หนานหว่านเยียนตามหาลูกชายของเหล่าเสิ่นเจอแล้วอย่างนั้นหรือ? !
หนานหว่านเยียนหาเจอได้อย่างไร?
ทันใดนั้น กู้โม่หานถามออกมาด้วยความสงสัย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
รองแม่ทัพกวนมีใบหน้านอบน้อม กล่าวออกมาไม่ยอมหยุดว่า “มันก็เป็นเช่นนี้ พระชายาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ท่านออกไปได้มินาน……”
กู้โม่หานรับรู้เรื่องราวจากปากของรองแม่ทัพกวน รู้ว่าหลังจากหนานหว่านเยียนฟื้นขึ้นมา นางใช้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ช่วยเสิ่นจวินตามหาลูกชายของเขา และทุกอย่างแม่นยำเป็นอย่างมาก สิ่งซึ่งเหล่าเสิ่นและลูกชายของเขาพูดออกมาเมื่อสักครู่ทุกอย่างถูกต้อง มิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือพ่อลูกกันโดยแท้จริง!
กู้โม่หานรู้สึกตกใจมาก
ใช้แค่กระดาษไม่กี่แผ่นกลับสามารถระบุความสัมพันธ์ทางสายเลือดของทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเหลือเกิน!
รองแม่ทัพกวนยังคงเล่าออกมามิยอมหยุด ยกย่องหนานหว่านเยียนอย่างต่อเนื่อง
เขามิสังเกตเลยว่าสีหน้าของหนานหว่านเยียนซึ่งอยู่ด้านข้างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ดวงตาของนางหม่นหมอง อยากจะพูดแทรกออกมา แต่มิมีโอกาสให้นางได้พูดเลย
กู้โม่หานเพิกเฉยต่อคำชื่นชมที่รองแม่ทัพกวนมีต่อหนานหว่านเยียนอย่างสมบูรณ์ ประเด็นที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือกระดาษเพียงหนึ่งแผ่น เมื่อกลายเป็นสีเขียวก็สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้!
เขาเข้าใจแล้ว!
ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เหมือนกับดวงไฟ หันไปมองหนานหว่านเยียนราวกับเสื้อจ้องเหยื่อ
ดวงตาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้และความตื่นเต้น ซึ่งมาพร้อมกับความบ้าคลั่งซึ่งมิเคยมีมาก่อน
หากเขามีกระดาษแผ่นนั้น เขาก็สามารถรู้ถึงความเป็นมาของเด็กทั้งสองมิใช่หรือ……
เมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาอันร้อนแรงที่กำลังจ้องมองมา หนานหว่านเยียนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
นางละเลยเกินไป!
นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า มิง่ายเลยกว่าจะดึงความสนใจของชายผู้นี้มาจนถึงบัดนี้ได้ ภายใต้การกระทำนี้ของนาง เขาจะต้องนึกถึงตัวตนของเด็กขึ้นมาอีกครั้ง!
การกระทำของนาง แบบนี้มันเรียกว่าหาเหาใส่หัวมิใช่หรือไง!
หนานหว่านเยียนกลืนน้ำลาย ต้องการจากไปอย่างสิ้นหวัง
กู้โม่หานก้าวมาด้านหน้าของหนานหว่านเยียนในทันที เขาไม่พูดอะไรกับเสิ่นจวินสักคำ จับไปที่หลังคอของหนานหว่านเยียน จากนั้นพานางออกไปด้านนอก
“นี่ กู้โม่หาน เจ้าจะทำอะไร?”
“ท่านอ๋อง!” รองแม่ทัพกวนจ้องมองด้วยความประหลาดใจ พูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เขาหันศีรษะไปมองเสิ่นจวินซึ่งกำลังมึนงงอยู่เช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งสองมิเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้ว่า บางครั้งกู้โม่หานเองก็รู้จักทำอะไรไร้เหตุผลเช่นกัน……
กู้โม่หานพาตัวหนานหว่านเยียนออกมา พานางไปยังมุมห้องอันเงียบสงบ จากนั้นก็กดนางเข้ากับกำแพง
เขาจ้องนาง ถามออกไปโดยตรง “เจ้ามีสิ่งซึ่งสามารถทดสอบตัวตนของเด็กได้ เหตุใดเจ้าจึงมิยอมบอกข้า?”
ระหว่างทางซึ่งเดินมาเมื่อสักครู่ สมองของหนานหว่านเยียนทำงานอย่างรวดเร็ว นางคิดว่าควรจัดการกับเรื่องนี้เช่นไร
“ประวัติของเด็ก ข้ารู้อยู่แล้ว อีกอย่าง นั่นเป็นเพียงแค่เศษกระดาษธรรมดา มิได้มีประโยชน์แต่อย่างใด เจ้านำไปก็ไร้ประโยชน์”
นี่คือความจริง เป็นความจริงอันยิ่งใหญ่! ต่อให้มันตกไปอยู่ในมือของกู้โม่หานก็มิมีประโยชน์!
กู้โม่หานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์โกรธ “เจ้าไม่นำออกมา แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันไร้ประโยชน์? !”
โกหก หนานหว่านเยียนกำลังโกหก!
เขายิ้มออกมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอันตรายและความสงสัย “เจ้านำกระดาษที่ทดสอบสารเคมีไปซ่อนแล้วงั้นหรือ? เจ้านำไปซ่อนไว้ที่ไหน? !”
ขณะพูดออกมา เขาใช้มือของเขาคลำไปทั่วร่างกายของหนานหว่านเยียนเพื่อค้นหามัน “อยู่ตรงนี้หรือไม่? นำมันออกมา!”
หนานหว่านเยียนตกตะลึง นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้ เพื่อตรวจสอบประวัติของเด็กให้ชัดเจน เขาคลำไปรอบเอวของนาง ทำให้นางรู้สึกจั๊กจี้มาก
“หยุด!” หนานหว่านเยียนตบกู้โม่หานอย่างรุนแรง “นี่มิใช่เหตุผลที่เจ้าจะมาลวนลามข้า”
“นี่เจ้า!”
กู้โม่หานร้อนรนจนแทบลุกเป็นไฟ ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ “งั้นเจ้าก็นำมันออกมา”
“ข้าใช้มันหมดแล้ว หากในอนาคตข้าได้มันมา ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ ข้าเคยบอกกับเจ้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเจ้ามิเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงสองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย หากเจ้าทำนายออกมาแล้วพวกนางมิใช่ลูกสาวของเจ้าจริง เจ้าจะให้พวกนางคิดเช่นไร? ข้าจะอธิบายออกไปเช่นไร?”
พูดจบหนานหว่านเยียนก็ผลักอีกฝ่ายออก เตรียมตัวจะเดินจากไป
กู้โม่หานยื่นมือมาจับข้อมือของหนานหว่านเยียน ขังนางไว้ในอ้อมกอดของเขา
ต่อให้ตายเขาก็มิเชื่อว่าหนานหว่านเยียนใช้ของพวกนี้หมดไปแล้ว นางจะต้องจงใจมินำมันออกมาอย่างแน่นอน!
“ข้าไม่เชื่อ! เด็กสองคนนั้นเป็นลูกสาวของข้า! เจ้าก็แค่กลัวว่าข้าจะจำพวกนางได้!”
ผู้หญิงที่แสนร้ายกาจอย่างหนานหว่านเยียน อีกครึ่งปีนางก็จะจากไป ก่อนที่นางจะจากไป เขาจะปล่อยให้หนานหว่านเยียนพรากลูกสาวของเขาไปด้วยมิได้!
หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานโอบกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหัน ทำให้นางหมดอำนาจในการขัดขืน
“ข้ามีอะไรต้องกลัว กู้โม่หาน ข้าบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี และเด็กสองคนนั้นก็มิเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า!”
“ข้ามิเชื่อ ข้าแนะนำให้เจ้านำมันออกมา! มิเช่นนั้นข้าจะ……”
“เจ้าจะทำเช่นไร? ข้าจะบอกเจ้าไว้ วันนี้ข้าได้ช่วยลูกน้องที่ภักดีกับเจ้าทั้งสามคนไว้ เจ้าติดหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่กับข้า!”
ได้ยินเช่นนั้น สมองของกู้โม่หานกระจ่างขึ้นเป็นอย่างมาก
หนานหว่านเยียนพูดถูก หากวันนี้มิมีนาง พวกของเหล่าเสิ่นก็คงตายไปนานแล้ว ต่อให้ช่วยชีวิตกลับมาได้ ก็มิมีทางกลับมาพร้อมกับร่างกายครบสามสิบสอง พวกเขาจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างมิต้องสงสัย
ระหว่างการไตร่ตรอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอันแสนอบอุ่นของนาง เอวที่เรียวยาว ทำให้เส้นประสาทในร่างกายของเขาก็สั่นราวกับไฟช็อต สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และผลักหนานหว่านเยียนออกไปทันที
หนานหว่านเยียนคาดไม่ถึงว่าการกระทำของเขาจะกะทันหันเช่นนี้ มันเกือบทำให้นางล้มลง
นางหันศีรษะกลับมา จ้องมองกู้โม่หานอย่างดุเดือด
ข้ามแม่น้ำแล้วทำลายสะพาน ไอ้คนสารเลว!
ใบหูของกู้โม่หานแดงก่ำ แต่เขาจงใจเมินเฉยต่อสายตาของนาง กล่าวออกมาอย่างไร้ความรู้สึกว่า “มิช้าก็เร็ว ข้าจะต้องตามหาความจริงให้จงได้!”
นางมิยอมมอบกระดาษที่ทดสอบสารเคมีให้ก็มิเป็นไร มิช้าก็เร็วเขาจะต้องนำมันมาจากหนานหว่านเยียนให้ได้!
หนานหว่านเยียนเห็นกู้โม่หานต้องการกระดาษทดสอบซึ่งไร้ประโยชน์ด้วยความจริงจัง นางรู้สึกตลกเล็กน้อย
แต่จะให้ทำเช่นไร ยิ่งกู้โม่หานต้องการ นางก็ยิ่งปฏิเสธ ลองมาดูกันว่าเขาจะทำเช่นไรต่อไป!
แต่สิ่งซึ่งหนานหว่านเยียนมิรู้ก็คือ กู้โม่หานกำลังหมกมุ่นอยู่กับกระดาษทดสอบของนาง รวมถึงร่างกายของนางด้วย……