ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 311 หนานหว่านเยียนนางไปไหนไม่รอด
เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานหว่านเยียนก็มิอาจซ่อนความตื่นเต้นของนางเอาไว้ได้
อี๋ว์เฟิงมองเห็นท่าทางเช่นนั้นของหนานหว่านเยียน เขาก็แสดงสีหน้าดีอกดีใจขึ้นมาเช่นกัน ราวกับนึกเรื่องบางอย่างได้ จึงเอ่ยเตือนว่า
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ เมื่อผ่านวันเทศกาลดอกไม้ไปแล้ว อีกหกวันก็เป็นวันเกิดของท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องและพระชายามีความสัมพันธ์มิค่อยดีต่อกันเท่าไร แต่จากเหตุการณ์เมื่อวาน ทุกคนที่เห็นล้วนมองออกว่าแท้จริงแล้วท่านอ๋องให้ความใส่ใจต่อพระชายายิ่งนัก
หากพระชายายินดีจะจัดการเลี้ยงเนื่องในวันเกิดให้ท่านอ๋อง เมื่อถึงเวลาค่อยเอ่ยคำหวานเล็กน้อย บางทีท่านอ๋องอาจละทิ้งความอาฆาตในใจลง แล้วใช้ชีวิตกับพระชายาอย่างมีความสุข และมีน้องๆ ให้เจ้านายน้อยทั้งสองคน คาดว่าชีวิตคงจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น
วันเกิดของกู้โม่หานใกล้ถึงแล้ว?
ดวงตาของหนานหว่านเยียนขยับเขยื้อนเล็กน้อย “หยุนอี่ว์โหรวเป็นอย่างไรบ้าง?”
นางเคยบอกไว้ว่าก่อนที่นางจะเดินทางจากไป ต้องหาของขวัญชิ้นโตทิ้งไว้ให้กู้โม่หานตอบแทนที่เขาเคยทารุณนางต่างๆ นานา ส่วนหยุนอี่ว์โหรว หากนางจะจากไปแน่นอนว่าจะมิให้แม่ดอกบัวขาวน้อยดอกนี้อยู่อย่างสงบแน่
รอให้วันนี้นางได้รับหนังสือหย่าร้างเสียก่อน แล้วนางจะจัดฉากให้กู้จิ่งซานกินลูกกลอนพูดความจริง ให้นางเผยตัวตนของตนออกมาต่อหน้ากู้โม่หาน
อี๋ว์เฟิงคิดมิถึงว่าจู่ๆ นางจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเช่นนี้ เมื่อเขาได้สติกลับคืนมาจึงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “พระชายารองหยุนดูมิดีนัก ได้ยินว่าเมื่อวานนี้นางเดินทางไปหาท่านอ๋อง แต่ตอนที่กลับไปยังเรือนจู๋หลานก็มีสีหน้ามิดีนัก จากนั้นก็ได้แต่นอนพักอยู่บนเตียงมิออกไปไหน”
“สีหน้าดูมิดีหรือ?” หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ใบหน้าเผยประกายประหลาดใจออกมาว่า “เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”
แต่ไหนแต่ไรมากู้โม่หานมีนิสัยเข้าข้างคนที่เขารักโดยเฉพาะอย่างยิ่งหยุนอี่ว์โหรว
หยุนอี่ว์โหรวเดินทางไปหาเขา มิต้องคิดมากความก็รู้ได้ว่านางไปสร้างเรื่องหรือฟ้องกู้โม่หานแน่นอน
อีกอย่างต่อให้หยุนอี่ว์โหรวไม่ได้ฟ้อง นางก็มิเชื่อว่ากู้โม่หานจะมิรู้เรื่องราวอะไรเลย นางแทบจะทำร้ายทรมานนางในฝันของเขาจนตาย ทั้งยังทำร้ายคนในจวนแม่ทัพแทบตาย แต่เหตุใดครั้งนี้กู้โม่หานจึงมิได้ออกหน้าแทนหยุนอี่ว์โหรว มิได้เดินทางมาทำโทษนาง หรือแม้กระทั่งเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ต่อหน้านางสักคำก็ไม่มี……
แปลกจริง
อี๋ว์เฟิงเห็นสีหน้าท่าทางอันสงสัยของหนานหว่านเยียน จึงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยกล่าวความจริงทุกประการ หาได้กล่าวความเท็จหรือดัดแปลงเรื่องราวแม้แต่น้อย พระชายารองนั้น……ดูสถานการณ์มิดีนัก”
หนานหว่านเยียนเผยอยิ้มขึ้นเนื่องจากท่าทีตอบรับของเขา
“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปทำธุระของตนเถิด ข้าจะพาแม่นางทั้งสองไปกินอาหารเช้า”
บัดนี้นางมิอยากสนใจสิ่งใดมาก นางหวังเพียงให้คืนนี้การหย่าร้างเป็นไปอย่างราบรื่น!
แต่คืนนี้คาดว่าคงมิราบรื่นนัก นางต้องเริ่มโจมตีก่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานหว่านเยียนก็เดินกึ่งวิ่งพาแม่นางน้อยทั้งสองไปกินอาหารเช้าภายใต้สายตาของอี๋ว์เฟิง เมื่อกินอาหารเรียบร้อยแล้วต้องไปขอโทษท่านน้าสักหน่อย
ณ เรือนซีเฟิง
กู้โม่หานสวมเสื้อคลุมสีเขียวทอง ที่คอเสื้อมีขนกระต่ายสีดำ คิ้วคมเข้ม ท่าทีสง่างามนั้นเกินคำบรรยาย
เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะ นิ้วมือเคาะลงไปที่โต๊ะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจดูมิสงบนัก
เสิ่นอี่ว์ยืนอยู่ข้างกายเขาอย่างนอบน้อม แล้วกระซิบด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านอ๋องขอรับ คาดว่าด้านเหล่าอี๋ว์คงจะจัดการเรียบร้อยแล้ว ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ปลดจอหงวนบู๊ด้วยพระองค์เอง”
“แต่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านและพระชายาเข้าวัง ข้าน้อยเป็นกังวลใจว่าจะเกิดกระแสน้ำมืดในค่ำคืนนี้”
กู้โม่หานยกนิ้วขึ้นอย่างเหม่อลอยแล้วเคาะลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงตาแหลมคมมองไปที่เสิ่นอี่ว์อย่างเย็นชา แฝงไปด้วยความกดดันเล็กน้อย
“สู้มาก็สู้กลับ หาทางป้องกัน จะกลัวสิ่งใด?”
ในเมื่อเรื่องนี้เขาให้เหล่าอวี๋จัดการ เช่นนั้นจึงมิต้องกลัวว่ากู้จิ่งซานจะมาหาเรื่อง
หากเทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้เขารำคาญใจมากกว่านั้นก็คือ……
การที่ฮ่องเต้ให้พวกเขาเดินทางเข้าวัง นั่นหมายความว่าหนานหว่านเยียนสามารถทูลขอสิ่งที่ต้องการต่อฮ่องเต้ได้……
เมื่อเสิ่นอี่ว์เดินตรงเข้ามาในห้องก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่าอารมณ์ของกู้โม่หานดูมิดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เฟิ่งกงกงพาหมอหลวงเข้ามา
แม้ว่ากู้โม่หานจะพยายามควบคุมสีหน้าของตนเองดีที่สุดแล้ว แต่บางครั้งก็เผยความเฉียบแหลมเป็นอันตรายออกมา
เขาคิดว่ากู้โม่หานมิพอใจในสิ่งที่ฮ่องเต้และเฟิ่งจงฉวนกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งการกระทำก่อนหน้านี้ส่งผลให้หัวใจเขารู้สึกเย็นชา จึงได้ดูมิมีความสุขนัก
เสิ่นอี่ว์จึงเอ่ยถามด้วยความระแวดระวังว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ยังทรงโกรธอยู่หรือ? บัดนี้อำนาจทหารอยู่ในมือท่านแล้ว ฮ่องเต้คงจะมิปลดตำแหน่งท่านง่ายดายแน่นอน”
กู้โม่หานกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มิใช่”
“หากท่านอ๋องมิได้โกรธก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ความโกรธทำให้คนเราไร้เหตุผล ในค่ำคืนนี้ท่านจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่ดุร้ายอีกมากมาย” เสิ่นอี่ว์กระวนกระวายใจ เขาถอนหายใจออกมายืดยาว ราวกับคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “มิทราบว่าในวันนี้พระชายาจะทูลขอสิ่งใดต่อฮ่องเต้ กระหม่อมรู้สึกว่าพระชายาทรงอยากจะจากไป……”
เขาเองก็รู้เรื่องข้อตกลงระหว่างหนานหว่านเยียนและฮ่องเต้
ในวันนี้ที่หนานหว่านเยียนเดินทางเข้าวัง นางจะมิปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอย่างแน่นอน และสัญชาตญาณของเขาบอกกับตนเองว่าหนานหว่านเยียนมิอยากจะอยู่ต่อไปแล้ว
บรรยากาศภายในห้องเยือกเย็นลงทันที ทำเอาเสิ่นอี่ว์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “ทะ ท่านอ๋อง……”
กู้โม่หานขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือเรียวยาวของเขากำแน่น แววตาอันเย็นชาดูน่ากลัว น้ำเสียงมุ่งมั่นชัดเจน
“หนานหว่านเยียน นางไปไหนมิได้หรอก……”