ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 322 โม่หาน เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว
กู้โม่หานสังเกตหนานหว่านเยียน และขันทีหนุ่มจากไกลๆ คิ้วที่งดงามของเขาขมวดไปมา
โดยพื้นฐานแล้วหมัวมัว ขันทีข้างกายไทเฮาเขารู้จักทั้งหมด ทว่าขันทีผู้นี้เหตุใดจึงไม่คุ้นหน้า
เขาอยากเดินตามไป ทว่าทันใดนั้นก็ถูกใครบางคนเรียกให้หยุดอย่างเบาๆ
“โม่หานไม่ไปตำหนักบรรทมหยีเฟยหรือ?”
กู้โม่หานหยุดเดิน มองตามเสียงไป เห็นคนใส่ชุดเครื่องแบบในวัง หนานชิงชิงที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม
ใบหน้าอันหล่อเหลา และร่างกายที่ดูแข็งแรงของชายผู้นี้ถูกแสงดาวสาดส่องจนหล่อเหลาเป็นพิเศษ เขาเลิกคิ้วมองไปยังหนานชิงชิง “พระชายาเฉิงเหตุใดท่านถึงอยู่ที่นี้”
เมื่อครู่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป หนานชิงชิงก็ออกไปกับกู้โม่เฟิง เหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?
หนานชิงชิงจ้องมองกู้โม่หานไม่ละสายตา “หลินเอ๋อร์ไม่สบายนิดหน่อย ท่านอ๋องพาหลินเอ๋อร์กลับจวนก่อน ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องพูดกับเจ้า”
นางตั้งใจแยกกู้โม่เฟิงออก ตั้งใจตามกู้โม่หานมา
พูดอะไร?
พฤติกรรมแปลกเหล่านั้นของนางต่อจากครั้งก่อนหรือ?
กู้โม่หานขมวดคิ้ว อย่างหมดความอดทนโดยสัญชาตญาณ
“ข้ากับเจ้าไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก สายแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถิด อ๋องเฉิงเป็นบุรุษ ดูแลบุตรได้ไม่ดีหรอก”
หนานชิงชิงเห็นท่าทีเย็นชาของเขา อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก สีหน้าดูน้อยใจเล็กน้อย
“โม่หาน ข้าแค่อยากจะดูอาการบาดเจ็บของเจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นห่วงเจ้าก็เท่านั้น เจ้าอย่าต่อต้านข้าเลย เจ้าอาจจะไม่รู้ ที่เจ้าสลบไสลในตอนนั้น ข้าและอ๋องเฉิงเคยไปเยี่ยมเจ้า ตอนนั้น…”
“ร่างกายของข้าไม่มีปัญหาใหญ่อะไร แม้จะมีก็จะไม่รบกวนพระชายาเฉิงหรอก”
ใบหน้าของหนานชิงชิงแน่นิ่งไป รู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับความเย็นชาเฉยเมยของเขาเล็กน้อย จากนั้นนางดึงรอยยิ้มออกมาจากริมฝีปาก พร้อมเสียงที่นุ่มนวล
“เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าขอให้ท่านพ่อตามหาบัวหิมะที่มีเฉพาะในภูมิภาคตะวันตกซึ่งสามารถทําให้ชี่และเลือดแข็งแรง ดีต่อร่างกาย พรุ่งนี้ข้าจะให้คนนำไปส่งให้เจ้า”
“ไม่จําเป็น” กู้โม่หานปฏิเสธหนานชิงชิงตรงๆ เมื่อเห็นว่านางห่วงใยเขาจนเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนนาง
“พระชายาเฉิง เนื่องจากเจ้าได้ออกเรือนแล้ว เจ้าควรปฏิบัติตามจารีตประเพณีของสตรี ข้ามีหนานหว่านเยียนอยู่เคียงข้างเรื่องบำรุงรักษาร่างกาย นางรู้มากกว่าใคร ข้าไม่ต้องการของบำรุงอย่างอื่น และยิ่งไม่ต้องการของอะไรจากจวนเฉิงเซี่ยง”
คําพูดเหล่านี้ดูเหมือนคมมีดที่กรีดเข้าไปในหัวใจของหนานชิงชิง รอยยิ้มบนในหน้าของนางก็แข็งค้าง และค่อยๆ เก็บอาการ นิ้วเรียวของนางยังคงกําแน่น
หนานชิงชิงมองไปยังกู้โม่หาน “โม่หาน หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าหนานหว่านเยียนที่อยู่ข้างกายเจ้าก็เป็นคนของจวนเฉิงเซี่ยง นางไม่เพียงเคยทำร้ายเจ้า ยังเคยทำร้ายอี่ว์โหรวของเจ้าอีกด้วย เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงไม่โกรธเคืองนางอีกแล้ว กลับปกป้องทางทุกวิถีทาง เอาแต่พูดถึงนางอย่างไม่ขาดปาก”
ก่อนหน้านี้ราษฎรต่างลือกันว่า กู้โม่หานได้รับบาดเจ็บเป็นเพราะปกป้องหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนก็คอยดูแลท่านอ๋องไม่จากไปไหน ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นลึกซึ้งมาก ช่างเป็นเรื่องที่ดีงาม
แน่นอนว่านางไม่เชื่อ ทว่าก็ริษยาอย่างที่สุด ต้องการที่จะกดขี่หนานหว่านเยียน ทว่ากลับไม่สามารถสกัดกั้นความเจิดจรัสของหนานหว่านเยียนได้ ห้าปีต่อมาดูเหมือนหนานหว่านเยียนจะกลับกลายเป็นคนละคน แข็งแกร่ง มั่นใจ แถมยังมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอีก ใครๆ ก็ชอบหนานหว่านเยียน
สิ่งเดียวที่นางดีกว่าหนานหว่านเยียน มีเพียงลูก ดังนั้นวันนี้จึงอยากจะพาลูกมาขอความเอ็นดูจากผู้ใหญ่
ทว่าหนานหว่านเยียนก็ยังคงเป็นจุดสนใจของทุกคน ไทเฮาและฮ่องเต้ก็ทรงทำเรื่องใหญ่โตเพื่อนาง
ตอนนี้แม้แต่กู้โม่หานที่เกลียดหนานหว่านเยียนไม่เคยเปลี่ยน ก็เริ่มพูดแทนหนานหว่านเยียนแล้ว จะให้นางไม่เกลียดไม่กลัวได้อย่างไร?
กู้โม่หานคาดไม่ถึงว่าหนานชิงชิงจะนําเรื่องหนานหว่านเยียนขึ้นมาพูด พูดวนไปมาก็เป็นคำพูดที่ยุแยงเล็กน้อย
เขาดึงคิ้วเข้าหากันในทันที บนใบหน้าที่ดูดีก็ปรากฏร่องรอยของความผิดหวังขึ้น
“หนานชิงชิง เจ้าคนเดิมไม่เคยพูดยั่วยุผู้อื่นเช่นนี้ ข้าเป็นศัตรูกับจวนเฉิงเซี่ยง แต่ก็ไม่ได้ตาบอกแยกแยะไม่ออกว่าใครดีใครเลว เจ้าในตอนนี้ เหตุใดจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นเช่นนี้ได้? ”
บางทีอาจไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้เปลี่ยนไป แต่เขาไม่เคยเข้าใจรู้จักใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นของหนานชิงชิง หยุนอี่ว์โหรวก็เช่นกัน
มีเพียงหนานหว่านเยียน แม้คำพูดจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรซ่อนเล่น และก็ไม่มีลูกเล่นใดๆ ในยามที่เขาตกอยู่ในอันตรายที่สุด หนานหว่านเยียนที่เกลียดเขาที่สุด ก็ช่วยให้เขารอดพ้นช่วงวิกฤตมาได้
สายตาของหนานหว่านเยียนมีความอิจฉาริษยาซ่อนอยู่ นางรีบเดินเข้ามาหาเขา อยากจะคว้ามือของเขา “โม่หาน ข้าไม่ได้เปลี่ยนไป ข้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เป็นเจ้าที่เปลี่ยนไป เจ้าไม่รู้ใจตัวเอง ถูกคนทำให้ลุ่มหลง…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ กู้โม่หานก็ทำหน้าตาเย็นชาใส่นาง ก่อนที่พูดขัดจังหวะนางอย่างโมโห
“พอได้ หนานชิงชิง! ข้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในวัยเด็ก เห็นแก่ที่เจ้าให้ความช่วยเหลือข้าหลายต่อหลายครั้ง จึงอดทนมาตลอด ทว่าตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าและข้าไม่มีไมตรีใดๆ ต่อกันอีก หากเจ้ายังกล้ามาพัวพันไม่เลิก อย่าหาว่าข้าไม่ใจร้ายกับเจ้า! ”
ชายหนุ่มเย็นชาและโกรธ ดวงตาที่เรียวยาวของเขาสะท้อนแววตาที่ดุร้าย ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยความโกรธ
”โม่หาน…” หนานชิงชิงตกใจกลัว มองชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นสายตาก็พร่ามัวทันที “เหตุใดเจ้าจึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ข้าพูดอะไรผิด…”
นางพูดเพียงหนึ่งประโยค หนานหว่านเยียนก็เป็นคนของจวนเฉิงเซี่ยง พูดอะไรผิดงั้นหรือ
หรือว่าเขารับไม่ได้แล้ว ว่าหนานหว่านเยียนเป็นลูกสาวของคู่อริเขา?
กู้โม่หานกําลังจะจากไป หนานชิงชิงคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ จึงถูกเขาสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ชายหนุ่มกำลังโกรธอยู่ ทว่าจู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของเขา——
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย…”