ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 323 ทำไม เจ้าชอบข้าหรือ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่323 ทำไม เจ้าชอบข้าหรือ?

หนานหว่านเยียนหรือ?

ใบหน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนไปในทันที รีบวิ่งไปตามเสียงที่ขอความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

หนานชิงชิงซึ่งถูกทิ้งไว้มองไปยังหลังของกู้โม่หานที่รีบจากไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา นิ้วมือที่ห้อยอยู่ด้านข้างลำตัวกำแน่น จนเล็บใกล้จะหักแล้ว

ทว่าไม่นานนางกลับยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มของนางน่าขนลุกเป็นอย่างมาก

เขาไม่สามารถช่วยหนานหว่านเยียนได้

ขันทีที่พาหนานหว่านเยียนไป เป็นฆาตกรที่วังแห่งนี้จัดหามา นางไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ขันทีผู้นั้นเป็นคนตามหานางเอง เขากล่าวว่าเจ้านายของเขาต้องการให้นางถ่วงเวลากู้โม่หาน ส่วนหนานหว่านเยียนพวกเขาจะเป็นจนจัดการเอง

เรื่องที่ได้กำไรเช่นนี้ นางตอบรับอย่างแน่นอน

ดังนั้น จึงมีช่วงเวลานี้…

เมื่อครู่

หนานหว่านเยียน ตามขันทีไปยังตำหนักหลวนเฟิ่ง

นางไม่ค่อยคุ้นเคยกับในวัง เพราะนางก็เคยเข้าวังเพียงไม่กี่ครั้ง ตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนอีกต่างหาก ต่อให้มีเสียงเทียนส่องสว่าง ก็ไม่สว่างมากพอ มืดมัวไปหมด

นอกจากนี้ ทางที่ไปตำหนักหลวนเฟิ่งไม่มีใครสักคน

หนานหว่านเยียนรู้สึกแปลกๆ ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงเอ่ยถามออกไป “ไทเฮาได้บอกหรือไม่ว่าเรียกเข้าเฝ้าด้วยเรื่องใด? ”

ขันทีผู้นั้นหยุดชะงักทันที หันหลังกลับคว้าแขนของหนานหว่านเยียนไว้ อีกมือหนึ่งถือมีดสั้นหมายจะพุ่งเข้ามาแทงนาง

“เชี่ยเอ๊ย!” รูม่านตาของหนานหว่านเยียนหดตัวลง รีบจับมือที่ถือมีดไว้ของเขาไว้ตามสัญชาตญาณ หลังของนางกระแทกเข้าภูเขาจำลอง นางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด

นางตกใจอย่างมาก นางมองสายตาที่อาฆาตของขันทีหนุ่ม นางไม่มีเวลาจะคิดว่าผู้ใดเป็นคนส่งเขามา ในขณะที่ตะโกนขอความช่วยเหลือ นางก็พยายามคิดวิธีแย่งมีดในมือเขา ทว่านางไม่สามารถปล่อยมือได้ ต้องสู้แรงกับเขา

เห็นได้ชัดว่าขันทีผู้นี้มีพื้นฐานการต่อสู้ เขามองเยาะเย้ยหนานหว่านเยียนที่ไม่รู้จักเจียมตัว “พระชายาอี้ ไม่มีผู้ใดมาหรอก มีคนอยากให้ท่านตาย กระหม่อมแนะนําให้ท่านปิดปาก และรอความตายซะดีๆ ”

ไม่มีผู้ใดมาหรอกงั้นหรือ?

ดูเหมือนว่าจะเตรียมวิชากังฟูมาอย่างดี

ร่องรอยของไอสังหารวูบวาบเข้ามาในสายตาของหนานหว่านเยียน นางไม่ละความพยายามแม้แต่น้อย และไม่กล้าที่จะร้องเสียงดัง เพื่อเก็บแรงไว้ต่อกระกับอันตรายที่อยู่ตรงหน้า

“ใครส่งเจ้ามา ฮ่องเต้? หรือเหนียงเหนียงคนไหนในวัง? ”

เดิมทีนางคิดว่าไม่เป็นฮ่องเต้ก็เป็นหนานชิงชิง เป็นคนสองคนที่ต้องการชีวิตของนางมากที่สุดในขณะนี้

ทว่าหนานชิงชิงยังไม่มีไม่มีความสามารถมากขนาดที่จะสามารถปลุกปั่นวังหลังได้

ขันทีผู้นั้นเลิกคิ้วขึ้น มีร่องรอยของความโหดร้ายและความชั่วร้ายภายใต้ดวงตาของเขา เมื่อเริ่มมีแรง จึงพยายามนำมีดสั้นนั้นเข้ามาใกล้คอของหนานหว่านเยียน

“กระหม่อมไม่รู้ว่าท่านไปล่วงเกินผู้ใดเข้า ทว่าปืนยิงนกที่ยื่นหัวออกมา กระหม่อมขออนุญาตเตือนพระองค์หน่อย ชาติหน้าอย่าจองหองเช่นนั้นอีกเลย ทำตัวเป็นคนธรรมดาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากพูดจบ ขันทีก็ยกเท้าขึ้นเตะหนานหว่านเยียนในทันที หนานหว่านเยียนปล่อยมืออย่างไม่ลังเลเพื่อหลบเลี่ยงอันตราย คมมีดสั้นจึงแทงเข้าไปภูผาจำลอง

ในขณะที่หนานหว่านเยียนนําผงพิษออกจากห้วงเวลา ก็วิ่งไปยังจุดที่สว่างในทันที ทว่ากลับถูกขันทีดึงผมไว้อย่างเหี้ยมโหดและมืออีกข้างหนึ่งบีบคอของนางอย่างแรก ต้องการฆ่านางให้ได้

หนานหว่านเยียนกําลังจะใช้ผงพิษเพื่อหลบหนี จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาและดุร้ายดังขึ้น——

“รนหาที่ตาย!”

ดวงตาของทั้งสองของกู้โม่หานลุกเป็นไฟ เขาเตะขันทีขึ้นอย่างแรง ความโกรธจากภายในทำให้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย ขันที่ผู้นั้นถูกเตะจนอาเจียนเป็นเลือด และตกลงไปในทะเลสาบ

กู้โม่หานกอดหนานหว่านเยียนไว้ในอ้อมแขน นางหายใจไม่ออก รอยแดงที่คอของนางทําให้เขาเจ็บปวดหัวใจ

“หนานหว่านเยียน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

หนานหว่านเยียนเงยหน้ามองเขาอย่างอ่อนแรง นางเก็บผงพิษไว้ “ข้า ข้าไม่เป็นไร ขอบใจที่ช่วยข้า”

กล่าวจบ นางก็คิดอะไรบางอย่างได้ และรีบผลักเขาออกไป มองลงไปในทะเลสาบ ใบหน้าของขันทีผู้นั้นกําลังหงายหน้าขึ้น ในสภาพนอนตายตาไม่หลับ

“ตายแล้ว”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว คิดว่านางกำลังบ่นว่าที่ไม่ไว้ชีวิตเขา

ปกติเขาจะไว้ชีวิตผู้อื่น ทว่ายามที่เขารีบวิ่งเข้ามา ก็เห็นขันทีผู้นั้นกำลังบีบคอนางและแสดงท่าทางดุร้ายอยู่พอดี ยังไม่ทันคิดอะไรเขาก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยมไปแล้ว

หนานหว่านเยียนกำหมัดไว้ อีกมือหนึ่งลูบหัวตัวเอง ยังดีที่ผมยังอยู่

“เจ้าบ้านี่ ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้ผมข้าเลย ขันทีผู้นี้ก็ตายแล้ว”

มันง่ายเกินไปสําหรับเขา เมื่อครู่ควรจะให้เขาได้ลิ้มรสรสชาติของผงพิษก่อนจึงจะถูก ยิ่งคิดยิ่งเสียดาย

กู้โม่หานเห็นท่าทางที่นางลูบหัวอย่างจริงจัง กลับรู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูก

คาดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนก็มีช่วงเวลาที่น่ารักเช่นนี้อยู่ด้วย

เขาเหลือบมองศพของขันที และเก็บสีหน้าไว้

“พวกเขากล้าที่จะล่อเจ้าโดยแอบอ้างพระนามของไทเฮา กล้าเข้ามาทำร้ายคนในวังเช่นนี้ บังอาจยิ่งนัก”

หนานหว่านเยียนเบนสายตามองไปยังกู้โม่หาน “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังมีความสามารถมาก เมื่อครู่ไม่ว่าข้าจะถามขันทีผู้นั้นอย่างไร เขาก็ไม่พูดว่าเป็นผู้ใด ทว่าความจริงก็ไม่ได้สําคัญขนาดนั้น สิ่งสำคัญคือพวกเราจะสิ่งที่สําคัญคือเราจะตอบโต้กลับอย่างไร!”

ใครกันที่ต้องการฆ่านาง เหตุใดต้องฆ่านาง ไปแตะต้องผลประโยชน์ของใครเข้า พวกเขาเข้าใจดี ทว่าในขณะนี้สิ่งเหล่านี้ไม่สําคัญ รีบแก้ไขสถานการณ์โดย เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีจึงจะเป็นสิ่งสําคัญที่สุด

กู้โม่หานรู้ว่านางหมายถึงอะไร ความเคร่งขรึมฉายแววเข้ามาในด้วยตา

“ไปเถิดไปรับเสด็จแม่ก่อน”

หนานหว่านเยียนพยักหน้า หันหลังไปเห็นชุดกระโปรงสีลูกท้อโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อหันไปดูอยากละเอียดอีกครั้งก็ไม่พบแล้ว

ชุดสีดอกท้อ ในงานเลี้ยงคืนนี้ผู้ที่สวมชุดสีนี้ มีเพียงหนานชิงชิง…

ดวงตาของนางหดลงเล็กน้อย ในขณะที่เดิน ก็มองหน้ากู้โม่หานไปด้วย “โดยปกติข้าเห็นเจ้าเดินเร็วมาก ข้าคิดว่าเจ้าไปถึงตำหนักบรรทมของหยีเฟยเหนียงเหนียงแล้ว คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาช่วยข้าได้ทัน”

กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้นส่งเสียงอ้อออกมา ก้มลงมองหนานหว่านเยียนอย่างไม่กะพริบตา ดวงตาเรียวยาวเริ่มสงสัยเล็กน้อย

“หนานหว่านเยียน เจ้าหลงใหลข้าแล้วใช่หรือไม่”

สตรีดูเหมือนจะชอบละครที่มีวีรบุรุษช่วยชีวิตสาวงาม

หนานหว่านเยียนเกือบจะสําลัก เห็นแก่ที่เขาช่วยนางไว้ นางจึงยิ้มให้กู้โม่หานอย่างอ่อนโยน

“ท่านอ๋อง ข้าเคยพูดหลายครั้งแล้ว ท่านไม่ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานของข้า ต่อให้ข้าตาบอด ท่านก็ไม่สามารถทำให้ข้าหลงใหลได้ ส่วนท่านอย่าหลงเสน่ห์ข้าเป็นพอ”

กู้โม่หานสําลักอย่างแรง รู้สึกไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ได้ จึงกัดฟันมองไปที่นาง “เจ้าฝันไปเถอะ”

หากวันไหนไม่ทำให้เขาโกรธ นางก็อยู่ไม่สุขจริงๆ

สตรีหลายคนชื่นชอบเขา มีนางคนเดียวที่ไม่สนใจ ยังเย้ยหยันเขาอีกด้วย

สตรีที่สมควรตายผู้นี้ แต่ก่อนนางชอบเขาที่สุด ยังชมว่าเขาหล่อที่สุด กล้าหาญที่สุด ตอนนี้จะต้องมีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาของนางอย่างแน่นอน!

ยามพระจันทร์ส่องแสง ดวงดาวก็เลือนหาย ยามค่ำคืนเยือกเย็นอ้างว้าง

หนานหว่านเยียน และกู้โม่หานมาถึงตำหนักอู๋ขู่

หวางหมัวมัวยังคงจัดเตรียมสิ่งของที่หยีเฟยใช้ต้องใช้ตอนออกจากวัง ยุ่งจนมึนไปหมด นางมองเห็นเงาของหนานหว่านเยียน และกู้โม่หานจากไกลๆ นางดีใจมาก

” ท่านอ๋อง พระชายา ตอนนี้ก็ต้องออกจากวังแล้วหรือ บ่าวยังเก็บของไม่เสร็จเพคะ”

“ไม่เป็นไร” กู้โม่หานมองไปที่ทุกคนที่ยุ่งอยู่ แล้วเหลือบมองไปยังหนานหว่านเยียน

“ข้าช่วยหวางหมัวมัวเก็บ เจ้าไปดูอาการของเสด็จแม่ก่อน”

“อืม ได้”

หนานหว่านเยียนตอบรับ และเดินตรงเข้าไปในตำหนักบรรมทม เมื่อเข้าไปก็เห็นหยีเฟยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง

นางนั่งลงข้างหยีเฟย ยกมือขึ้นจับชีพจรของหยีเฟย และพึมพํากับตัวเอง

“ฟื้นตัวได้ไม่เลว ชีพจรก็ค่อนข้างคงที่”

หนานหว่านเยียนวางมือของหยีเฟยกลับไปบนฟูก และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามือของหยีเฟยขยับ

หนานหว่านเยียนก้มลงไปมองหยีเฟย ทันใดนั้นรูม่านตาของนางก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “หยีเฟยเหนียงเหนียง…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท