กู้โม่หานหัวเราะเยาะในใจ
เวลาสั้นๆเพียงวันเดียว เขาก็รู้จักตัวตนที่แท้จริงของทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว
หนานอี่ว์รอดูตลกของนางอยู่ ตอนนี้ฮูหยินจะไม่ปล่อยนางกับอีเหนียงสามอีกแล้ว และนางก็รังเกียจหนานหว่านเยียนด้วย
ถ้าหนานหว่านเยียนกับฮูหยินสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ถึงเป็นสิ่งที่นางยินดีที่จะเห็นที่สุด
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว”แม่จะเอารางวัลพระราชทานที่ไทเฮาให้ข้าใช่ไหม?แต่รางวัลเหล่านี้ไทเฮาเป็นคนพระราชทานให้ จะให้คนอื่นไม่ได้ ท่านอ๋อง เจ้าว่าถูกต้องไหมเพคะ?”
ฮูหยินเย็นชาต่อเจ้าของร่างเดิม แม้กระทั่งยังปล่อยให้หมัวมัวในจวนเฉิงเซี่ยงรังแกเจ้าของร่างเดิม จะทำให้นางไม่แค้นได้อย่างไรล่ะ
กู้โม่หานคิดไม่ถึงว่าทำไมหนานหว่านเยียนจะผลักเรื่องมาให้เขา เขาเหล่ตา เพิ่งคิดจะอ้าปากถาม แต่เห็นว่านางยื่นกระดาษมาใต้โต๊ะ
ข้างบนเขียนไว้ว่า : ร่วมมือกับข้า ไม่งั้นข้าจะบอกเรื่องเมื่อคืนให้โหรวเอ๋อร์สุดที่รักของเจ้า!
กู้โม่หานขยำกระดาษ และจ้องไปที่รอยยิ้มของหนานหว่านเยียนอย่างโกรธ
ถึงแม้เขาบริสุทธิ์ แต่ไม่รู้ว่าหยุนอี่ว์โหรวจะคิดมากหรือเปล่า หากหนานหว่านเยียนบอกนางจริงๆ ยังไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นเลย
และยังสามารถทำให้จวนเฉิงเซี่ยงวุ่นวายภายใน เขาก็ยินดีที่จะเห็น
ส่วนเรื่องที่โดนขู่ รอกลับจวนอ๋องก่อน เขาค่อยจัดการหนานหว่านเยียนก็ได้!
ผู้ชายพูดด้วยเสียงเย็นชา”ฮูหยินพูดแบบนี้ เพราะได้รับคำสั่งจากเฉิงเซี่ยงหนานใช่ไหม?ไม่งั้นจะกล้าโละต่อรางวัลพระราชทานของไทเฮาได้อย่างไร”
ฮูหยินคิดไม่ถึงว่ากู้โม่หายจะช่วยหนานหว่านเยียน ยิ่งคิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะเกี่ยวโยงไปที่หนานฉีซาน ทำให้ปฏิกิริยาไม่ทัน
หนานฉีซานเหลือบตามองฮูหยินทีหนึ่ง ไม่มีสมองหรือไง หนานหว่านเยียนในตอนนี้ไม่ได้รังแกง่ายๆ สองวันนี้นางยังมองไม่ออกหรือ?
เขาแอบด่าในใจ แต่ภายนอกขมวดคิ้วและอ้าปาก
“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่กล้ามีความคิดกับรางวัลพระราชทานเหล่านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าฮูหยินก็แค่เป็นห่วงพระชายา ถึงแม้นี่เป็นรางวัลที่ไทเฮาพระราชทานให้พระชายา แต่ยังไงก็ได้แจ้งไว้ว่า ให้ส่งกลับไปที่จวนเฉิงเซี่ยง หากพระชายาไม่นำรางวัลกลับมา คงจะถูกคนอื่นกล่าวว่าเห็นแก่ตัวพ่ะย่ะค่ะ”
กู้โม่หานเหลือบตามองหนานฉีซานทีหนึ่ง”เฉิงเซี่ยงกำลังยุให้รำ ตำให้รั่วอยู่หรือ?”
หนานหว่านเยียนรีบพูดต่อ”ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านอ๋องเป็นคนตรงไปตรงมา อาจจะพูดตรงไปหน่อย แต่ท่านจะมาพูดเช่นนี้ก็ไม่ดีนะเจ้าคะ?”
สีหน้าของหนานฉีซานดำสนิท แอบใช้ขาเตะฮูหยิน”กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮูหยินกว่าจะรู้สึกตัวมาได้ รีบพูดว่า”เป็นความผิดของข้าเพคะ ขอให้พระชายายกโทษด้วยเพคะ แต่พระชายาก็ต้องรู้ว่า ตระกูลแม่ของท่านเป็นจวนเฉิงเซี่ยงตลอดเพคะ”
หนานหว่านเยียนกะพริบตา เหมือนจะยิ้มอยู่
“หากท่านแม่รู้สึกว่าข้ายังเป็นคนของจวนเฉิงเซี่ยง งั้นเรื่องบางอย่าง ท่านก็ต้องให้คำอธิบายกับข้าด้วยใช่ไหมเพคะ?สมมุติว่า สินเดิมของเข้ากับพระชายาเชิง ทำไมถึงต่างกันราวฟ้ากับดินเพคะ?”
ฮูหยินเปลี่ยนสีหน้าทันที ฝืนยิ้มและอ้าปาก
“พระชายาพูดอะไรเนี่ย แม่แท้ๆของท่านเสียชีวิตก่อน ข้าสมควรที่จะจัดเตรียมสินเดิมให้ท่าน ของพระชายาเฉิงและของท่าน ข้าให้เหมือนกัน”
จากนั้น นางก็เปลี่ยนเป็นพูดเรื่องอื่น”ว่าแต่ ทุกปีที่พระชายาเฉิงได้รับรางวัลพระราชทาน ล้วนจะเอากลับมาให้ที่จวนเฉิงเซี่ยง พระชายาเพคะ ท่านในฐานะที่เป็นคุณหนูสองของตระกูลหนาน ก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนพวกหนานอี่ว์นะเพคะ”
หนานหว่านเยียนดูถูกในใจ วิธีการปั้นน้ำเป็นตัวของฮูหยิน พัฒนาการขึ้นเรื่อยๆเลยนะ
หนานอี่ว์เห็นเช่นนี้ ก็ฉวยโอกาสซ้ำเติมเข้าไปอีก เพื่อสร้างแรงกดดันให้หนานหว่านเยียน”ใช้ไง ถ้ามีคนมาว่าพระชายาไม่กตัญญู มันจะไม่ดีต่อท่านอ๋องและจวนอ๋องอี้เพคะ ถึงแม้ข้ายังไม่ได้แต่งงาน แต่สิ่งเหล่านี้ข้าล้วนรู้หมดเพคะ”
พูดเสร็จ นางก็มองไปที่ฮูหยิน
ในเรื่องของหนานหว่านเยียน ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน!
แม้นางจะแค้นต่อฮูหยินขนาดไหน แต่ตอนนี้อีเหนียงสามเสมือนคนไม่เอาไหนเลย หากนางช่วยฮูหยินเอาชนะหนานหว่านเยียน อาจจะฟื้นคืนสีหน้ากลับมาได้ ถึงแม้ไม่ได้ แต่เห็นสองคนนี่สู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย นางก็ดีใจมากเช่นกัน
กู้โม่หานขมวดคิ้ว คืออยู่ว่าขั้นต่อมาหนานหว่านเยียนจะทำอะไร แต่พฤติกรรมต่อจากนี้ของนางทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ……
เห็นแต่ว่าหนานหว่านเยียนจับแขนเสื้อเอาไว้ ขอบตาแดง น้ำตาตกลงมาทีละเม็ด มองไปทางฮูหยินอย่างน้อยใจ
“ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่ในเรือนเย็นของจวนอ๋องมาห้าปี แต่กลับนำข้าเปรียบเทียบกับพระชายาเฉิง ปกติข้ามีชีวิตอย่างลำบาก กินอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง ไม่เห็นคนในตระกูลมาช่วยเลย ตอนนี้กว่าจะได้รางวัลราชทาน ท่านก็เร่งให้ข้ามอบออกมา ถ้าคนข้างนอกจะนินทาว่าข้าอกตัญญู ก็จะนินทาว่าจวนเสนาบดีไม่ยุติธรรมต่อข้าด้วยใช่ไหมเจ้าคะ?”
กู้โม่หานฟังจนขมวดคิ้ว
หนานหว่านเยียนโทษเขาที่ขังนางอยู่ในเรือนเย็นห้าปีหรือ?!
ฮูหยินคิดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะแสดงให้ดูอย่างน่าสงสาร”ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ แค่กลัวว่า……”
หนานหว่านเยียนขัดจังหวะพูดของนาง แกล้งร้องไห้อย่างอ่อนแอต่อไป
“ข้ายังจำได้ว่า ตอนที่พระชายาเฉิงแต่งงาน แม่ได้เตรียมสินเดิมให้นางมหาศาล กล่าวได้ว่าเป็นที่หนึ่งของแคว้นซีเหย่ ทุกคนล้วนอิจฉามาก แต่พอถึงข้า……”
นางเช็ดน้ำตา มองไปทางกู้โม่หาน”ปีนั้นท่านอ๋องรังเกียจว่าหม่อมฉันยากจน ถึงไม่เปิดเผยตัวตนใช่ไหม?ถึงกับให้หม่อมฉันทำพิธีกราบไหว้คนเดียวใช่ไหมเพคะ?”
กู้โม่หานคิดไม่ถึงว่า หนานหว่านเยียนจะใช้เรื่องนี้มาหาเรื่อง
แต่ใต้โต๊ะ มือข้างหนึ่งของหนานหว่านเยียนดึงเสื้อของเขาอย่างแรง สะกิดให้เขาร่วมมือ
ดวงตาของเขามืดมนไปหมด แต่พยายามระงับความโกรธในใจ
“เฉิงเซี่ยงหนาน เรื่องนี้ข้าก็อยากถามเช่นกัน เหตุใดพระชายาเฉิงในฐานะที่เป็นลูกเมียน้อย ถึงสามารถแต่งงานด้วยสินเดิมมหาศาล แต่พระชายาของข้า ในฐานะที่เป็นลูกเมียหลวง แต่สินเดิมกลับยังไม่เท่าประชาชนธรรมดาเลย!”
“เรื่องนี้ เป็นเพราะว่าเฉิงเซี่ยงดูถูกข้า หรือดูถูกลูกสาวของเจ้า?ถึงแม้ปีนั้นหน้าตาของพระชายาขี้เหร่และตัวอ้วน แต่ยังไงนางก็เป็นพระชายาของข้า!สินเดิมเหล่านี้ดูถูกข้าเกินไปหรือเปล่า”