สุดยอดชาวประมง – บทที่ 631 ค่ายกลจูเซียนเจินปรากฏอีกครั้ง

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 631 ค่ายกลจูเซียนเจินปรากฏอีกครั้ง

บทที่ 631 ค่ายกลจูเซียนเจินปรากฏอีกครั้ง

ในตัวของฉู่เหินมีพลังจิตสังหารอยู่ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำค่ายกลสังหารขึ้นมา เช่นนี้ก็ไม่ต้องห่วงปัญหาอย่างอื่นแล้ว ! ความคิดนี้แม้ว่าจะดี แต่การสร้างค่ายกลแบบนี้ขึ้นมานั้นก็ยากมากเช่นกัน ! ดีที่ในตอนนี้ฉู่เหินมีของวิเศษล้ำค่าอยู่กับตัวไม่น้อย ไม่ว่าจะวัตถุดิบสร้างค่ายกลอะไรเขาก็มีหมด

เช่นนี้ทำให้ค่ายกลรอบภูเขาวายุสำเร็จไปได้ด้วยดีภายในเวลาเพียง 5 วัน ! ทว่าภายใน 5 วันนี้เขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลย แม้แต่ตอนกลางคืนเขาก็ยังต้องทำงาน ! ดังนั้นพอหลังจากสร้างค่ายกลเสร็จ ชายหนุ่มก็ต้องถอดหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กลับไปพักผ่อน จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากมาจากข้างนอก ! ฉากนี้ทำให้ฉู่เหินขมวดคิ้วและถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ คนพวกนี้จะไม่ให้เขาได้พักกันบ้างเลยหรือยังไง ! ในเมื่อพวกมันจะเล่นแบบนี้ งั้นเขาก็จะให้พวกมันมาไม่ได้กลับ !

ต้องเข้าใจว่าหลายวันมานี้ฉู่เหินขยันทำงานไม่หยุดไม่หย่อนเรียกได้ว่าเหนื่อยเต็มที่แล้ว เดิมคิดจะกลับไปพักก่อนสักหนึ่งวัน มาตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกำลังเข้ามาหา เขาก็รู้ได้เลยว่าตัวเองคงไม่ได้พักผ่อนเสียแล้ว ! อยากจะบ่นอยู่คำเดียวก็คือเขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ! และเมื่อบ่นในใจเสร็จ เขาก็เริ่มสั่งให้ค่ายกลทำงานในทันที !

ฉู่เหินที่คุ้นเคยกับค่ายกลเป็นอย่างดี ทำให้การก่อตัวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และหากช้าแม้เพียงนิดก็อาจไม่ทันการณ์ได้ ! เขาใช้สองมือผสานอินเพียงพริบตาเดียวทั่วทั้งภูเขาวายุก็มีบาเรียขนาดใหญ่คลุมเอาไว้ทั้งหมด

จากนั้นเขาก็เรียกให้ทุกคนมารวมตัว ก่อนในมือให้ฉู่เหินปรากฏสิ่งที่คล้ายกับกระจกแปดเหลี่ยม เมื่อตั้งใจมองดี ๆ ก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่กระจกแปดเหลี่ยมธรรมดา แต่เป็นค่ายกลจูเซียนเจินของตระกูลฉู่ !

ค่ายกลจูเซียนเจินไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก กระทั่งมีคนคาดเดาว่ามันจะเป็นอาวุธสังหารที่ร้ายกาจมากชิ้นหนึ่ง เป็นไปได้ว่ามันจะอยู่เบื้องหลังของผู้ทรงอำนาจสมัยโบราณในโลกของเขาด้วยซ้ำ ! ตอนนั้นพลังวรยุทธของเขาค่อนข้างต่ำมาก จึงไม่สามารถดึงพลังของมันออกมาใช้ได้ทั้งหมด มาวันนี้ที่พลังของเขาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้เขารู้ความลับบางอย่างของค่ายกลจูเซียนเจิน

ตอนที่เขาเข้าไปในสนามรบชิงคงเขามีเวลาว่างเยอะ นั่นทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะศึกษาค่ายกลจูเซียนเจิน และได้นำค่ายกลจูเซียนเจินมาใช้กับพลังเวทย์ที่ได้มาจากชิ้นส่วนพลังด้วย ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพึงพอใจอย่างมาก ! เช่นนี้เขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า พลังที่ขับเคลื่อนค่ายกลจูเซียนเจินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือว่าแท้จริงจะเป็นพลังเวทย์ของชิ้นส่วนพลัง

น่าเสียดายที่บนโลกไม่มีใครได้เหลือชิ้นส่วนนี้เลยสักคน กระทั่งอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ! ต้องเข้าใจว่าระดับพลังธาตุไฟที่เขามีนั้นเป็นถึงขั้นตัดวิญญาณ ส่วนของธาตุน้ำแข็งนั้นอยู่ในขั้นบรรลุแล้ว แม้กระทั่งธาตุสายฟ้าก็อยู่ในขั้นเริ่มต้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ค่อยมีพลังธาตุลมล่ะก็ ค่ายกลจูเซียนเจินของเขาก็คงจะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่า

แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่ามีเพียงพลังธาตุทั้งสามของเขาก็มากพอแล้วที่จะรับมือกับผู้ใช้พลังที่มากกว่าขั้นเทพดารา !

หลังจากที่เขาเร่งพลังค่ายกลจูเซียนเจินขึ้นมา ก็เหมือนกับว่าทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยสายหมอก ทำให้ทั้งบ้านวายุไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดอีกต่อไป

ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้กับหัวหน้าพรรควายุอัสนีเป็นอย่างมาก รวมทั้งผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เรียงแถวจ้องมองมาอย่างบ้านวายุ ด้วยสายตาครุ่นคิด หลังจากนั้นหัวหน้าพรรควายุอัสนีก็สั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือกับศึกรอบด้าน

ทุกคนรู้ว่าแม้ปกติบ้านวายุจะชอบทำตัววิปลาส แต่พวกเขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้โดยไร้เหตุผล ! ที่พวกเขาทำแบบนี้เดาได้เลยว่าจะต้องมีศัตรูเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างแน่นอน ! และเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะเป็นภัยกับพรรคของตัวเอง หัวหน้าพรรควายุอัสนีจึงเร่งให้เตรียมการป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ

จูเก๋อโยวหมินกับฉู่เหินรวมทั้งคนอื่น ๆ ในบ้านวายุ ไม่ได้สนใจว่าพรรคของตัวเองจะเป็นยังไง เนื่องจากหลายปีมานี้หัวหน้าพรรคละเลยพวกเขาบ้านวายุ จนพวกเขาไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว !

ในตอนที่พวกพรรควายุอัสนีเตรียมการป้องกัน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีพลังอำนาจมากจนพวกเขาตัวสั่น ! เพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่หวังเอาถึงชีวิต !

หัวหน้าพรรควายุอัสนีรีบระดมพลทั้งหมด รวมทั้งผู้อาวุโสคนอื่น ๆ แต่รวมกันแล้วกลับมีขั้นเทพดาราขั้นสูงสุดเพียง 2-3 คนเท่านั้น ! และนี่ก็คือขั้นพลังที่มากที่สุดของพรรคแล้ว แต่เมื่อมองเห็นคนเหล่านั้น พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกที่กำลังมานั้นแข็งแกร่งจนพวกตนเทียบไม่ติดเลย !

เพราะแบบนี้เมื่อทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าก็ตัวสั่นอย่างหวาดผวา พวกเขาไม่อยากจะต่อสู้ในสงครามที่เหมือนเอามือเปล่าไปทุบกับก้อนหินหรอกนะ ! แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนี้ ยังมีคนส่วนมากที่แม้จะตัวสั่นขาสั่น แต่ก็ยังมีแรงฮึดสู้อยู่เต็มเปี่ยม !

แรงกดดันนี้ทำให้ทุกคนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังเหล่านี้ ก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่หลบซ่อนตัวฝึกฝนพลังตนอย่างสงบลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมเพรียง ! แน่นอนว่าพรรควายุอัสนีที่ก่อตั้งมานานขนาดนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะไม่มีขุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง

เพียงแต่เหล่าผู้อาวุโสที่เร้นกายเหล่านี้ต่างก็ลึกลับเป็นปริศนาทั้งสิ้น ! แม้แต่หัวหน้าพรรคยังไม่อาจรู้รายละเอียดแน่ชัด ถ้าเขารู้ว่ามีผู้อาวุโสพวกนี้อยู่ล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะกลัวพรรคหมื่นพิษพวกนั้นเช่นนี้

แต่ขนาดพวกเขายังมีผู้อาวุโสลึกลับ แล้วพรรคหมื่นพิษจะไม่มีเชียวเหรอ !? เพราะแบบนี้ไม่ว่าทั้งสองจะมีบุญคุณแล้วแค้นอะไร ผู้อาวุโสลึกลับเหล่านี้ก็จะไม่เปิดเผยตัวตนออกมา นอกเสียจากพรรคจะมีอันตรายเข้ามาอย่างแท้จริง !

อย่างเช่นในตอนนี้พวกเขาสัมผัสได้ว่าขุมพลังที่เข้ามาใกล้ กับแววสังหารอันบ้าคลั่งที่ซ่อนอยู่ภายใน เช่นนี้พวกผู้อาวุโสลึกลับก็ไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป รีบลุกขึ้นมาดูสถานการณ์ดังกล่าวในทันที !

“สหาย ที่พวกท่านมาพรรควายุอัสนีของพวกเราในวันนี้มีธุระอะไรไม่ทราบ ?” ชายชราผมสีขาวโพลนในมือถือดาบยาว 3 ชุ่น(3นิ้ว) นัยน์ตาสีม่วงสว่างวาบ ! ยืนตะโกนก้องด้วยความโกรธเสียงดัง

พวกที่กำเริบเสิบสานเมื่อเห็นการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของคนเหล่านี้ พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าไปในทันที ! เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าพรรควายุอัสนีจะมีคนมีฝีมือมากถึงขนาดนี้ ! เดิมทีพวกเขาคิดว่าพรรควายุอัสนีมีขั้นที่มากกว่าเทพดาราไม่ถึง 3 คนด้วยซ้ำ !

เพราะแบบนี้พวกเขาถึงกล้าดาหน้ามาอย่างไม่เกรงกลัว แต่เมื่อมาตอนนี้พวกเขากลับพบว่าพรรควายุอัสนีมียอดฝีมือมากกว่า 5 หรือ 6 คน ! เช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่ครั้งนี้พวกเขาพายอดฝีมือมาไม่น้อย รวม ๆ แล้วน่ากลัวว่าจะมีประมาณ 7 หรือ 8 คน !

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท