฝ่ายก็น่ากลัวมากแล้ว !
เพราะเมื่อชายหนุ่มใช้ร่างกิเลนนั้น เขาก็คล้ายจะดึงพลังจากมิติเล็ก ๆ ของตัวเองมาโจมตีได้เลย เช่นนี้แม้ว่าจะเจอกับขั้นเทพดาราก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ! แต่เห็นได้ชัดว่ามิติเล็กนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถเรียกออกมาได้ตลอดเวลา ไม่งั้นระหว่างทางที่ฉู่เหินกลับมาเขาคงไม่ให้มันอยู่ข้างกาย และเก็บกลับไปนานแล้ว !
นอกจากนี้เขายังต้องเสียพลังงานไปอีกมากที่จะเรียกมันกลับมาใหม่ ซึ่งเวลาที่กิเลนออกมาได้ก็มีจำกัด ทำให้เมื่อกลับมาถึงจุดหมาย ร่างกิเลนก็หายไปในทันที !
แต่ทั้งหมดนี้คนของราชวงศ์ไม่มีใครรู้ พวกเขาเพียงคิดว่าคนคนนี้พวกเขาไม่ควรเป็นศัตรูกัน ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองเสร็จ จึงส่งคนไปสืบประวัติเจ้าของสร้อยเขี้ยวหมาป่า ! ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกปวดหัวไปตาม ๆ กัน
เพราะเจ้าของสร้อยเขี้ยวหมาป่าก็คือคนรับใช้คนหนึ่งในวัง ! อีกทั้งเขายังกลายเป็นคนรับใช้ในวังขององค์ชายสามของพวกเขาไปแล้ว ! เมื่อทราบเรื่อง องค์จักรพรรดิก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย เพราะถ้าเรื่องนี้ถูกฉู่เหินรู้เข้า อีกฝ่ายคงไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่ !
ดังนั้นเขาจึงได้สั่งให้คนไปตามกู้เฟิงจือเข้าเฝ้า ! ทั้งยังสั่งบังคับห้ามใครพูดเรื่องที่ว่าเขากลายเป็นคนรับใช้ให้ฉู่เหินรู้เด็ดขาด !
กู้เฟิงจือค่อนข้างโชคร้าย ตั้งแต่ถูกลมพายุพัดแยกทางกับพวกฉู่เหิน เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องนอนพะงาบข้างถนน !
อย่างไรก็ตามบังเอิญมีคนของราชวังผ่านมาพบเข้าระหว่างไล่ล่าสังหารคนกลางถนน ! ซึ่งคนส่วนมากก็ล้วนแล้วแตกกระเจิงหนีหายกันไปหมด ด้วยพวกมันทำตัวเหมือนขุนนางเก็บภาษีราษฎร* และก็เป็นคนที่ดูเหมือนชายบ้าคนนี้เท่านั้น ที่นิ่งเฉยอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน !
*ผู้มีอำนาจรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
