ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 431 เจ้าคิดจะทิ้งข้า
รอยยิ้มของกู้โม่หานราวกับทูตจากนรก เป็นความตกตะลึงที่งดงาม และแฝงไปด้วยความกระหายเลือดบ้าระห่ำ มองจนหนานหว่านเยียนอดรู้สึกประหม่าไม่ได้
มือของนางถูกเขาล็อกไว้อย่างแน่น ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดกับการหยิบของออกจากห้วงเวลา
เมื่อเห็นกู้โม่หานโน้มกายลงมาทีละนิดเช่นนี้ ใบหน้าสวยของหนานหว่านเยียนเริ่มลุกลี้ลุกลนเล็ก
“กู้โม่หาน เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ข้าคือหนานหว่านเยียน ไม่ใช่หยุนอี่ว์โหรวสุดที่รักของเจ้า!”
หนานหว่านเยียนกระสับกระส่าย ใช้ขาถีบเขาไม่หยุด แล้วบาดแผลฉกรรจ์แต่เดิมของชายหนุ่มก็ฉีกขาดออกหมดแล้ว
เรียวคิ้วองอาจของกู้โม่หานขมวดแน่น ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังทำให้เขาได้สติหลายส่วน แต่เมื่อเขาจ้องมองสตรีในอ้อมแขน สายตาก็มืดครึ้มขึ้นหลายส่วน
“ใครบอกว่าต้องการนาง ข้าต้องการเพียงเจ้า ต้องการ…หนานหว่านเยียน”
หนานหว่านเยียนผงะ นัยน์ตาสุกใสสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาเอาการของกู้โม่หาน
เขาสร่างเมาหรือยัง เขาลืมไปแล้วหรือไร ว่าเขาเกลียดจวนเฉิงเซี่ยงมากแค่ไหน
เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังบอกว่านางยังมีประโยชน์ให้ใช้สอย
เขาจูบนาง ตั้งแต่แก้มไปจนถึงมุมปาก เสียงครางต่ำดุจเหล้าที่อายุมาก ผิดหวังเล็กน้อย และทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“หนานหว่านเยียน เมื่อห้าปีที่แล้วเจ้าทำให้ข้าเกลียดเข้ากระดูกดำ ทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย ห้าปีต่อมาเจ้าก่อกวนวุ่นวายจวนอ๋องของข้า เจ้าไม่เคยทำให้ข้าได้อยู่ดีกินดีเลย”
นางไม่เพียงแค่ก่อกวนวุ่นวายจวนอ๋องของเขา แต่ตอนนี้กระทั่งคนของเขา ล้วนถูกหนานหว่านเยียนก่อกวนอลหม่าน…
หนานหว่านเยียนอึดอัดคับค้องใจแทบตาย ไม่ใช่นางที่วอนหาเรื่องเขาสักหน่อย!
นางกัดฟัน ยังไม่หยุดดิ้นรน
“เดิมทีพวกเราอยู่อย่างสงบสุขได้ เป็นเจ้าที่โผล่มาเอง แล้วรบกวนชีวิตข้ากับพวกเด็ก!”
“หากตอนแรก เจ้าตกลงหย่าและปล่อยข้ากับลูกไป ตอนนี้มันจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง! ข้าขอเตือนเจ้า เด็กทั้งสองคนกำลังนอนหลับอยู่ในห้อง หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า เจ้ามันก็ไม่ใช่คนแล้ว!”
กู้โม่หานฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย และร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นอยู่ในอ้อมอก กลิ่นหอมจากนางทำให้เขาบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มทำตามสัญชาตญาณจูบริมฝีปากนาง กระดูกไหปลาร้างามละออ กระทั่งคิดที่จะลงต่ำต่อไป
ทั้งยังคิดจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของนางออกให้หมด…
หนานหว่านเยียนโกรธจนควันออกหู เว้นแต่กู้โม่หานไม่ยอมให้นางมีโอกาสใช้ยา ไม่อย่างนั้นนางจะตัดตอนเขาทันที!
นางขัดขืนสุดกำลัง ทั้งลุกลนและสับสน คิดจะตะโกนเรียกคนดังๆ แม้บ่าวใช้เหล่านี้จะสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของพวกเจ้านายไม่ได้ แต่หนีจากปากเสือก่อนค่อยว่ากัน
ทันใดนั้น เสียงน่าเอ็นดูก็ดังขึ้น “คนเลวเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงความสงสัยที่น่าเอ็นดูนี้ กู้โม่หานเหมือนกับชะงักไปเล็กน้อย
หนานหว่านเยียนพลันตกใจยิ่งกว่าเดิม ลูกของนางตื่นแล้ว!
นางเตะท้องน้อยของกู้โม่หานอย่างรุนแรง และไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บหรือไม่ ถีบเขาออกไป จากนั้น ก็รวบกระชับเสื้อผ้าทันที ไม่ให้เด็กทั้งสองคนเห็นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของนาง
ด้วยเพราะกู้โม่หานเมาอยู่ จึงตอบสนองไม่ได้เร็วขนาดนั้น เมื่อถูกเตะออกจากเตียง ก็ไม่เคลื่อนไหวไปชั่วขณะ สมองมึนเบลอ กระทั่งลืมไปแล้วว่าเขากำลังทำอะไร
หนานหว่านเยียนไม่สนใจความเป็นตายของเขา มองไปทางต้นเสียง เห็นเพียงเด็กทั้งสองคนกะพริบตาสะลึมสะลือ ยืนจับมือกันอยู่ไม่ไกล
นางวิ่งไปข้างกายเด็กทั้งสองคน กุมใบหน้าของพวกนางด้วยปวดใจ “พวกเจ้าตื่นมาทำไม ทั้งยังใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
เด็กทั้งสองคนต่างขมวดคิ้วน้อยๆ มองหนานหว่านเยียน
ปกติเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยนอนหลับสนิท ไม่ค่อยตื่น แต่ครั้งนี้ได้ยินเสียงพวกนี้จึงถูกปลุกขึ้นมา
คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนตื่นมาแล้ว จะออกมาเห็นหนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานกดลงบนเตียง เหมือนกับกำลังกอดกัน
เกี๊ยวน้อยจับมือหนานหว่านเยียนแน่น แล้วเอ่ยเสียงดุอย่างน่าเอ็นดูว่า “ท่านแม่ เจ้าคนเลวนั้นรังแกท่านอีกแล้วใช่หรือไม่ ทำไมเขาทำเช่นนี้ ท่านแม่ยังโกรธเขาอยู่เลยนะ แล้วเขาก็ยังไม่ได้ขอโทษด้วย จะมากอดท่านแม่ได้อย่างไรกัน!”
ซาลาเปาน้อยก็กัดริมฝีปากแน่น “ท่านแม่…”
กู้โม่หานอยู่ในความงุนงง เมื่อถูกหนานหว่านเยียนถีบลงมา ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังทำให้เขาได้สติหลายส่วน
เขายืนขึ้นมา หันกลับไปมองเห็นคุณหนูทั้งสองคน สนิทแนบแน่นกับหนานหว่านเยียน
ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
แต่หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้ว่าเขายืนขึ้นมาแล้ว ยังนึกว่าเขาหมดสติไป จึงรีบโอบเด็กทั้งสองคน คิดจะส่งพวกนางกลับเข้าห้อง
“แม่ไม่เป็นอะไร จะส่งพวกเจ้ากลับไปนอนก่อน เรื่องทั้งหมดค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
หนานหว่านเยียนกำลังจะจูงมือเด็กทั้งสองคนก้าวเดินไป ก็ถูกแรงพิกลดึงกลับมา
นางหันกลับไปทันที ก็เห็นสายตากู้โม่หานเศร้าหมอง
“หนานหว่านเยียน ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าจะไปที่ใดกับพวกเด็กๆ สองคน เจ้าคิดจะทิ้งข้ารึ”
“ทุกครั้งเจ้าล้วนเป็นเช่นนี้ เอาใจใส่กับทุกคนได้ แต่มักจะเมิน ใส่ข้าเพียงผู้เดียวเสมอ”
ตอนนี้สมองเขามึนมาก แผ่นหลังเจ็บปวด เขาทรมานขนาดนี้ แต่หนานหว่านเยียนกลับทิ้งขว้างเขา ไปใกล้ชิดเด็กที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน และยังคิดจะจากไปพร้อมกับพวกนางอีก
น่าโมโหเสียจริง
ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนกับเด็กๆ ทั้งสองคนต่างตะลึงอยู่กับที่
หนานหว่านเยียนตกตะลึงไปชั่วขณะ
ปกติเบื้องหน้าเขารักทะนุถนอมบุตรสาวที่สุด ทำไมเขาถึงใช้น้ำเสียงหึงหวงเช่นนี้
“กู้โม่หาน เจ้าเมาจนเสียสติไปแล้วหรือไร นี่คือบุตรสาวข้า!”