เมื่อเห็นกู้โม่หาน ทุกคนต่างก็พากันคำนับ
และบ่นพึมพำในใจ
ท่านอ๋องทรงตรัสห้ามไม่ให้พระชายาดื่มสุราตั้งแต่เมื่อใด?
เซียงอวี้รู้สึกว่าท่าไม่ดี หยุนอี่ว์โหรวอาจจะพูดอะไรต่อหน้าท่านอ๋อง ทำให้ท่านอ๋องมาหาเรื่องพระชายา!
หนานหว่านเยียนมองไปยังกู้โม่หานที่เข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดำเหมือนก้นหม้อ นางก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ
ในเวลานี้กู้โม่หานไม่ได้ไปจู๋จี๋กับดอกบัวขาวน้อยของเขา เขามาหานางทำไม?
แล้วยังมาทำให้นางเสียอารมณ์อีก ข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว!
“ห้ามข้าดื่มตั้งแต่เมื่อใด ท่านอ๋องทรงยุ่งอะไรด้วย หรือว่าแม้แต่เรื่องการดื่มของข้าก็ต้องยุ่ง”
กู้โม่หานหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “ปริมาณที่เจ้ารินใส่แก้วนี้ ก็พอบอกได้ว่าจะดื่ม? ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้จวนอ๋องอี้ของข้าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ และไม่มีความสงบสุข!”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่ากู้โม่หานจะมาจับผิด
“เมื่อคืนเป็นอุบัติเหตุ ความสามารถในการดื่มของข้า เจ้าวางใจได้ อีกอย่างข้าก็ดื่มที่เรือนของข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? อยู่ตั้งไกล แต่ยื่นมือมาหาข้าที่เรือนเซียงหลิน เจ้าไม่มีอะไรทำหรือ?”
กู้โม่หานสำลักอย่างไม่มีสาเหตุและหางตากระตุก
อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองถึงอยากมาที่เรือนเซียงหลิน
ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และรู้มานานแล้วว่าหนานหว่านเยียนผู้นี้ปากสุนัข ย่อมคายงาช้างออกมาไม่ได้
เขายังคงวิ่งมาหาอย่างโกรธเคือง
แต่เขาเป็นท่านอ๋อง! จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากหนานหว่านเยียนที่ไหนกัน?
สีหน้าของเขามืดมน และน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้ามาหาเจ้าตัวเล็กทั้งสอง”
หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าวิธีการมาหาของกู้โม่หานนั้นไร้เหตุผล
แม้ว่าเด็กทั้งสองจะเป็นลูกสาวของเขา แต่เขาไม่ได้คุ้นเคยกับเด็กๆ แล้วจะมาหาเด็กๆ ทำไม?
นางมองกู้โม่หานด้วยสายตาเย็นชา “พวกเด็กๆ กำลังทำการบ้านอยู่ในห้อง หากไม่มีอะไรก็อย่ารบกวนลูกสาวของข้าเลย”
เซียงอวี้กระวนกระวายใจจนหัวใจเต้นระรัว
ทำไมพระชายากับท่านอ๋องถึงได้พูดจากันรุนแรงเช่นนี้?
ตั้งแต่โบราณมาไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่ดุร้าย ล้วนแต่ชอบความอ่อนโยนเช่นพระชายารองหยุน
ทำไมพระชายาถึงไม่รู้จักเสแสร้งบ้าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนรับใช้คนอื่นๆ ก็ถอยออกไปอย่างมีชั้นเชิง เซียงอวี้ค่อนข้างลำบากใจ และในที่สุดก็ถอยออกไปเช่นกัน
กู้โม่หานถูกหนานหว่านเยียนขัดขวาง และรู้สึกไม่สบอารมณ์
“คนเช่นเจ้าจะสอนหนังสือเด็กๆ ได้หรือ? เกรงว่าจะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กๆ!”
เดิมทีเขาคิดว่าการได้เจอเด็กๆ ทั้งสองจะอารมณ์ดีมากขึ้น แต่ตอนนี้เจ้าเด็กทั้งสองคนไม่อยู่ เขารู้สึกอึดอัดใจ และกลายเป็นศัตรูกับหนานหว่านเยียน
“ข้าว่าเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือให้พวกนางดีกว่า ดีกว่าให้เจ้าสอนตามอำเภอใจ!”
หนานหว่านเยียนไม่เข้าใจ กู้โม่หานผิดเพี้ยนอะไร ทำไมต้องจับผิดลูกสาวของนาง?
นางกอดอกและกล่าวว่า “เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านอ๋อง อีกครึ่งปีก็จะหย่ากันแล้ว แน่นอนว่าข้าจะเชิญอาจารย์มาสอนเด็กๆ”
หย่า หย่าอีกแล้ว!
กู้โม่หานรู้สึกอึดอัดใจมากยิ่งขึ้น
เขาสะบัดมือออกอย่างโหดเหี้ยมและพูดเสียงดัง “ไม่ได้! ข้าบอกว่าเชิญตอนนี้ก็ต้องเชิญตอนนี้! เด็กๆ อยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำตามอำเภอใจอีกต่อไป และสอนนิสัยที่ไม่ดีให้กับพวกนาง”
ในที่สุดหนานหว่านเยียนก็เข้าใจว่ากู้โม่หานอารมณ์ไม่ดี
นางไม่อยากจะคุยกับเขา และหันหลังเดินเข้าไปในห้อง “ข้าไม่เถียงกับเจ้าแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน หากทรงมีธุระ ท่านอ๋องก็ค่อยมาใหม่เถิด”
หนานหว่านเยียนกลับไปที่ห้อง และปิดประตูดัง “ปัง” ฝ่ามือของกู้โม่หานขวางไว้ไม่ให้นางปิดประตู
ความเกลียดชังในสายตาของชายผู้นี้รุนแรงมากขึ้น เมื่อครู่ตอนที่พ่อบ้านกาวกล่าวถึงค่ายทหาร เขาก็นึกถึงจวนเฉิงเซี่ยงที่อยู่เบื้องหลังหนานหว่านเยียน หนานฉีซาน และเสด็จแม่ของเขา
กระดูกนิ้วมือของเขาถูกวงกบประตูหนีบอย่างแรง
เขาเกลียดคนตระกูลหนาน! เสด็จแม่ไม่ฟื้นหนึ่งวันก็ทุกข์ทรมานหนึ่งวัน ความเกลียดชังที่เขามีต่อตระกูลหนานไม่มีวันจางหายไป แต่จะสะสมวันแล้ววันเล่า!
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแน่น “ท่านอ๋อง นี่คืออาณาบริเวณของข้า เจ้าไม่กลับไปที่เรือนของท่าน จะมาพัวพันกับข้าทำไม?”
ทันใดนั้นกู้โม่หานก็ถีบให้ประตูเปิดออก
“นี่เป็นจวนของข้า ข้าอยากไปที่ใดก็ได้ตามต้องการ”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้เหตุผลของกู้โม่หาน หนานหว่านเยียนก็โมโหในทันที นางยกริมฝีปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย
“ทำไม โหรวเออร์คนดีของท่านกลับมาที่จวน และปั้นหน้าแสดงอาการไม่พอใจ? ดังนั้นท่านจึงมาหาเรื่องข้า?”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น สีหน้าไม่น่ามองมากนัก ราวกับน้ำแข็งหมื่นปี
หนานหว่านเยียนคิดว่าเดาถูก ถากถางเขาอย่างไร้ความปรานี
และกล่าวว่า “ผู้หญิงของตนเองถูกผู้อื่นดูถูก ไม่มีท่าทีว่าจะไปทำลายจวนแม่ทัพ แต่มาระบายความโกรธใส่ข้า กู้โม่หาน ท่านช่างขี้ขลาดจริงๆ!”
กู้โม่หานจ้องมองไปที่นางอย่างแน่วแน่และเยาะเย้ย
เมื่อความโกรธของคนคนหนึ่งพุ่งถึงขีดสุด ก็จะเหลือเพียงแค่ความเกลียดชังอัยไร้ขอบเขต และความเกลียดชังนั้นจะเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นเมื่อเวลาผ่านไป
เช่นเดียวกับความเงียบสงบของพายุ ไม่แสดงออกมาให้เห็นแต่ก็น่ากลัว
“เจ้ารู้จักข้าค่อนข้างดี พูดมาสิ เจ้ายังรู้อะไรอีกบ้าง?”
สายตาของหนานหว่านเยียนเหมือนคมมีด “ข้าไม่ใช่พยาธิตัวกลมในท้องของเจ้า ข้าจะไปรู้อะไร?”
“ข้าไม่สนว่าเหตุใดถึงโกรธ โมโห ใครยั่วโมโหเจ้า เจ้าก็ไปแก้แค้นด้วยตนเอง ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชายจริงๆ อย่าไปสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องในจวนอ๋อง สนใจเรื่องของข้า ตอบแทนอีกฝ่ายด้วยวิธีการเดียวกันกับคนเหล่านั้น! ”
เช่นเดียวกับนางที่ไม่ยอมใคร
ทันใดนั้นเขาก็กักตัวหนานหว่านเยียนไว้ในอ้อมแขน และทุบกำปั้นไปที่หน้าต่าง ทันใดนั้นตะแกรงหน้าต่างก็ถูกกู้โม่หานทุบเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตาเดียว
“ตอบแทนอีกฝ่ายด้วยวิธีการเดียวกัน? เหอะ หนานหว่านเยียน เจ้าอาศัยการสนับสนุนจากจวนเฉิงเซี่ยงและไทเฮา ถึงได้กล้ายั่วยุข้าโดยไม่มีข้อห้าม! คิดว่าข้าไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้จริงๆ หรือ?! ”
ในขณะนี้สีหน้าของหนานหว่านเยียนมืดมนลง และหัวใจก็เย็นลงกว่าครึ่ง หากกำปั้นเมื่อครู่โดนนาง นางไม่ตายก็คงบาดเจ็บ!
“กู้โม่หาน เจ้าเล่นสนุกมากพอแล้วหรือไม่! เจ้าเห็นข้าแล้วขัดหูขัดตามากเพียงใด เกลียดข้ามากเพียงใด ข้าก็ยังเป็นพระชายาคนโปรดของไทเฮา นี่เป็นเสน่ห์ของข้า อีกอย่างเด็กทั้งสองคนก็อยู่ในห้อง! ข้าหวังว่าท่านยังจะมีความเป็นคน อย่าใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูกๆ ของข้า! ”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย กู้โม่หานก็ดูเหมือนจะเก็บอาการมากขึ้น
อันที่จริงเขาไม่ควรแสดงความเกลียดชังกับหนานหว่านเยียนต่อหน้าเด็กๆ
แต่คิ้วที่สวยงามของเขายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ข้าเห็นเจ้าแล้วขัดหูขัดตาจริงๆ และข้าก็รู้ว่าไม่ใช่หนานหว่านเยียน บอกมา! เจ้าเป็นใครกันแน่!”
หัวใจของหนานหว่านเยียนจมดิ่งลง แต่ต้องบังคับตัวเองให้สงบนิ่งและยิ้มเยาะ
“กู้โม่หาน เจ้าช่างน่าขบขันจริงๆ เมื่อห้าปีที่ก่อนท่านขังข้าไว้ในเรือนเย็น ห้าปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยออกมาข้างนอกเลยสักครั้ง ตอนน่านไปห้าปีผ่านแล้ว หมูยังเปลี่ยนไป นับประสาอะไรกับคน เอาแต่พูดว่าข้าไม่ใช่หนานหว่านเยียน เจ้ามีหลักฐานอะไร?! ”
“ข้าไม่ต้องการหลักฐาน! เพียงแค่เห็นเจ้า ข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่!”
หนานหว่านเยียนปฏิเสธที่จะยอมรับ และผลักหน้าอกของกู้โม่หานอย่างแรง
“ข้าจะพูดเป็นครั้งเป็นครั้งสุดท้าย กู้โม่หาน ข้าคือหนาน หว่าน เยียน! ทำไม ต้องให้ข้าตายก่อน ท่านถึงจะเชื่อหรือ?”
กู้โม่หานไม่เชื่อคำพูดของนาง แต่ไม่สามารถเถียงนางได้สักคำ
เขาจ้องมองนางอย่างเย็นชา “ไม่ว่าเจ้าจะใช่หนานหว่านเยียนหรือไม่ก็ตาม ข้าก็จะกำจัดจวนเฉิงเซี่ยงให้ได้”
“ชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่มีวันยอมให้คนในตระกูลหนานได้กำเริบเสิบสาน!”
เขาจะสืบภูมิหลังของเด็กทั้งสองคนให้ชัดเจน ก่อนที่หนานหว่านเยียนจะจากไป จะปล่อยให้ศัตรูอย่างหนานหว่านเยียนทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไม่ได้——