ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 439 ควบคุมตัวเองไม่อยู่

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 439 ควบคุมตัวเองไม่อยู่

“เจ้าแค่รักษาคนอยู่ในจวนก็พอ”

หนานหว่านเยียนเห็นเขาทำหน้าเย็นชา อารมณ์ก็ไม่สู้ดี แต่นางรู้ว่าตอนนี้หยีเฟยฟื้นแล้ว แถมยังอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก ดังนั้นถึงเขาจะพูดจากระทบกระเทียบ นางก็ไม่อยากถือสาเขา

เพราะที่เขากล่าวมานับว่าเป็นความจริง เรื่องในราชสำนัก นางได้แต่เสนอแนะให้พิจารณา ช่วยเขาได้ไม่มากนัก

และนางก็เหนื่อยแล้ว เมื่อคืนถูกเขาทำจนวุ่น แล้วยังเหนื่อยกับการช่วยคนอีกทั้งคืนอีก เช้ามาจึงง่วงแบบสุดๆ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะโกรธ

แต่นางเพิ่งย่างเท้าจะจากไปก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตูพลัน และตามมาด้วยเสียงเคารพของพ่อบ้านกาวก็ดังขึ้น

“ท่านอ๋อง พระชายา อ๋องเจ็ดให้คนมาส่งเทียบเชิญขอรับ เชิญท่านก็พระชายาไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอ๋องเจ็ด”

กู้โม่หลิงเชิญนางกับกู้โม่หานอย่างนั้นหรือ?

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว เปิดประตูห้อง มองพ่อบ้านกาวด้วยความงุนงงเล็กน้อย “อ๋องเจ็ดบอกเหตุผลหรือไม่?”

พ่อบ้านกาวมองกู้โม่หานที่มีสีหน้าอึมครึมเย็นชา นัยน์ตาแวบประกายเล็กน้อย กลับตอบตามจริง “บอกว่าอ๋องเจ็ดต้องการขอบคุณบุญคุณที่พระชายาช่วยชีวิต จึงจัดงานเลี้ยงขอบคุณเป็นการเฉพาะขอรับ”

สายตาหนานหว่านเยียนซ่อนความหมายลึกซึ้งบางส่วน นางกำลังกลุ้มว่าไม่มีโอกาสหยั่งเชิงความตื้นลึกหนาบางของอ๋องเจ็ดอยู่พอดี โอกาสก็มาถึงที่แล้ว

“ข้ารู้แล้ว ข้ากับท่านอ๋องเปลี่ยนชุดแล้วก็จะไป”

พ่อบ้านกาวมองกู้โม่หานแล้วถามคำหนึ่ง “ท่านอ๋อง เช่นนั้นบ่าวจะไปตอบกลับแล้วนะขอรับ?”

กู้โม่หานมองหนานหว่านเยียนทีหนึ่ง นางช่วยคนตลอดทั้งคืนไม่ได้นอน ดูอ่อนล้ายิ่งนัก

“ช้าก่อน” น้ำเสียงกู้โม่หานเย็นยะเยียบ พกพาอำนาจบางส่วน “บอกอ๋องเจ็ดให้เขาเลื่อนเวลางานเลี้ยงขอบคุณเป็นตอนกลางคืน”

แต่ไหนมางานเลี้ยงขอบคุณก็จัดตอนกลางวันทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนจู่ๆ ก็ให้คนเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืน?

พ่อบ้านกาวพยักหน้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง บ่าวจะไปบอก”

หลังจากพ่อบ้านกาวจากไป หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว หันไปมองกู้โม่หานที่งุนงงเล็กน้อย

“ทำไมท่านถึงเปลี่ยนเวลาเสียเล่า เปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนมีอะไรพิเศษหรือ? หรือว่าท่านอยากเตรียมการอะไรล่วงหน้า?”

“ไม่ได้จะเตรียมการอะไร แค่อยากไปตอนกลางคืนเท่านั้น”

“ท่านจะเอาแต่ใจไปแล้วกระมัง?” หนานหว่านเยียนยังนึกว่าที่เขาเจาะจงเปลี่ยนเวลาเพราะมีอะไรเป็นพิเศษ สุดท้ายแค่เพราะเขาอยากไปตอนกลางคืนเท่านั้น “ไปเช้ากลับเช้า สะสางให้เร็วไม่ดีหรือ พวกเรายังจะรับมือกันได้แต่เนิ่นๆ ตอนนี้เวลาเป็นเงินเป็นทอง พวกเราจะเสียไปเปล่าๆ ไม่ได้”

“ก็ช้าไปแค่ไม่กี่ชั่วยามเองมิใช่หรือ มีอะไรเสียไม่ได้อีก” กู้โม่หานเหลือบมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาเย็นชา เผยอริมฝีปากนิดๆ “เจ้าช่วยคนไม่ได้นอนทั้งคืน อัปลักษณ์ยิ่งนัก ไปร่วมงานเลี้ยงมีแต่จะทำข้าขายหน้า”

นางอัปลักษณ์?!

หนานหว่านเยียนโมโหจนหัวเราะทันที “เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ต่อให้ข้าอดนอนสามวัน ก็ไม่อัปลักษณ์สักหน่อย!”

ครั้นว่าไปอย่างนี้แล้ว นางกลับลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เดาอยู่ในใจว่าขอบตาคล้ำหนักหนาสาหัสหรือไม่ ไม่ถึงกับขายหน้ากระมัง…

ยากนักที่กู้โม่หานเห็นด้านไร้เดียงสาขนาดนี้ของนาง นัยน์ตาอดฉายรอยยิ้มแวบหนึ่งเป็นไม่ได้ แต่กลับระงับได้ทันกาลอีก เอ่ยปากชืดๆ

“พักอิ่มแล้วยังพอจะดูได้บ้าง เอาไว้จะไปงานเลี้ยงแล้ว ข้าจะให้คนมาเรียกเจ้า ไปพักเถอะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หนานหว่านเยียนก็มองกู้โม่หานด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก คำพูดนี้มันช่างชวนให้คนเข้าใจผิด ถึงกับทำให้นางนึกว่าเขาอยากให้นางพักผ่อน ก็เลยเลื่อนงานเลี้ยงเป็นตอนกลางคืน

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพูดง่ายขนาดนี้ได้เหมือนกัน ไม่เหมือนเมื่อคืนเลยแฮะ นี่มัน…”

พูดได้ครึ่งๆ กลางๆ นางนึกเสียใจเสียแล้ว หลับตาปี๋

ทำไมถึงพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกนะ นางไม่อยากนึกถึงมันสักหน่อย

กู้โม่หานพลันขมวดคิ้ว นัยน์ตาดำขลับจ้องหนานหว่านเยียน “นี่มันอะไร? เมื่อคืนข้าทำอะไร?”

พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน หนานหว่านเยียนก็โมโห เจ้านี่ขนาดใช้กำลังจูบอะไรก็ทำมาแล้ว แถมยังคิดจะ…กับนางอีก

แม้ไม่อยากพูดถึง แต่นางไม่ชอบท่าทางทำเป็นโง่งมแบบนี้ของกู้โม่หานสักนิด “อย่าบอกนะ ว่าเจ้าลืมเรื่องชั่วร้ายที่เมื่อคืนเจ้าทำไว้หมดแล้ว?”

ชั่วพริบตา ในหัวของกู้โม่หานก็เหมือนจะมีความทรงจำอะไรพรั่งพรูออกมา

แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยละเอียด

เขาจำเรื่องเมื่อคืนได้ไม่ค่อยชัด แต่ตอนเช้าพอตื่นมาเห็นปฏิกิริยาของเด็กสองคนนั้นแล้ว เขาน่าจะทำเรื่องไม่ค่อยดีอะไรสักอย่าง

เขาขมวดคิ้วมุ่น เม้มริมฝีปากบาง “ข้าดื่มเหล้า จำได้แค่ว่าบุกเข้าห้องของเจ้า ต่อจากนั้นก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”

หนานหว่านเยียนหรี่ตาสำรวจมองกู้โม่หานแบบไม่ค่อยเชื่อ กลับดูไม่ออกสักนิดว่าเขาโกหก

หรือว่าจะจำไม่ได้จริง?

ทีแรกนางนึกว่าเขาน่าจะจำได้บ้าง แต่ตอนนี้ดูแล้ว เมื่อคืนไอ้เลวนี่น่าจะดื่มหนักเมาไปจริงๆ จำอะไรไม่ได้แล้ว!

“จำไม่ได้ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร”

หนานหว่านเยียนคร้านจะเอาความกับคนเมา ถึงอย่างไรกิริยาหลังดื่มของนางก็ไม่ดีเหมือนกัน……

แต่เรื่องอย่างนี้ต่อไปต้องห้ามโดยเด็ดขาด กู้โม่หานกลัวสุนัข ต่อไปนางก็จะให้ล่ากับปู๋ล่าเฝ้าหน้าประตูนั่นแหละ จะไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาได้อีกเป็นอันขาด

หนานหว่านเยียนก้าวเท้าเดินไปทางนอกประตู แต่ยังเดินไม่ถึงสองก้าวก็ถูกกู้โม่หานฉุดเอาไว้ กระชากเสื้อลงมาหน่อยหนึ่ง เผยรอยแดงตรงไหปลาร้า

ทันใดนั้น เศษความทรงจำคลุมเครือโจมตีสมองของกู้โม่หาน นัยน์ตาเขาหกเล็ก เกิดคลื่นกระหน่ำในหัวใจพลัน ตัวแข็งทื่อ

เมื่อคืนเขากับหนานหว่านเยียน…

เขาเป็นคนทำร่องรอยบนตัวนาง เหมือนว่านางจะไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่เขากลับใช้กำลังจุมพิตนางแบบควบคุมตัวเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง…

เขาบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้ไม่สนใจอะไรเลยอย่างนี้?!

เช่นนั้นเขากับหนานหว่านเยียน…คงไม่กระมัง ไม่อย่างนั้นหนานหว่านเยียนต้องทำเขาตายแน่

หนานหว่านเยียนเห็นเขาทื่อไปจึงขมวดคิ้วสลัดมือเขาออก อดกลั้นความไม่พึงพอใจเอ่ย “ยังมีอะไรอีกหรือไม่?”

กู้โม่หานยังเหม่อลอยอยู่บ้าง เบี่ยงตัวไม่มองนางอีก น้ำเสียงออกจะเป็นคำสั่งเล็กน้อย “แค่รู้สึกว่าเจ้าแต่งตัวโป๊ยิ่งนัก มีอย่างที่ไหน เวลาไปจวนอ๋องเจ็ดต้องแต่งตัวภูมิฐานสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องแต่งสวย คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าเจ้ากำลังล่อลวงชายอื่น”

หนานหว่านเยียนก้มหน้ามองอาภรณ์ของตัวเอง มิดชิดดี แค่เมื่อครู่ถูกเขากระชากลงมาหน่อยเดียว ดังนั้นนางจึงดึงกลับไปเหมือนเดิม แล้วมองเขาด้วยความฉงนฉงาย

“กู้โม่หาน เจ้าป่วยแล้วจริงๆ ”

เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คุ้มดีคุ้มร้าย ชอบบังคับขู่เข็ญ ไม่ป่วยแล้วคืออะไร!

คนเยี่ยงนี้ยังมีภรรยา นางล่ะไม่เข้าใจเอาเสียเลย!

นางทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง แล้วเดินอ้อมกู้โม่หานจากด้านหน้ากลับเรือนตัวเองโดยตรง

กู้โม่หานยืนอยู่ที่เดิม ปวดศีรษะเล็กน้อย เขามองหยีเฟยที่หมดสติอยู่บนเตียง สายตาซับซ้อนสิบส่วน แต่กลับแน่วแน่ยิ่งนัก

การเก็บหนานหว่านเยียนไว้ข้างกายนั้นได้ แต่เขากลับมีความคิดที่ไม่สมควร ควบคุมตัวเองไม่อยู่กับนาง นั่นคือความผิด คืออกตัญญู!

เสด็จแม่ฟื้นแล้ว เขาจะไม่ทำให้เสด็จแม่เสียพระทัยเด็ดขาด…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท