ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 79 เจ้ามันบ้าไปแล้ว
หนานอี่ว์ได้ยินคำพูดนั้น ความขุ่นเคืองใจก็เพิ่มขึ้นทันที ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่ามารดาของนางไม่มีเหตุผล ดังนั้นนางจึงรีบพุ่งตัวเข้าไป แล้วทำการตบตีกับอีเหนียงสาม
“บ้าไปแล้ว!ข้าไม่มีมารดาอย่างท่าน!ท่านยังมีหน้ามาบอกว่าข้าน่ารำคาญอีกหรือ ท่านด่าว่าฮูหยินให้ข้าฟังทุกวัน ข้าไม่รำคาญหรือ!”
อีเหนียงสามยิ่งกลัวมากขึ้น นางยิ่งด่าแรงขึ้น “ดีมาก หนานอี่ว์ เจ้าใจกล้ามาก! ข้าคิดว่าข้าคงตีเจ้าเบาไป!”
หญิงสาวทั้งสองคนกำลังต่อสู้และด่าว่ากันไม่หยุด เหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า ทำให้ภาพลักษณ์ที่น่าเกลียดของอีเหนียงสามถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าพวกนางจะมีความเกลียดชังกันมากถึงเพียงนี้
ดวงตาของหนานหว่านเยียนสนุกสนานมาก นางนั่งจิบชาดูละครอย่างเพลิดเพลิน หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ความขัดแย้งระหว่างทั้งสามคงจะแตกหักกันอย่างสมบูรณ์!
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียง “เพี๊ยะ!” ดังขึ้นมา ทำให้ห้องโถงที่มีเสียงดังนิ่งเงียบไปทันที
ฮูหยินยืนอยู่ตรงหน้าสองแม่ลูก แล้วตบหน้าอีเหนียงสามอย่างไร้ความปรานี
อีเหนียงสามกุมหน้าที่ถูกตบจนร้อนผ่าวอย่างไม่อยากเชื่อ และมองไปทางฮูหยินด้วยดวงตาเบิกกว้าง
จากนั้น ก็มีเสียงตบหน้าดังขึ้นมาอีกครั้ง ฮูหยินยกมือตบหน้าหนานอี่ว์อีกครั้ง ดวงตาของหนานอี่ว์แดงก่ำท่าทางโกรธมาก
ฮูหยินโกรธมาก นางตะโกนเสียงดังไปทั่วห้องโถง “ใครก็ได้! จับอีเหนียงสามกับคุณหนูสามออกไป! พาไปขังไว้ในห้องไม่ได้รับอนุญาตห้ามให้พวกนางออกมา!”
ถ้าเช้านี้เฉิงเซี่ยงไม่สั่งไว้ ว่าวันนี้ห้ามให้เห็นเลือด นางคงเฆี่ยนผู้หญิงเสียสติสองคนนี้ห้าสิบไม้แล้ว ไม่สิ! หนึ่งร้อยครั้ง! ตีให้ตายเสียเลยยิ่งดี!
พอได้ยินเช่นนั้น บ่าวรับใช้ก็รีบเข้ามา มือข้างหนึ่งลากมือคนหนึ่ง พยายามดึงสองแม่ลูกออกไป
อีเหนียงสามไม่ยอม รู้ทั้งรู้ว่านางก่อเรื่องใหญ่แล้ว แต่นางก็ยังตะโกนด่าฮูหยินไม่หยุด “นางสารเลว เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า! แล้วยังคิดจะขังข้าไว้ในห้องอีก! ข้าจะฟ้องท่านพี่ เจ้ารอตายเถอะ!”
หนานอี่ว์พยายามดิ้นหนี ผมของนางยุ่งเหยิง ทำท่าเหมือนจะสู้กับอีเหนียงสามให้ตายกันไปข้าง “ปล่อยข้านะ! ปล่อย! มาจับข้าทำไม! ข้าคือคุณหนูสามนะ!”
“ท่านเองก็ด้วย! หยุดพูดได้หรือไม่! ถ้าพูดอีกพวกเราได้ตายเร็วขึ้นแน่! ท่านมันบ้า งี่เง่า ท่านทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้า! ข้าขอสู้ตาย!”
สองแม่ลูกตวาดด่าและตบตีกัน แต่ก็ยังถูกบ่าวรับใช้ลากออกไป
เสียงกรีดร้องสาปแช่งค่อยๆ จางหายไป ฮูหยินรู้สึกวิงเวียนศีรษะ โชคดีที่นางประคองเก้าอี้ข้างๆ ไว้ได้ จึงไม่ได้เป็นลมหมดสติไป
นางรู้สึกเหมือนมีกระแสน้ำอุ่นที่จะพุ่งออกมาจากอก สองแม่ลูกคู่นี้จะทำให้นางโกรธจนกระอักเลือดออกให้ได้เลยสินะ!
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียงอวี้และคนอื่นๆ ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ นางมองไปที่หนานหว่านเยียนแล้วกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
นางไม่รู้ว่าพระชายาทำได้อย่างไร แต่นางอยากจะพูดคำหนึ่ง——
ฝีมือของพระชายานั้น ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!
หนานหว่านเยียนเห็นว่าการแสดงจบลงแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นนางจึงกระแอมออกมา และพูดว่า “ท่านแม่ดูเหมือนจะงานยุ่งมาก ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าจำได้ว่าท่านลุงของข้ายังอยู่ในจวน ข้าไปเยื่ยมเขาสักหน่อย”
ฮูหยินคิดไม่ถึงเลยว่า หนานหว่านเยียนจะมาเห็นเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ นางรู้สึกอับอายขายหน้ามาก!
แววตาของนางโกรธแค้น นางเปร่งคำพูดออกมาผ่านซอกฟัน “ในเมื่อพระชายามีธุระอื่นต้องไปทำ ก็เชิญได้เลยเพคะ”
หนานหว่านเยียนเดินออกจากห้องโถงโดยไม่หันกลับไปมองอีก บ่าวรับใช้มองหน้ากันไปมา ทุกคนยังอยู่ในอาการตกใจในสิ่งที่อีเหนียงสามทำ และคงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะปรับอารมณ์ได้
หลังจากเดินออกจากประตู ในที่สุดเซียงอวี้ก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป นางมองไปทางหนานหว่านเยียน
“พระชายาเพคะ เหตุใดอีเหนียงสามถึงมีท่าทางเหมือนถูกผีเข้าสิงเลยเพคะ?”
คนปกติทั่วไป ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ จริงไหม? !
หนานหว่านเยียนยกยิ้มแต่ไม่พูดอะไร สายตาที่เย็นชาของนางเป็นประกายขึ้นมา
นางเองก็คิดไม่ถึงว่าฤทธิ์ยาลูกกลอนพูดความจริงจะใช้งานได้ดีเช่นนี้
ยังเหลือเม็ดสุดท้าย นางจะใช้กับผู้หญิงผู้หญิงเสแสร้งอย่างหยุนอี่ว์โหรวคนนั้น นางจะให้ทุกคนได้เห็น ว่าเบื้องหลังใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้น แท้จริงแล้วดุร้ายเพียงใด!
แต่ว่า หนานหว่านเยียนคิดไม่ถึงเลยว่ายาเม็ดที่เหลือจะถูกคนที่คาดไม่ถึงกินเข้าไป และจะได้รับข้อมูลที่นางคาดไม่ถึงมา…