ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 24 หนังสือหย่าให้เจ้า
กู้โม่หานหัวเราะเยาะในทันที และโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หนานหว่านเยียน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร! การแต่งงานครั้งนี้ เป็นพระกระแสรับสั่งของไทเฮา และเสด็จพ่อก็ทรงตอบรับด้วยพระองค์เอง เป็นความแน่นอนที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าอยากเปลี่ยนแปลง? คิดเพ้อเจ้อ! ”
“อีกอย่างหญิงสกปรกเช่นเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาพูดเรื่องหย่ากับข้า?! เจ้าสมควรเป็นภรรยาที่ถูกหย่าร้าง มีชีวิตอยู่อย่างน่าเวทนา ถูกผู้คนประณามและเหยียดหยาม! เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตที่ดีหรือ? เจ้าฝันไปเถอะ! ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของกู้โม่หาน ความหนาวเหน็บในใจของหนานหว่านเยียนก็ล้นทะลักออกมา
ท่าทางของกู้โม่หานที่มีต่อเจ้าของร่างเดิมนั้นแย่จนถึงขีดสุด จงเกลียดจงชังอะไรนักหนาถึงได้พูดกับภรรยาที่แต่งงานด้วยเช่นนี้!
“ท่านอ๋องไม่ต้องกล่าวมากมายนัก หากท่านไม่ตอบรับเงื่อนไขของข้าก็ไม่เป็นไร จะว่าไปไทเฮาก็ไม่ได้พบข้าเสียนาน คงอยากจะพูดคุยเรื่องเก่าๆ กับข้า เช่นนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮา แล้วพูดถึงการกระทำของท่านอ๋องเมื่อห้าปีที่ก่อน ไม่รู้ว่าไทเฮาที่ทรงชราภาพแล้ว นางจะโกรธใคร……”
หนานหว่านเยียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นไปตามที่กู้โม่หานกล่าว เป็นความแน่นอนที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และถูกกำหนดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่อาจกับคำได้ ตอนนี้นางเป็นเพียงพระชายาที่ถูกทอดทิ้ง แล้วนางจะทนต่อการพลิกผันได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางไม่คิดที่จะหันหลังกลับ
นางเพียงต้องการปักหลักและตั้งตัวที่จวนอ๋อง ดังนั้นจึงต้องคิดหาวิธีที่ดีให้กับตนเอง เพื่อความอยู่รอด และต้องได้รับอำนาจที่แท้จริงหรือหนังสือหย่า!
โดยแยกตัวออกจากคนเหล่านี้ให้เร็วที่สุด นางถึงจะสามารถพาบุตรสาวของนางออกไปให้ไกลได้
สีหน้าของกู้โม่หานไม่น่ามองมากนัก แต่เขารู้ว่าเรื่องฟ้องร้องเช่นนี้ หนานหว่านเยียนสามารถทำได้!
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เขาจึงระงับความโกรธและกัดฟันกล่าวว่า “ได้ ในเมื่อเจ้าไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าก็จะส่งเสริมเจ้า! แต่เจ้าอย่าคิดว่าที่ว่าจะได้อำนาจที่แท้จริงของพระชายา! ส่วนหนังสือหย่า ข้าสามารถให้เจ้าได้ แต่หลังจากนี้หนึ่งปี!”
ระยะนี้หนานหว่านเยียนทำตัวแปลกๆ ทำให้เขาสับสนเกี่ยวกับความคิดของนาง แต่นางเคยมีท่าทีที่ยืนหยัดต่อเขา ใช้กลอุบายที่ชั่วร้ายอำมหิตทุกอย่าง เพื่อที่จะได้เข้าไปในจวนอ๋องอี้!
แต่ในตอนนี้กลับหมกมุ่นอยู่กับการอยากได้หนังสือหย่าแผ่นหนึ่ง เขาไม่เชื่อว่าหญิงผู้นี้จะไปจากเขาและจวนอ๋องอย่างง่ายดาย! จะต้องมีลูกไม้อื่นอีกเป็นแน่!
อีกอย่างเขายังไม่ได้ตรวจสอบภูมิหลังของเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนั้นให้กระจ่าง!
เขาจะไม่ยอมให้นางเป็นอิสระเร็วขนาดนั้น!
“ครึ่งปี” หนานหว่านเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น
“นับว่าข้าไว้หน้าเจ้ามากแล้ว! หนานหว่านเยียน เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!” กู้โม่หานโกรธจัด
“ข้าขอคิดดูก่อน อีกเดี๋ยวเมื่อเจอไทเฮาแล้ว ข้าควรจะพูดคุยอะไรกับนางดี หรือจะพูดว่า……”
นี่เป็นคำขู่!
กู้โม่หานกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ “ครึ่งปีก็ครึ่งปี! เรื่องที่รับปากกับข้าไว้ หากเจ้าเปลี่ยนใจ ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น! ”
“ตกลง! ” ในที่สุดดวงตาของหนานหว่านเยียนก็สว่างขึ้น “แต่นี่เป็นเพียงการพูดปากเปล่า หากวันนั้นท่านอ๋องชักสีหน้าและปฏิเสธ ข้าจะไปเอาหนังสือหย่าจากที่ไหน?”
“เจ้ากังวลว่าข้าจะบิดพลิ้วหรือ?” กู้โม่หานหรี่ตาและหัวเราะเยาะ “ข้าไม่เหมือนเจ้า สิ่งที่พูดไปแล้ว ข้าย่อมทำได้!”
“ข้าแค่อยากได้ความสบายใจ” หนานหว่านเยียนกดดันทุกย่างก้าว
“บนรถม้าไม่มีกระดาษและพู่กัน ต่อให้ข้าอยากเขียนก็ต้องรอให้กลับไปที่จวนก่อน!” น้ำเสียงของชายผู้นั้นดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
หนานหว่านเยียนรีบเร่งที่จะหย่าร้างขนาดนี้เลยหรือ?
หนานหว่านเยียนหรี่ตาลง
ใครจะไปรู้ว่าชายผู้นี้จะกลับคำและจงใจหาเรื่องทะเลาะหรือไม่ แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ควรรีบแก้ไข!
หลังจากคิดเช่นนี้ นางก็ลุกขึ้นและจับมือของกู้โม่หานในทันที และกัดปลายนิ้วมือของชายผู้นั้นอย่างแรง ด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
กู้โม่หานสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย หนานหว่านเยียน! เจ้าบังอาจนัก!”
นางไม่สนใจเขาอย่างสิ้นเชิง ดึงผ้าไหมสีขาวออกมาจากตัว และเขียนหนังสือหย่าด้วยเลือดจากปลายนิ้วของชายผู้นั้น
กู้โม่หานเฝ้าดูการกระทำของนาง คิ้วอันหล่อเหลาขมวดขึ้นมา และร่องรอยของความประหลาดใจก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา
ไม่คิดเลยว่าเพื่อหนังสือหย่าแล้ว หนานหว่านเยียนจะรีบร้อนกัดมือของกู้โม่หาน!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือเขาไม่รู้สึกอึดอัดและรังเกียจเหมือนเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าริมฝีปากและฟันของนางจะพันรอบปลายนิ้วมือของเขา เขาอารมณ์อ่อนไหวเล็กน้อย……
แต่ไม่นานเขาก็ส่ายหัว และบังคับตัวเองให้สงบลง
หรือว่าเขายังไม่รู้หนานหว่านเยียนเป็นคนเช่นไร! นางเป็นหญิงที่มีพิษร้าย! เป็นบุตรสาวของคนชั่วที่มีความแค้นกับเขา และไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน!
“หนานหว่านเยียนเจ้าเป็นสุนัขหรือ! เอะอะก็กัดคน!” กู้โม่หานตะโกนใส่นาง “ปล่อย!”
“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวล ไม่นานก็เสร็จแล้ว!” หนานหว่านเยียนกัดฟันและกดมือของเขา จากนั้นก็จดจ่ออยู่กับการเขียนอักษรลงบนผ้าไหมสีขาว
เนื่องจากนางจริงจังมากเกินไป จนไม่สังเกตเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบกู้โม่หานไม่ได้ขัดขืน
ในขณะที่นางกำลังจะทำงานเสร็จลุล่วง ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเยาะของชายผู้นั้นก็ดังมาจากด้านบนหัว และกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ข้าคิดว่าห้าปีที่ผ่านมาเจ้าจะมีความก้าวหน้า ที่แท้ก็ยังโง่เขลาเหมือนเดิม”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” หนานหว่านเยียนเงยหน้าขึ้น และมองดูรอยยิ้มที่ถากถางบนใบหน้าอันหล่อเหลาของชายผู้นั้น ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“ใช้เลือดเขียนหนังสือหย่าไปก็ไม่เป็นผล เจ้าโง่” ดวงตาที่ถากถางของกู้โม่หานลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“……” แอบอ้าง! มีคำกล่าวนี้ด้วยหรือ!
หนานหว่านเยียนจ้องมองไปที่กู้โม่หานอย่างเกลียดชัง ฟันกรามด้านหลังของนางเสียงดังเอี๊ยด
ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้! ชายผู้นี้เสพติดความเจ็บปวดหรือ? ถูกนางกัดเปล่าๆ แล้วยังไม่พูดออกมา? ประสาท!
ในรถม้า หญิงผู้นั้นกัดฟันด้วยดวงตาที่ดุร้าย กู้โม่หานมองและรู้สึกขบขัน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
เป็นความเข้าใจของเขาหรือ
หนานหว่านเยียนดูเหมือนจะไม่ได้น่ารำคาญเหมือนเมื่อก่อนแล้ว……