ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่378 เจ้าเป็นพระชายาของข้า
ท่านพ่อเคยได้ยินแล้ว แต่พ่อจ๋าดูจะสนิทกว่า
เขาอยากให้เด็กสองคนเรียกเขาว่าพ่อจริงๆ
ท่านแม่ยังไม่เคยบอกว่าเรียกกู้โม่หานว่าพ่อได้หรือเปล่า นางจะทำเรื่องที่ทำให้ท่านแม่ไม่มีความสุขไม่ได้
เกี๊ยวน้อยมองดูใบหน้าของกู้โม่หานแล้วรู้สึกลำบากใจมาก ครุ่นคิดแล้วก็ถึงพูดว่า “ต่อไปไม่ว่าจะมีใครอยู่หรือไม่ ข้าจะเรียกลุงว่าท่านพ่อ ดีหรือไม่? ท่านพ่อ ขอร้องท่านล่ะ ——”
ถึงแม้จะไม่ได้ยินคำว่าพ่อจ๋า แต่กู้โม่หานก็ยังมีความสุขจนยิ้มออกมาอยู่ดี
จาก ‘ลุงกู้’ เป็น ‘ท่านพ่อ’ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดแล้ว
“ได้ ข้าตกลง” กู้โม่หานยิ้ม ในใจรู้สึกอบอุ่นมาก “ตอนกลางคืน ข้าจะเตรียมของขวัญที่จะทำให้ท่านแม่พวกเจ้าแปลกใจและคิดไม่ถึงแน่นอน”
“จริงเหรอ?” เกี๊ยวน้อยไม่ถามเขาว่าคืออะไร ก็ยึดหลังตรงอย่างตื่นเต้น แก้มแดงระเรื่อยิ้มหน้าบานอย่างพอใจ “เย้! ขอบใจท่านพ่อมาก!”
ทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่คืนดีกัน คงจะอีกไม่นานแล้วล่ะ!
หนานหว่านเยียนถูกซาลาเปาน้อยเรียกออกไปเพื่อให้อาหารปลา จากนั้นเด็กน้อยก็ให้นางกลับห้อง
หนานหว่านเยียนรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วกลับไปในห้องอีกครั้ง
นางเห็นกู้โม่หานกำลังอุ้มเกี๊ยวน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
นางไม่ได้พูดอะไร
‘ความผิดปกติ’ ทั้งวันของซาลาเปาน้อยและเกี๊ยวน้อย ก็เพื่อทำให้หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานคืนดีกัน
แต่หนานหว่านเยียนจิตใจแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวเลย กู้โม่หานก็พูดน้อยมาก การจะให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันนั้นยากมาก
จนกระทั่งหลี่หมั่วมัวที่อยู่ข้างกายไทเฮาเข้ามาบอกให้พวกเขาไปกินข้าว เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็ถึงรู้สึกโล่งอก
สักพักหลังจากนั้น หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานก็พาสองพี่น้องไปที่ตำหนักหลักหลวนเฟิ่ง
ทุกคนทำความเคารพหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน และเด็กอีกสองคน
ไทเฮามองดูเจ้าก้อนน้อยวิ่งเข้ามาหานาง ก็ยิ้มหน้าบานทันที “ไอ้หยา วิ่งช้าหน่อย!”
นางอ้าแขนโอบกอดเด็กสองคนไว้
เกี๊ยวน้อยกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นหน้าประตู “ราชโองการ——”
กู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนสบตากัน รีบพาเด็กสองคนคุกเข่าลง ทั้งตำหนักหลวนเฟิ่ง นอกจากไทเฮาแล้ว ทุกคนก็รีบคุกเข่าลงฟังรับฟัง
เฟิ่งกงกงที่เข้ามารายการราชโองการก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่ง ในวันที่สิบห้าเดินหนึ่ง อ๋องอี้กู้โม่หานจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไท่จื่ออย่างเป็นทางการ! ส่วนลูกสาวหนานจื่อและหนานเสี่ยวได้รับการแต่งตั้งเป็นอานผิงจวิ้นจู่และอานเล่อจวิ้นจู่ ทุกเดือนได้รับเงินเดือนเหมือนองค์หญิง ด้วยเคารพยิ่ง!”
วันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง? งั้นก็เหลืออีกแค่เดือนเดียวน่ะสิ
กู้โม่หานอึ้ง สองมือรับราชโองการและทำความเคารพ “ลูกน้อมรับสั่ง ขอบพระคุณเสด็จพ่อ——”
“ไท่จื่อรีบลุกขึ้นเถิด” เฟิ่งจงฉวนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าประจบ แทบจะคุกเข่าให้กู้โม่หานอยู่แล้ว “ข้าน้อยได้นำราชโองการมาถึงแล้ว ตอนนี้ขอตัวกลับไปรายงานก่อน”
กู้โม่หานสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก
“เฟิ่งกงกงเชิญตามสบาย”
เฟิ่งกงกงไปแล้ว หนานหว่านเยียนก็ให้เด็กสองคนลุกขึ้น ขมวดคิ้วด้วยสีหน้ามืดมน
ไม่คิดว่าอีกเดือนก็จะแต่งตั้งแล้ว
เวลาสั้นๆแค่นี้ นางจะช่วยกู้โม่หานครองอำนาจ และจากไปอย่างราบรื่นได้ไหมนะ……
ไทเฮาพึงพอใจมาก กอดเด็กสองคนเอาไว้แน่น นั่งบนตักคนละข้าง “อีกเดือนเดียว พวกเจ้าก็จะได้เข้าพิธีพร้อมกับท่านพ่อของพวกเจ้า และได้เป็นจวิ้นจู่น้อยผู้สูงศักดิ์”
ซาลาเปาน้อยกะพริบตาปริบๆ เกี๊ยวน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ: “อะไรคือพิธีการเหรอเพคะ?”
หมัวมัวที่อยู่ข้างไทเฮาก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า: “ตอบอานผิงจวิ้นจู่ พิธีการก็คือ การแต่งตั้งไท่จื่ออย่างเป็นทางการ หรือก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้แจ้งทั่วกัน ไท่จื่อของแคว้นซีเหย่คือท่านพ่อของพวกท่าน และท่านแม่ของพวกท่านก็จะเป็นไท่จื่อเฟย”
“และยังต้องเดินขบวนทั่วเมือง ท่านกับอานเล่อจวิ้นจู่จะได้ลงชื่อเข้าหนังสือตระกูลราชวงศ์ในวันนั้น เดินขบวนพร้อมกันกับไท่จื่อ ปรากฏสู่สายตาประชาชนทั่วเมืองอย่างเด่นสง่า ให้ทุกคนได้รู้จักท่าน ถึงตอนนั้นก็จะมีงานฉลองที่สนุกจัดขึ้นในวังหลวง”
หลี่หมัวมัวอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สายตาเกี๊ยวน้อยเปล่งประกาย “สนุกจริงเหรอ! งั้นข้าจะไป!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางได้ยินแค่คำว่า ‘สนุกมาก’
ซาลาเปาน้อยก็พยักหน้าพูดตาม “ขอแค่ท่านแม่กับท่านพ่อไอ ข้าก็จะไป!”
หนานหว่านเยียนยิ้มแห้ง สายตากลับไม่มีรอยยิ้มเลย “อืม ได้สิ”
กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตามืดมน หนานหว่านเยียนอยากหย่ากับเขาแล้วพาเด็กๆไปก่อนงานพิธีการ เกรงว่าจะไม่อยากเป็นไท่จื่อเฟย
เขาหันไปมองเด็กสองคน ลูบหัวของพวกนางเบาๆ
“รอถึงวันนั้น พ่อจะพาพวกเจ้าไปเล่นให้สนุก พวกเจ้าอยากทำอะไร อยากไปไหน ข้าก็จะไปกับพวกเจ้าด้วย”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยตื่นเต้นมาก ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่ได้เล่นสนุก
ทุกคนเห็นแล้ว ก็รู้สึกเอ็นดูกับความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสองคน
กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
ไทเฮาพูดไม่หยุด กู้โม่หานก็ตอบรับเป็นบางครั้ง มีเพียงหนานหว่านเยียนที่พูดน้อยที่สุด
เกี๊ยวน้อยกินอาหาร เงยหน้ามองหนานหว่านเยียนเป็นระยะ แล้วมองซาลาเปาน้อย
สองพี่น้องรู้ดีว่าหนานหว่านเยียนกำลังอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
ท่านแม่จะต้องคิดว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงจะพาพวกนางไปไม่ได้ ก็เลยไม่มีความสุข
แต่ถ้าลุงกู้ปรับปรุงตัวเอง รักและใส่ใจท่านแม่มากกว่านี้ ท่านแม่ก็คงจะอยากอยู่ต่อ งั้นก็ดีน่ะสิ
คิดแล้ว เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็คาดหวังของขวัญที่กู้โม่หานจะเตรียมให้ในคืนนี้
หวังว่าเขาจะทำให้ท่านแม่มีความสุขได้……
เกี๊ยวน้อยแกล้งไอคอกแคก
ซาลาเปาน้อยรับสัญญาณจากนาง ใช้โอกาสที่หนานหว่านเยียนลูบหลังให้เกี๊ยวน้อย ใช้มือจิ้มไปที่แขนของกู้โม่หาน
นางชี้ไปยังผัดผักกุ้งแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ชอบกินอันนั้นมากที่สุด แต่ข้าตักให้ท่านแม่ไม่ได้ ท่านพ่อช่วยตักให้ท่านแม่ได้หรือไม่?”
กู้โม่หานก้มหน้ามองซาลาเปาน้อยที่อยู่ข้างๆ เขากะพริบตาเล็กน้อย แล้วตักให้หนานหว่านเยียน ตักแต่ละทีมีแต่กุ้งเน้นๆ ตอนนี้กุ้งอยู่เป็นถ้วยของหนานหว่านเยียน กองอยู่ตรงหน้านางเป็นภูเขา
“พระชายาเมื่อคืนเหนื่อยมาก กินเยอะหน่อย”
หนานหว่านเยียนที่เพิ่งเช็ดปากให้เกี๊ยวน้อยเสร็จ หันมาเห็นภาพนี้ นางก็มองกู้โม่หาน ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
“ขอบใจท่านอ๋องมาก”
กู้โม่หานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร สายตาเย็นชานั้นนานๆทีจะมีความอ่อนโยน
“เจ้าเป็นพระชายาของข้า ต่อไปก็ต้องเป็นไท่จื่อเฟย ข้าควรทำอยู่แล้ว”
ใครจะเป็นไท่จื่อเฟยของเขากัน?
หนานหว่านเยียนมองค้อนเขา แต่เด็กสองคนยังมองอยู่ ก็เลยต้องก้มหน้ากินกุ้งไป
ไทเฮาเห็นครอบครัวสี่คนมีความสุข นางก็ยิ้มอย่างดีใจ และกินมากขึ้น
นึกถึงราชโองการในวันนี้ สายตาของนางก็มืดมนลง
เจ้าหกเข้าที่เข้าทางเสียทีนะ ขอแค่ได้เข้าพิธีแต่งตั้งตำแหน่ง เส้นทางหลังจากนี้ก็คงจะดีขึ้นไม่น้อย
หยีเฟย เจ้าควรฟื้นได้แล้วนะ มาดูลูกชายกับลูกสะใภ้ของเจ้า และหลานสาวของเจ้าสิ……