ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 258 ลากตัวออกไป ประหาร!

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่258 ลากตัวออกไป ประหาร!

“ผู้ที่สั่งให้กระหม่อมทำแบบนี้ ก็คือหว่านเฟยพ่ะย่ะค่ะ!”

หมอหลวงหลี่ตกใจจนขาสั่นเทา น้ำตาไหลพราก เป็นความกลัวที่พูดไม่ออก

เขาจะบอกชื่อของคนผู้นั้นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่งั้น ครอบครัวของเขาต้องตายหมดแน่!

หว่านเฟย?

นั่นเป็นสนมใหม่ของฮ่องเต้เมื่อครึ่งปีก่อนไม่ใช่เหรอ? นางกล้าขนาดนั้นเชียวเหรอ กล้าสั่งให้หมอหลวงทำร้ายคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำร้ายหยีกุ้ยเฟยอีก!

ทุกคนต่างก็ตกใจกันหมด แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องตกใจ

หนานชิงชิงมองดูหน้าหมอหลวงหลี่ สายตากลับประกายไปด้วยความโหดเหี้ยม

หว่านเฟย? คนที่ช่วยนาง คือหว่านเฟยเองเหรอ

กู้โม่หานสีหน้าเย็นยะเยือก “เจ้ายังโกหกอีก?!”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ทำไมถึงลากสนมออกมาเกี่ยวด้วยล่ะ?!

หนานชิงชิงเห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องด้วย หมอหลวงหลี่กลับไม่ยอมพูด?!

หมอหลวงหลี่อดไม่ได้ตัวสั่น “กระหม่อมไม่กล้าพูดโกหก! ขอฝ่าบาทตรวจสอบด้วย สั่งคนเชิญหว่านเฟยมาก็รู้แล้ว!”

ชีกุ้ยเฟยไม่อยากจะเชื่อเลย นางใจเย็นและเงียบมาก ตอนนี้กลับพูดออกมาครั้งแรก น้ำเสียงของนางอ่อนโยนมาก

“หมอหลวงหลี่ รู้หรือไม่ว่า การใส่ร้ายสนม เป็นความผิดอันใหญ่หลวง?”

หมอหลวงหลี่ร้องไห้สะอื้น “กระหม่อมรู้ รู้ทั้งหมด แต่เป็นฝีมือของหว่านเฟยจริงๆ ขอฝ่าบาทอย่าประหารเจ็ดชั่วโคตรเลย กระหม่อมหน้ามืดตามัว ยอมสารภาพทั้งหมด ไม่กล้าโกหกอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ……”

ฮ่องเต้โกรธจัด ตะคอกไปยังด้านนอกตำหนักอู๋ขู่ “พวกเจ้า! ไปนำตัวหว่านเฟยมา! ข้าจะสอบถามเอง!”

ทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนักไม่กล้ารอช้า นำกำลังคนไปจับตัวหว่านเฟย

ขณะนั้น ตำหนักอู๋ขู่เงียบกริบ บรรยากาศตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก แต่ทุกคนก็รอดูสถานการณ์ต่อไป

ไม่นาน หว่านเฟยก็ร้องไห้โดนพวกทหารนำตัวมา “พวกเจ้าปล่อยข้านะ! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?! ข้าเป็นสนมรักของฝ่าบาท! ถ้ากล้าทำร้ายข้าแม้แต่ปลายนิ้ว พวกเจ้าต้องโดนลงโทษแน่!”

หนานหว่านเยียนหรี่ตามองนาง หว่านเฟยใบหน้างดงาม ว่ากันว่าเป็นสนมรักของฝ่าบาท คนแบบนี้ จะฆ่าคนไปทำไมกัน?

นางมองไปยังหนานชิงชิง หนานชิงชิงเสแสร้งได้ดีมาก ตอนนี้หลบอยู่หลังอ๋องเฉิงตลอด กลัวจะถูกนางจับไปตรวจสอบ

เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือหนานชิงชิง ตามหลักนิสัยของหนานชิงชิง ถ้าไม่ได้ทำผิดจริง ไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆแน่นอน

ฮ่องเต้โมโหจัด ความโกรธเข้าครอบงำ เขาตบโต๊ะเสียงดังลั่น มองหว่านเฟยด้วยสายตาเย็นชา

“สนมที่ข้ารักที่สุด? หว่านเฟย เจ้าบังอาจยิ่งนัก! กล้าแอบอ้างบารมีต่อหน้าข้า ยังกล้าลอบสังหารหยีเฟยอีก?!”

“ข้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว เจ้าถึงได้กล้าทำตัวสามหาวเช่นนี้!”

หว่านเฟยตกใจจนหน้าเสีย

“ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่ได้ทำจริงๆนะเพคะ!”

กู้โม่หานสีหน้าบึ้งตึง เสด็จแม่ของเขาไปทำอะไรคนพวกนี้กัน?! แม้แต่คนที่ใกล้ตายแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป!

“ตรวจสอบแล้ว ค่อยบอกว่าโดนใส่ร้ายหรือเปล่าก็ได้”

เขามองไปยังหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนเอาไป่จื่อเซียงเดินไปตรงหน้านาง รมควันมือของนางเบาๆ

สุดท้าย เป็นสีม่วง

ทุกคนตกใจกันหมด ต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

ชีกุ้ยเฟยปิดปากด้วยสีหน้าตกตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ

“หว่านเฟย ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้? กล้าทำร้ายหยีเฟย เจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่าบาทจะเสียใจแค่ไหน ยังบอกว่าโดนใส่ร้ายอีก เจ้ายังไม่รีบสารภาพอีกเรอะ?!”

หว่านเฟยยังอึ้งอยู่ มองฝ่ามือที่เปลี่ยนเป็นสีม่วง และได้ยินเสียงของชีกุ้ยเฟย เงยหน้าสบตากับนาง

ทันใดนั้นสายตาของหว่านเฟยก็กลายเป็นความกลัว แล้วรีบเปลี่ยนคำพูด

“เป็นฝีมือหม่อมฉันแล้วมันยังไง? เรื่องมาถึงวันนี้ ข้าก็ถูกเปิดเผยแล้ว งั้นก็พูดตามตรงแล้วกัน หยีเฟยก็เป็นแค่คนที่ใกล้ตายแล้ว แต่ฝ่าบาทก็ยังเป็นห่วง หม่อมฉันไม่ชอบชี้หน้านาง หม่อมฉันอยากได้ใจของฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียว หม่อมฉันอยากฆ่านาง มีความผิดด้วยเหรอ?!”

หว่านเฟยพูดอย่างโมโห แต่ละคำพูดเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อหยีเฟย

ทุกคนต่างก็มองหว่านเฟยอย่างไม่อยากจะเชื่อ ฮ่องเต้ก็โกรธมาก ไม่อยากพูดอะไรอีก และไม่อยากถามไถ่อะไรให้มากความ เขาพูดอย่างโมโหว่า: “พวกเจ้า! หมอหลวงหลี่กับหว่านเฟยรวมหัวกัน พยายามฆ่ากุ้ยเฟย ลากตัวออกไป! ประหารซะ!”

หมอหลวงหลี่ไม่มีโอกาสได้ร้องขอความยุติธรรมด้วยซ้ำ หว่านเฟยก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสองร้องโอดครวญอย่างทรมาน ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลย ก็ต้องถูกประหารแล้ว

ทุกคนไม่ได้พูดอะไรมาก แค่มองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

กู้โม่หานมองดูด้วยสายตาเฉียบแหลม สายตาบีบบังคับ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก

ที่จริงเขาก็สงสัย ทั้งสองไม่เคยเจอกันเลย ทำไมถึงมีความแค้นกันได้? และหว่านเฟยกำลังเป็นสนมรัก แต่กลับคิดจัดการคนที่นอนอยู่บนเตียง เสด็จแม่ของเขาที่ขยับตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

ไม่สมเหตุสมผลเลย

หนานหว่านเยียนกลับเบิกตาโพลงมองฮ่องเต้ที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

นางรู้สึกว่าเหตุผลที่สนมรักพูดมันดูไม่สมเหตุสมผลเลย คนที่ไม่ได้รับความรัก มักจะอิจฉาผู้ที่ได้รับความรัก ยังไม่เคยเห็นคนที่ได้รับความรักแล้ว อิจฉาคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นสิบปีแบบนี้

และหว่านเฟยไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย ทั้งที่ยังสาวอยู่ น่าจะรีบคลอดลูกชาย ทำไมถึงคิดจัดการหยีเฟยล่ะ?

แต่ฮ่องเต้ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาเลย และเขาก็ไม่สนใจว่าใครจะทำร้ายหยีเฟย แค่อยากให้เรื่องนี้จบไปเร็วๆ……

หนานหว่านเยียนรู้สึกได้ว่า เรื่องในวังนี้ นางเข้าร่วมไม่ได้แน่นอน

นางต้องเอาตัวเองออกมาเร็วๆ ออกจากการควบคุมของฮ่องเต้ ขณะเดียวกัน ก็ปกป้องตัวตนของลูกสาวสองคน รีบหย่าโดยเร็ว

ฮ่องเต้มองไปยังฮองเฮาที่ยังแปลกใจ แล้วกล่าวโทษว่า “ฮองเฮา นี่เป็นหลังวังที่เจ้าดูแลงั้นเหรอ?!”

“ตั้งแต่วันนี้ไป ดูแลสนมในวังนี้ให้ดี ถ้ามีครั้งหน้าอีก ข้าจะลงโทษเจ้าแน่!”

ฮองเฮาสูดหายใจเข้าลึกๆ “หม่อมฉันผิดเองเพคะ ต่อไปจะจัดการดีๆ ขอฝ่าบาทให้อภัย”

ชีกุ้ยเฟยมองดูท่าทางที่ต่ำต้อยของฮองเฮา สายตาเป็นประกาย นางอ่อนโยนและมีเมตตา จับมือฮ่องเต้แล้วพูดปลอบว่า “ฝ่าบาทอย่าโกรธเลย พี่สาวไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จะว่าไป วันนี้ต้องขอบใจพระชายาอี้มากเลยนะ”

นางมองดูหนานหว่านเยียนแล้วยิ้มให้เล็กน้อย ฮ่องเต้ก็หันหน้าไป มองดูหนานหว่านเยียนด้วยสายตามืดมน

“พระชายาอี้ วันนี้เข้าใจผิดเจ้า แต่การรักษาของเจ้าก็ต้องอธิบายให้คนอื่นเหมือนกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดได้ง่าย โดนคนอื่นใส่ร้าย สร้างความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น”

“เพคะ ลูกจะระวังตัวมากกว่านี้เพคะ” หนานหว่านเยียนรับคำสั่ง มองดูฮ่องเต้เดินจากไป

รอทุกคนแยกย้ายกันแล้ว ตำหนักอู๋ขู่ก็เหลือแค่อ๋องเฉิง อ๋องอี้สามีภรรยาสองคู่

หนานชิงชิงรู้สึกเหมือนได้รอดชีวิต น่าแปลกจริงๆ ทั้งที่นางวางแผนใส่ร้ายหนานหว่านเยียน ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกเสียเปรียบเลย

ต้องขอยอมรับว่า หนานหว่านเยียนห้าปีมานี้โชคดีจริงๆเลยนะ!

แบบนี้แล้วยังไม่ตายอีก!

บรรยากาศภายในตำหนักเย็นยะเยือก หนานชิงชิงมองไปยังกู้โม่หาน สีหน้าของชายหนุ่มบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

นางทำท่าน้อยอกน้อยใจ เดินไปหากู้โม่หานอย่างรู้สึกผิด “น้องหก เจ้าคงยังคิดว่า ที่หยีเฟยเกิดเรื่อง เป็นฝีมือของข้าและพี่สามเจ้าหรอกนะ?”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าจะทำร้ายหยีเฟยได้ยังไงกัน?”

กู้โม่หานมองหนานชิงชิงด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร

กู้โม่เฟิงลากตัวหนานชิงชิงกลับมาโดยไม่พูดอะไร แล้วลากนางเดินออกไปด้านนอกทันที

“จะอธิบายกับพวกนั้นไปทำไม?!”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท