ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 183 ให้โหรวเอ๋อร์ปรนนิบัติท่านอ๋องพักผ่อนเถอะ
นางเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของนางเริ่มพร่าเลือน นางพยายามกระพริบตาฝืนกลั้นให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป
ที่แท้ นางคิดมาโดยตลอดว่าพวกลูกสาวห่างนางไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง เป็นนางเองต่างหากที่ห่างจากพวกลูกสาวไม่ได้…..
หนานหว่านเยียนเดินออกจากห้อง มาถึงเรือนพักแล้วรวบรวมความคิดของตัวเอง
เซียงอวี้บังเอิญมาถึงพอดี เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนสองตาก็อดเป็นประกายสว่างวาบไม่ได้ “พระชายา! ท่านกลับมาเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ?”
หนานหว่านเยียนซ่อนความรู้สึกที่ล้นทะลักออกมาจากส่วนลึกในดวงตา แล้วมองไปที่เซียงอวี้
“เมื่อครู่นี้เอง จริงสิ วันนี้อาจี้ได้แวะมาที่นี่ เล่าสถานการณ์ของท่านน้าให้ฟังบ้างหรือเปล่า?”
ตามกำหนดในใบสั่งยาของโม่หวิ่นหมิง คือสามวันเปลี่ยนครั้ง วันนี้ถึงกำหนดแล้ว
เป็นไปตามคาด เซียงอวี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “มาแล้วเจ้าค่ะ เด็กรับใช้คนนั้นยังบอกด้วยว่า ช่วงนี้น้าชายของท่านนอนหลับสนิทดี ไม่มีอาการไอแล้ว ดูมีสุขภาพดีขึ้นมากทีเดียว”
“เขายังบอกด้วยว่า น้าของท่านบ่นคิดถึงท่านทั้งวันทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ บอกว่าถ้าท่านมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ก็อยากให้ไปเยี่ยมไปหาเขาบ่อย ๆ”
เมื่อหนานหว่านเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ดวงตากระจ่างใสปรากฏแววอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
แต่เห็นได้ชัดว่าเซียงอวี้ยังมีเรื่องอื่นอีก นางอึกอักลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแฝงแววตื่นเต้นในลักษณะอยากชวนซุบซิบอยู่ในที
“หลายวันมานี้พระชายากับท่านอ๋องอยู่ในวัง คิดว่าคงจะ…..เรียบร้อยแล้ว… พูดสั้น ๆ คือความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับท่านอ๋อง เริ่มจะอบอุ่นกลมเกลียวขึ้นบ้างแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
นางเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระชายากับท่านอ๋องมาทั้งวัน ในเมื่อครั้งนี้เป็นเพราะไทเฮาทรงเรียกตัวให้ไปเข้าเฝ้า เช่นนั้นแล้ว พระชายากับท่านอ๋องก็น่าจะมีพัฒนาการที่ดีต่อกันขึ้นบ้างแล้วสิ?
หนานหว่านเยียนในตอนนี้ ถ้าพูดถึงกู้โม่หานขึ้นมาเมื่อไหร่ สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
นางตอบกลับด้วยคำพูดที่ไม่ต่างจากการสาดน้ำเย็นจัดอ่างใหญ่ ๆ ใส่เซียงอวี้อย่างไร้ความปราณี
“ความแค้นลึกล้ำ อาฆาตพยาบาทไม่จบไม่สิ้น ข้ากับเขาถูกกำหนดให้ต้องเกลียดชังจองเวรจองกรรมกันเรื่อยไป จะมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกลมเกลียวได้อย่างไรรึ?”
เซียงอวี้เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางแดดจัด ๆ มองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยอาการตกตะลึงอึ้งค้าง คิดอยากพูดอะไรออกมาบ้าง แต่กลับพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
นางพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับหยีเฟย อยู่บ้างเล็กน้อย
ได้ยินว่าในตอนนั้นที่หยีเฟยเกิดเรื่อง ข่าวลือของนางแพร่กระจายออกไปจนวุ่นวายโกลาหลไปทั้งเมือง ถ้าไม่ใช่เพราะมีฮองเฮาช่วยออกหน้าปกป้องเฉิงเซี่ยง รวมถึงมีขุนนางหลายคนที่ออกมาช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเฉิงเซี่ยง น่ากลัวว่าตอนนี้จวนเฉิงเซี่ยงคงได้ล่มสลายหมดไม่มีเหลือไปนานแล้ว ส่วนพระชายาก็คงไม่มีโอกาสได้แต่งให้กับท่านอ๋องแน่…..
แต่เรื่องของหยีเฟยจะเป็นแค่เพราะกินผิด จนทำให้กลายมาเป็นแบบนี้ได้เลยเชียวหรือ?
ในเวลานั้น หยีเฟยเป็นถึงพระสนมชั้นกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในหกตำหนักเชียวนะ ทั้งยังเป็นคนฉลาดหลักแหลม นางจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ออกมาได้จริง ๆ น่ะหรือ…..
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางก็หวังว่าท่านอ๋องกับพระชายาจะสามารถคลายปมแค้นในใจให้เร็วที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นรักใคร่ปรองดองกันได้สักที…..
“พระชายา ท่าน….” ในที่สุดเซียงอวี้ก็กลับมาตั้งสติได้ นางเพิ่งจะอ้าปากพูด กลับพบว่าหนานหว่านเยียนหายไปแบบไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว นางเกาหัวยิก ๆ “พระชายาถึงกับไปตั้งนานแล้ว ทำไมข้าไม่ทันสังเกตเห็นสักนิดเลยล่ะเนี่ย?….. ”
หนานหว่านเยียนกลับมาถึงเรือน ตรงไปนั่งที่โต๊ะ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าอันงดงามดวงนั้นก็ดูเคร่งเครียดจริงจังขึ้นหลายส่วน
“เอาล่ะ หนานหว่านเยียน มาวางแผนสะสางเรื่องที่ได้เจอช่วงนี้ให้ชัดเจนกันเถอะ!”
นางหยิบถ้วยชาใบหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ “นี่คือหนานชิงชิง นางลอบสังหารข้า ก็เพราะกู้โม่หาน”
แม้ว่าแรงจูงใจในการฆ่าของหนานชิงชิงจะไม่ชัดเจนพอ แต่โดยพื้นฐานแล้วก็มั่นใจได้ประมาณแปดเก้าส่วนจากเต็มสิบ นางจะไม่ถึงกับอยู่เฉย ๆ ให้คนลงมือโจมตี หรือหลบหลีกอย่างไร้ทิศทางเหมือนเมื่อก่อนอีก
หนานหว่านเยียนหยิบถ้วยชาออกมาอีกใบ “นี่คือท่านน้า ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวจนดีขึ้นบ้างแล้ว ต้องหาโอกาสรับเขามารักษาตัวให้หาย”
แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ดี ๆ อีกรอบ หนานหว่านเยียนก็พบกับปัญหายากขึ้นมาอีกข้อ
โม่หวิ่นหมิงไม่ใช่น้าแท้ ๆ ของนาง พวกเขาสองคนไม่ใช่ญาติกัน อีกทั้งโม่หวิ่นหมิงยังเป็นผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก ๆ ด้วย ถ้าถูกนางรับตัวมาทั้งอย่างนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องถูกคนเอาไปเล่าลือจนเสื่อมเสียได้แน่
ยิ่งไปกว่านั้น คงหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะมีคนคอยยุแยงขัดแข้งขัดขาไม่ได้
แต่ถ้าจัดที่ทางให้เขาอยู่นอกจวนก็ไม่ปลอดภัย แต่จะอย่างไรสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ก็มีคนจำนวนมากที่หมายชีวิตนาง โดยเฉพาะหยุนอี่ว์โหรวกับหนานชิงชิง แม่ดอกบัวขาวจอมสับปลับสองดอกนี้ คงแทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากจะกำจัดนางไปให้พ้นทาง แล้วให้ตัวเองได้เข้ามาแทนที่แทบแย่แล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ หนานหว่านเยียนก็ได้แต่ลอบถอนใจ หนานชิงชิงก็ถือว่าช่างเถอะ เพราะยังไงก็เป็นถึงพระชายาเฉิง แถมยังมีฮองเฮาเป็นที่กำบังให้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากจะรับมือ
แต่แม่ดอกบัวขาวหยุนอี่ว์โหรวคนนี้ เคยตกอยู่ในกำมือของนางจนแทบจะเป่าสมองให้กระจุยได้ตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่เพราะอ๋องชาติหมาสารเลวนั่นคอยปกป้องนางอยู่ตลอด ป่านนี้คงจะไม่มีที่ว่างให้เจ้าหล่อนได้เต้นแร้งเต้นกาอยู่แบบนี้แน่!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หนานหว่านเยียนก็ตัดสินใจว่ารับตัวโม่หวิ่นหมิงมาอยู่ที่เรือนเซียงหลินจะเป็นการดีที่สุด อาจี้อายุมากกว่ายัยหนูน้อยทั้งสองไม่มาก ยังพอให้อยู่เป็นเพื่อนกันได้
ทักษะการใช้กลศาสตร์ของโม่หวิ่นหมิงอยู่ในระดับขั้นสุดยอด ให้เขามาอยู่ในจวน มีผู้คุ้มกันที่เหมาะสมรอบด้าน ที่สำคัญเขาจะทุ่มเทจนสุดความสามารถเพื่อปกป้องยัยหนูทั้งสอง รอให้ถึงครึ่งปีเมื่อครบกำหนดหย่า นางก็จะพาท่านน้าไปกับนางด้วย!
หนานหว่านเยียนคิดเรื่องนี้เสร็จ ก็พยักหน้า
จากนั้นก็มองบรรดาถ้วยชาที่เหลือ หยิบถ้วยใบที่ใหญ่ที่สุดออกมา แล้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง “กู้โม่หาน!”
ไม่ว่าจะเป็นนางในฝันก็ดี หรือหนี้รักเก่าอย่างหนานชิงชิงก็ช่าง ต่างก็ไม่มีใครทำให้นางปวดหัวได้
กู้โม่หานต่างหากที่รับมือได้ยากจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่เขาเล็งความสนใจไปที่ยัยหนูทั้งสอง นางกลัวเหลือเกินว่าจะยื้อไปได้ไม่ถึงกำหนดหย่า กู้โม่หานก็จะสืบจนพบภูมิหลังของเด็กน้อยทั้งสองได้เสียก่อน!
ดังนั้นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุด ยังไงก็ต้องเป็นการแก้ปัญหาของทางลูก ๆ ก่อน
กู้โม่หานไม่ใช่ว่าอยากได้ผลทดสอบความเป็นพ่อลูกหรอกเหรอ ? ถ้างั้นนางจะช่วยเขาเอง!
หนานหว่านเยียนวางแผนตามความคิดของตัวเอง จิตใจรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งขึ้นมาก
แต่พอคิดดูอีกที นางก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น
หากคิดจะพาตัวโม่หวิ่นหมิงกลับมาที่จวน อยากมีสิทธิ์สั่งการในจวน อยากดูแลประคับประคองเด็ก ๆ ได้อย่างปลอดภัย ทั้งหมดนี้ล้วนต้องมีอำนาจ
ตอนนี้นางมีตำแหน่งพระชายาแค่ในนาม แต่กลับไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง…..
หนานหว่านเยียนนั่งท้าวคางครุ่นคิดกับตัวเองเงียบ ๆ ไม่นานประกายมุ่งมั่นสายหนึ่งก็วาบผ่านดวงตาใสกระจ่างของนาง
ไม่ยอมให้หย่าใช่มั้ย? ถ้างั้นก็จงมอบตำแหน่งผู้มีอำนาจดูแลจวนแห่งนี้ ใส่พานมาประเคนให้นางถึงที่ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเองซะ ——
อีกด้านหนึ่ง
ในรถม้า ในที่สุดกู้โม่หานก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนพละกำลังกลับมาได้อย่างยากลำบาก ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและกระดูกสามสี่ครั้ง ดวงตาเย็นเยียบมืดทะมึน
หนานหว่านเยียน!
เท้าหน้าเพิ่งจะก้าวเข้าไปในเรือนซีเฟิง เท้าหลังยังไม่ทันยกตาม หยุนอี่ว์โหรวก็โผล่มาราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เดินนวยนาดแช่มช้อยเข้ามาหาทันที
“ท่านอ๋อง”
กู้โม่หานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
นางเอาใจใส่หาใดเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของกู้โม่หานแล้ว แววตาก็พลันชะงักไป ก่อนจะมองด้วยสายตาห่วงใยใส่ใจยิ่งขึ้น
“ท่านอ๋องนั่งรถมาเหนื่อย ๆ โหรวเอ๋อร์เตรียมขนมอบที่ท่านชอบไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ”
กู้โม่หานมองไปที่ขนมอบสีสันสวยงามในมือของนาง ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารสักนิด แต่ก็พูดอย่างอ่อนโยนกลับไปว่า: “ลำบากโหรวเอ๋อร์แล้ว วันหลังงานประเภทนี้สั่งให้คนรับใช้ทำก็พอ เจ้าไม่ต้องทำเองหรอก”
“ขอแค่ท่านอ๋องมีความสุข จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน โหรวเอ๋อร์ก็เต็มใจเจ้าค่ะ” หยุนอี่ว์โหรวเห็นว่าเขาไม่กินก็ไม่โกรธ แค่ยกยิ้มน้อย ๆ
“สองวันนี้ที่ท่านอ๋องเข้าวัง คิดว่า…..คงจะมีความสุขมาก เดิมทีเสด็จย่าไทเฮาก็ทรงคิดถึงพระชายาอยู่เสมอ เมื่อวานท่านกับพระชายาเข้าวังพร้อมกัน นางคงจะยินดีมากใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ทันใดนั้นดวงตาของกู้โม่หานก็เย็นเยียบลงมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ไทเฮาทรงมีความสุขดี”
“แล้วท่านอ๋องไม่มีความสุขหรือเจ้าคะ?” หยุนอี่ว์โหรวรีบแสร้งทำเป็นประหลาดใจ เดินไปหยุดข้าง ๆ กู้โม่หาน “เป็นไปได้อย่างไรกัน? โหรวเอ๋อร์พูดอะไรผิดไปหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”
หยุนอี่ว์โหรวแอบเลิกคิ้วน้อย ๆ แต่ในใจกลับเย็นชา
ดูไปแล้วเหมือนว่า หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน จะไม่ได้บรรเทาความขัดแย้งแต่เดิมที่มีให้เบาบางลง แต่กลายเป็นว่ากู้โม่หานยิ่งไม่ชอบขี้หน้าหนานหว่านเยียนยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้แล้ว ว่าหนานหว่านเยียนจะต้องทำตัวยโสโอหังอีก หรือไม่ก็ทำเรื่องเลวร้ายอะไรบางอย่างแน่!
นางรู้สึกดีใจแทบคลั่ง แต่ฉากหน้ากลับไม่ได้แสดงออกมากมาย น้ำเสียงที่ถามไถ่นุ่มนวล
“ในเมื่อท่านอ๋องเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นให้โหรวเอ๋อร์ปรนนิบัติท่านอ๋องพักผ่อนเถอะนะเจ้าคะ…”