ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 472 ความรักความห่วงใย
หนานหว่านเยียนหรี่ตาครู่หนึ่ง และด่ากู้โม่หานอยู่ในใจว่าได้คืบจะเอาศอก แต่ก็ยังป้อนเนื้อเข้าปากกู้โม่หานอยู่ดี แล้วเอ่ยอย่างยิ้มแป้น “รสชาติเป็นอย่างไร?”
กู้โม่หานค่อยๆ เคี้ยวจนละเอียด แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้าขฌ “พระชายาทำจฌ ย่อมถูกปากข้าอยู่แล้ว”
หนานหว่านเยียนยิ้มแห้งพลางมองดูกู้โม่หาน “เช่นนั้นคืนนี้ท่านอ๋องก็ทานเยอะๆ นะ”
อร่อยใช่หรือไม่ เช่นนั้นนางก็จะเพิ่มเครื่องปรุงให้เขา!
พูดจบ นางก็ลวกอาหารมากมายให้กู้โม่หานอีก ใส่ไว้ในถ้วยของกู้โม่หานจนหมด และถือโอกาสสั่นมือน้อยๆ “อย่างไม่ระวัง” จนทำให้ใส่พริกกับน้ำส้มสายชูลงไปมาก
“อุ๊ย ท่านอ๋องคงจะไม่ทิ้งนะ?” หนานหว่านเยียนเหลือบมองกู้โม่หานแสร้งทำเป็นน้อยใจ ในดวงตาคู่นั้น ก็มีความน่าสงสารเล็กน้อยจริงๆ
กู้โม่หานรู้ว่าหนานหว่านเยียนเอาคืนอย่างเห็นได้ชัด แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ: “ไม่ทิ้งแน่นอน”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเห็นดังนั้น ยังคิดว่าทั้งสองคนกำลังแข่งกันว่าผู้ใดคีบอาหารมากกว่ากัน ดังนั้นสองพี่น้องเองก็ไม่ยอมแพ้ จึงเริ่มยืนบนเก้าอี้ และยุ่งอยู่กับการลวกอาหารให้หนานหว่านเยียน
หลังกู้โม่หานทานอาหารที่เติมเครื่องปรุงไปสองคำ นิ้วเรียวยาวหนีบตะเกียบแน่น เผ็ดจนเกือบจะเสียอาการ เห็นหนานหว่านเยียนยิ้มตาหยี แววตาของเขาเปล่งประกาย “พระชายาเองก็อย่ามัวเหม่ออยู่เลย ทานเยอะๆ สิ”
พูดจบ เขาก็นำเนื้อที่หนานหว่านเยียนคีบมาใส่ในถ้วยเขา ป้อนหนานหว่านเยียนดังเดิม
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน หนานหว่านเยียนปฏิเสธไม่ได้จริงๆ นางยิ้มหน้าเหยเก “ขอบคุณท่านอ๋อง”
จากนั้น นางจำต้องทานเนื้อที่ทั้งเผ็ดทั้งเปรี้ยว
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าในปากของตัวเองสามารถพ่นไฟออกมาได้ ใบหน้างดงามแดงไปหมด
เผ็ดมากๆ ไม่น่าใส่เครื่องปรุงให้กู้โม่หานเลย
หนูน้อยทั้งสองคนเห็นเช่นนั้น ก็รีบไปหยิบน้ำมาให้หนานหว่านเยียน
เกี๊ยวน้อยเอ่ย: “ท่านแม่ ดื่มน้ำก่อน”
หนานหว่านเยียนทั้งดื่มน้ำ ทั้งจ้องมองกู้โม่หาน กู้โม่หานเห็นท่าทางถูกบีบให้ยอมแพ้ของหนานหว่านเยียนแล้ว ภายในใจก็มีความสุขเหนือจะบรรยาย
เขาหัวเราะเบาๆ ในนัยน์ตาหงส์คู่งามเก็บซ่อนความรู้สึกที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูด ซึ่งถูกเขากักเก็บเอาไว้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ชีวิตความเป็นอยู่เช่นนี้ก็ไม่เลวเลย ทั้งอบอุ่น และเข้ากันได้ดี
ซาลาเปาน้อยเห็นเช่นนั้น ภายในใจก็ตื่นเต้นดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
นานมากแล้วที่นางไม่ได้มีความสุขเช่นนี้ ถ้าหากครอบครัวของนาง เป็นแบบนี้ตลอดไปเลยก็คงดี……
หลังทานข้าวเสร็จ เหล่าคนใช้ก็ทำความสะอาดโต๊ะอาหาร หนูน้อยทั้งสองคนอุ้มของเล่นที่กู้โม่หานให้ เล่นอยู่ลานบ้านอย่างมีความสุขชั่วครู่หนึ่ง
เกี๊ยวน้อยชวนให้กู้โม่หานมาเล่นด้วยกับพวกนางอย่างเอาแต่ใจ
หนานหว่านเยียนที่มองดูอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เอ่ยห้าม หนูน้อยทั้งสองคนเพียงชอบบิดาผู้ให้กำเนิดตนเองตามสัญชาตญาณ อย่างไรเสียก็มีไม่กี่วันที่จะสามารถพบเจอกันได้ ก็ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสักประเดี๋ยวเถิด
หนานหว่านเยียน ตั้งใจเปิดอ่านตำราวิชาแพทย์ที่นางให้เซียงอวี้ไปหามาก่อนหน้านี้อยู่ข้างๆ
ตอนนี้เสิ่นอี่ว์กับหยีเฟยก็ยังไม่ฟื้น ปัญหาของหยีเฟยนั้นไม่ใหญ่นัก ช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็ฟื้นคืนสติแล้ว แต่เสิ่นอี่ว์นั้น นางจักต้องปลุกเขาให้ฟื้น
เพียงแต่การปลุกเสิ่นอี่ว์ให้ฟื้นจำเป็นต้องระมัดระวังรอบคอบ สำหรับการรับประทานยายิ่งต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะสุดท้ายแล้วมันจะทำลายสมองได้
นางเปิดอ่านตำราวิชาแพทย์เนิ่นนาน อ่านอย่างเคลิบเคลิ้มญบ จนไม่สังเกตเห็นว่าหนูน้อยทั้งสองคนที่เล่นจนเหนื่อยแล้ว วิ่งมานั่งลงข้างนางเงียบๆ อย่างน่าเอ็นดู ศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมพิงนางอยู่ญด และผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ในที่สุดก็กำหนดปริมาณยาที่ใช้ในแต่ละครั้งได้แล้ว ภายในใจของหนานหว่านเยียนปีติยินดีอย่างยิ่ง นางกำลังจะลุกขึ้น ก็ถูกกู้โม่หานกดไว้อย่างกะทันหัน
เสียงอันไพเราะของบุรุษทั้งนุ่มนวลทั้งทุ้มต่ำ เสียงลมหายใจดังอยู่ข้างๆ หูนาง “อย่าดิ้น หนูน้อยทั้งสองคนกำลังหลับอยู่ ข้าจะพาพวกนางกลับเข้าไปในห้อง”
หนานหว่านเยียนจึงมองดูข้างกายอย่างประหลาดใจ มุมปากของสองพี่น้องยังคงมีรอยยิ้มอยู่ พิงข้างกายนางอย่างพอใจ และหลับสนิท
นางพยักหน้าเบาๆ อย่างรู้สึกง่วงเล็กน้อย “อืม”
กู้โม่หานเอนตัวไป ใช้มือสองข้างที่ทั้งขาวสะอาดและเห็นเส้นเลือดปูดโปนชัดเจน อุ้มหนูน้อยทั้งสองคนขึ้น และเดินไปยังภายในห้อง ทั้งสองคนซบอยู่บนไหล่กว้างข้างซ้ายและข้างขวาของเขา นอนหลับด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ น่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
เซียงอวี้เห็นเช่นนั้น ตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ใบหน้าเย็นชาของท่านอ๋องเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนู ก็ถูกหลอมให้อบอุ่นนุ่มนวลขึ้น สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
เข้ามาภายในห้อง กู้โม่หานก็วางหนูน้อยทั้งสองคนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
ซาลาเปาน้อยยังคงดึงนิ้วมือของเขาไว้ไม่ยอมวาง
หัวใจของกู้โม่หานราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างคลึงหนักๆ จากนั้นก็ดึงมือออกมาเบาๆ ตบหลังหนูน้อยทั้งสองไปมาเบาๆ ใช้น้ำเสียงที่เบาอย่างยิ่ง ร้องเพลงอย่างไม่ค่อยชำนาญ “นอนเถิด นอนเสียเถิด ลูกน้อย……อันเป็นที่รักของข้า……”
เขาเคยได้ยินหนานหว่านเยียนร้อง ก็เลยจำได้
แต่เขาร้องค่อนข้างเพี้ยน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือไม่ เกี๊ยวน้อยที่นอนหลับฝันถึงได้ขมวดคิ้ว กู้โม่หานจึงหยุดร้องทันที และเพียงช่วยทั้งสองคนถอดรองเท้าอย่างเก้อเขินเท่านั้น จากนั้นก็ห่มผ้าให้พวกนางอย่างระมัดระวัง
ของเล่นกระจายอยู่ทุกที่ในห้องนอน หลังจากกู้โม่หานก้มตัวลงไป จัดเก็บของเล่นเรียบร้อย ก็มองดูสองพี่น้องแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
หนานหว่านเยียนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ กู้โม่หานจะเอ่ยปากพูด ก็มองเห็นเซียงอวี้ที่อยู่ข้างๆ หันมาส่ายหน้าให้เขาอย่างบ้าคลั่ง
เซียงอวี้ชี้ไปที่หนานหว่านเยียน แล้วเอ่ยอย่างไม่มีเสียงว่า: “หลับแล้ว”
กู้โม่หานแววตาเป็นประกาย เดินมาข้างกายหนานหว่านเยียน เห็นว่าหนานหว่านเยียนใช้มือข้างหนึ่งค้ำยันศีรษะเอาไว้ ตำราวิชาแพทย์เล่มนั้นยังวางอยู่ที่ข้างมือนาง แต่นางหลับตาอยู่ และหลับด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ
กู้โม่หานขมวดคิ้ว รู้สึกจนใจเล็กน้อย พวกนางแม่ลูกห้าปีนี้ใช้ชีวิตอย่างไรกัน หลับได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่กลัวว่าจะป่วยกันเลย
คิดไปคิดมา เขาก็โน้มตัวลงนั่งแล้วอุ้มนางขึ้นมา สองวันนี้หนานหว่านเยียนเหนื่อยยิ่งนัก เลยหลับสนิท ถูกเขาอุ้มขึ้นมาก็ยังไม่รู้สึกตัว และยังถูไถไหล่เขาไปมาโดยอัตโนมัติ
ร่างกายของบุรุษแข็งทื่อขึ้นมาทันที แต่ภายในใจกลับอ่อนระทวย
เซียงอวี้ดีใจยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูเลย นางมองตามหลังกู้โม่หานที่อุ้มหนานหว่านเยียนเข้าไปในห้อง แล้วเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิมด้วยความดีอกดีใจ!
ดีจริงๆ ดีจริงๆ เลย หากต่อไปพระชายากับท่านอ๋องดีกันเช่นนี้ ก็คงจะดีมากเลย!
ภายในห้องนอน แสงเทียนเดี๋ยวก็สว่างเดี๋ยวก็มืด
กู้โม่หานวางหนานหว่านเยียนลงข้างๆ หนูน้อยทั้งสองคน แล้วห่มผ้าให้เรียบร้อย หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว แล้วใช้มือเล็กๆ กอดหนูน้อยทั้งสองคนไว้ในอ้อมกอดโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็หลับสนิทไปทันที
ภายในนัยน์ตาหงส์ของกู้โม่หานสะท้อนเงาใบหน้ายามหลับใหลที่งามเพริศพริ้งของหนานหว่านเยียน แววตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ในดวงตาของเขามีความรักความห่วงใยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
นิ้วมือเรียวงามเขี่ยแก้มหนานหว่านเยียนเบาๆ ลำคอของกู้โม่หานขยับไปมา ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เขาโน้มตัวลงไป จูบริมฝีปากของหนานหว่านเยียนเบาๆ……