ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 294 เสด็จพี่หกมีลูกตั้งสองคนแล้ว
สวีหว่านหยิงตกตะลึง พี่น้องทั้งสองตรงหน้านี้ช่างราวกับตุ๊กตารูปปั้นวัยเด็กของหนานหว่านเยียน!
“พวกเจ้าเป็นลูกของเสด็จพี่หกกับพี่สะใภ้หกงั้นหรือ?”
ใครจะไปรู้เจ้าเด็กน้อยทั้งสองพอก้าวขาได้ก็รีบวิ่งหนีทันที ราวกับเจ้ากระต่ายอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะหายวับไปชั่วพริบตา
“นี่ อย่าวิ่งสิ……” สวีหว่านหยิงรีบวิ่งตามไป แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสองกลับฝีเท้าว่องไวยิ่งนัก พวกนางคุ้นเคยกับโครงสร้างในจวนอ๋องกว่าใครๆ นางสวมใส่กระโปรงยาวคลุมรองเท้าชาววัง จึงทำให้วิ่งไม่ได้ ไม่ทันใดก็ไม่เห็นพวกนางแม้แต่เงา
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยวิ่งเร็วสุดชีวิตจนลืมหายใจ ครั้นวิ่งหนีคนมาได้แล้วจึงกลับมาหายใจหายคอ
เดิมทีพวกนางอยู่ที่สวนหลังจวนมีเซียงเหลียนคอยดูแล และพากันทำการบ้านจนเสร็จอย่างเชื่อฟัง
เดิมทีพวกนางจะพากันไปหาหนานหว่านเยียน แต่เซียงเหลียนบอกว่าที่หน้าจวนมีแขกมา ตอนนี้พวกนางยังออกไปไม่ได้
แต่พวกนางพากันเบื่อหน่าย เอาแต่อุดอู้อยู่ในสวนทั้งวัน จึงออดอ้อนให้เซียงเหลียนอนุญาตปล่อยออกมาเดินเล่น
แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับคนแปลกหน้า
คนแปลกหน้าผู้นี้ไม่ใช่ว่าคุยเรื่องเก่าๆ อยู่กับท่านแม่หรือ เหตุใดถึงมาที่นี่
ซาลาเปาน้อยหอบเฮือกๆ มองหน้าเกี๊ยวน้อย “จบกัน จบแล้ว พี่สาว พวกเราถูกจับได้แล้ว……”
เกี๊ยวน้อยก็ตกใจมากเช่นกัน แต่นางทำเป็นสงบนิ่ง จับมือซาลาเปาน้อยไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่สาวผู้นั้นแลดูซื่อๆ ทั้งยังน่ารักอยู่นิดหน่อย คงจะไม่ใช่คนไม่ดีหรอก”
สองพี่น้องมองหน้ากันหอบเฮือกๆ ขณะนี้ยังกังวลอยู่เล็กน้อย
ไม่รู้ว่าจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ท่านแม่หรือเปล่า……
พระชายาสิบตามแม่ทูนหัวทั้งสองไม่ทัน นางจึงขมวดคิ้วและทำหน้ามุ่ย ใบหน้าเล็กๆ อวบๆ ของนางไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
จากนั้นจึงเร่งเดินฝีเท้าไปที่เรือนซีเฟิง
“เด็กผู้หญิงทั้งสองคนนั้นมาได้อย่างไรกัน ยังออกมาจากเรือนพี่สะใภ้หกอีกต่างหาก”
เรื่องที่จวนอ๋องอี้มีเด็กผู้หญิงอยู่สองคน นางไม่เคยได้ยินมาก่อน
ขณะเดียวกัน ในเรือนซีเฟิง
องค์ชายสิบกับกู้โม่หานกำลังพูดคุยกันอยู่ แทนที่จะบอกว่าพูดคุยไม่สู้บอกว่ากูโม่หานฟังองค์ชายสิบ“แสดงธรรมเทศนา” เสียดีกว่า
ที่จริงองค์ชายสิบก็หวังดีกับกู้โม่หาน หวังว่ากู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนจะคืนดีกันในเร็ววัน
“เสด็จพี่หก ฟังคำแนะนำของน้องหนา สามีภรรยาทะเลาะกันบนหัวเตียง คืนดีกันที่ปลายเตียง ความเคลือบแคลงใจของท่านกับพี่สะใภ้หกจะต้องลงเอยกันอย่างแน่นอน หากยังไม่ได้ผลอีก ท่านก็……”
กู้โม่หานรับฟังอย่างเงียบๆ องค์ชายสิบกำลังจะกล่าวถึงประเด็นสำคัญ ทันใดบรรยากาศอันกลมกลืนในห้องก็ถูกพลังทลายลงด้วยน้ำเสียงอันรีบร้อน
“เสด็จพี่หก เสด็จพี่หก!ข้าไปเจอความลับอย่างหนึ่งมา!”
สวีหว่านหยิงต้องการรู้ความจริงรีบร้อน ขณะนี้นางพลางเดินพลางวิ่งเข้ามา นัยน์ตาทั้งสองเปล่งประกายด้วยความรอคอย
“ในจวนอ๋องของท่าน มีเด็กผู้หญิงน่ารักน่าชังอยู่ตั้งสองคน? !”
เด็กผู้หญิงสองคน?
กู้โม่หานใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าหล่อเหลามองไปที่พระชายาสิบด้วยท่าทีจริงจัง
หรือว่าซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยถูกจับได้แล้ว?
แต่หนานหว่านเยียนปกป้องพวกนางทั้งสองไว้อย่างใกล้ชิดไม่ใช่หรือ?
องค์ชายสิบงุนงงเล็กน้อย และก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองสวีหว่านหยิง
“เด็กผู้หญิงอะไรกัน?”
สวีหว่านหยิงนั่งลงข้างๆ เขา ใบหน้าเล็กๆ อวบๆ เหมือนตุ๊กตากระเบื้อง ยามเผยยิ้มยังมีลักยิ้มหวานๆ อยู่สองจุด
“ข้าเดินผ่านสวนดอกไม้เมื่อครู่ ก็เห็นมีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสี่ห้าขวบอยู่สองคน หน้าตาน่ารักยิ่งนัก!ข้าเห็นแล้วใจละลายเลย!”
ขณะที่พูดนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึมของกู้โม่หานด้วยสายตาตื่นเต้น
“อีกทั้งพวกนางทั้งสองยังมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับพี่สะใภ้หกเป๊ะๆ ล้วนเป็นสาวงามตัวน้อย แต่ความกล้าหาญในดวงตาและคิ้ว มองแวบแรกคล้ายกับเสด็จพี่หกทุกประการ ดังนั้นข้าคิดว่า พวกนางเป็นลูกของเสด็จพี่หกกับพี่สะใภ้หกใช่หรือเปล่า?”
แม้ว่าแม่ทูนหัวทั้งสองจะมีหน้าตาไม่คล้ายกับกู้โม่หานมากนัก แต่ว่าลูกหนานหว่านเยียนก็ไม่ใช่ลูกของกู้โม่หานหรอกหรือ
นางพูดถูก
องค์ชายสิบตกใจมาก ตกใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“เสด็จพี่หกกับพี่สะใภ้หกมีลูกแล้ว? !ยังเป็นลูกสาวสองคนอีก เสด็จพี่หกไยท่านจึงไม่ได้พูดถึง?”
ลูกสาวทั้งสองอายุได้หลายขวบแล้ว เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ในวังหลวงก็ยังไม่มีใครล่วงรู้?
หากเรื่องนี้ได้แพร่ออกไป ตำแหน่งไท่จื่อก็จะเป็นกู้โม่หานอย่างชัดเจนแล้ว!
ทั้งสองคนจ้องมองที่กู้โม่หานด้วยดวงตาอันลุกโชนรอให้เขาตอบกลับ
อายุสี่ห้าขวบ หน้าตาคล้ายหนานหว่านเยียน น่ารักน่าชัง
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยถูกจับได้แล้วจริงๆ !
ดวงตาสีเข้มของกู้โม่หานหรี่ลง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาเล็กน้อย
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมในการเปิดเผยตัวตนของเด็กผู้หญิงทั้งสอง
ตอนนี้คนในวังหลวงต่างจับตามาที่เขา หากเปิดเผยออกไปตอนนี้ ทุกคนจะต้องพุ่งเป้ามาที่เด็กผู้หญิงทั้งสองแน่ และทุกคนก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านพวกนาง ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
“เด็กน้อยผู้หญิงที่เจ้าพูดถึง คนหนึ่งมัดผมหางม้าแฝด อีกคนมัดผมจุกใช่หรือไม่?”
สวีหว่านหยิงพยักหน้า “อืมอืม!”
กู้โม่หานสีหน้าเย็นชา แล้วเอ่ยต่อ “คนหนึ่งแลดูสดใสร่าเริง อีกคนเรียบร้อยสงบนิ่ง?”
“ดูแล้วน่าจะใช่ คนหนึ่งแววตาฉลาดซุกซน อีกคนแลดูขี้อายหน่อยๆ แต่ว่าข้าไม่ได้คุยกับพวกนาง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่หรือไม่?”
องค์ชายสิบฟังการสนทนาของพวกเขา ก็คิดว่าจวนจะถึงเวลาเมฆกระจ่างเห็นตะวันแล้ว
แต่ทันใดนั้นกู้โม่หานก็เผยยิ้มเบา ๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแลดูสงบแจ่มใส
“ไม่ใช่ลูกของข้า แต่เป็นลูกของคนใช้ในจวนข้าต่างหาก พ่อของพวกนางเคยเป็นทหารเล็กๆ ในค่ายของข้า หลังจากได้รับบาดเจ็บเขาก็กลับบ้านเกิดไป ภรรยาและครอบครัวของเขาเสียชีวิตจากอุทกภัยน้ำท่วม”
“ดังนั้นเขาจึงพาลูกสาวทั้งสองมาหาข้า ข้ารับเมตตาพวกนางเอาไว้ระยะหนึ่ง รอเขาตั้งหลักปักฐานในเมืองหลวงได้ แล้วจึงจะมารับไป”
สิ่งที่กู้โม่หานพูดนั้นน่าเชื่อถือ
องค์ชายสิบจึงปักใจเชื่อ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ากู้โม่หานมีความเห็นอกเห็นใจต่อเหล่าทหาร รับเลี้ยงคนนอกไม่กี่คนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ที่สำคัญก็คือ หากเสด็จพี่หกมีลูก ก็คงไม่จำเป็นต้องปกปิด โดยเฉพาะลูกสาวนี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยทีเดียวเชียว
“หว่านหยิงเจ้ามองผิดไปแล้ว นั่นหาใช่ลูกของเสด็จพี่หกเสียหน่อย”
สวีหว่านหยิงขมวดคิ้วแน่น “แต่ข้ารู้สึกว่าพวกนางหน้าตาคล้ายคลึงกับพี่สะใภ้หกมาก ลูกคนอื่นจะไปมีหน้าตาคล้ายกับพี่สะใภ้หกถึงเพียงนี้หรือ……”
ดวงตาคมเรียวของกู้โม่หาน มองไปยังสวีหว่านหยิงอย่างเย็นชา
“เช่นนั้น น้องสะใภ้สิบคิดว่าข้าจะโกหกหรือ?”
ทันทีที่เผยคำพูดเหล่านี้ออกมา ก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็นและน่ากลัวเล็กน้อย แววตาของกู้โม่หานทำสวีหว่านหยิงตัวสั่นเทา แล้วรีบโบกมือเอ่ย “ไม่ใช่ไม่ใช่ เสด็จพี่หกจะเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? น่าจะเป็นเพราะข้าไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ จึงตาลายไปเองกระมัง”
กู้โม่หานยกถ้วยชาขึ้นจิบ “ไม่เป็นไร หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็ไม่มีอันใดจะเอ่ยแล้ว”
กู้โม่หานกล่าวมาเสียขนาดนี้ องค์ชายสิบกับภรรยาจะบังอาจไม่เชื่อได้อย่างไร พลันรีบส่ายหัวโบกไม้โบกมือ “เชื่อสิ พวกเราเชื่อเสด็จพี่หกอยู่แล้ว!”
กู้โม่หานก็ไม่ได้กล่าวอันใดต่อ แลดูท่าทีเรียบเฉย แต่ความเป็นจริงในคำพูดของเขาแฝงไปด้วยปลายดาบคมกริบ
“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าก็เชื่อว่าน้องสิบกับน้องสะใภ้จะจัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี คงจักไม่เอาความลับนี้ แพร่งพรายไปถึงพระเนตรพระกรรณของเสด็จพ่อกระมัง……”