ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 588 คิดขบถ
ทั้งหมดไม่สนใจกู้โม่หานอีก แล้วเข้าไปในวัง
ทันทีที่เขาเข้าไปในตำหนักหย่างซิน กู้โม่เฟิงก็เห็นกู้จิ่งซานนั่งอยู่ด้านบน มีชี่กุ้ยเฟยอยู่ข้างๆ
ชี่กุ้ยเฟยยิ้มและป้อนน้ำชาให้กู้จิ่งซาน นางยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางขมวดคิ้วบางๆ แต่ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นเสด็จแม่นั่งอยู่มากกว่า…
กู้โม่เฟิงสีหน้าดูมืดมนเล็กน้อย แต่กลับจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของกู้จิ่งซาน อย่างลุ่มลึก
เจ้าผู้ครองแคว้นซีเหย่ ตอนนี้ได้สูญเสียพลังอำนาจที่เคยมี หน้าตาชราลงมาก มีไอเป็นครั้งคราว
ดูเหมือนว่าโรคร้ายแรงที่มาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาก
ในเวลานี้ กู้จิ่งซานที่อยู่บนบัลลังก์มังกรเห็นพวกของกู้โม่หลิงและฉินมู่ไป๋ ก็ดีใจมาก “เจ้าเจ็ด ฮั่นเฉิง พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามาให้ข้าดูหน่อย”
เมื่อกู้โม่หลิงและฉินมู่ไป๋เดินเข้ามาอยู่หน้ากู้จิ่งซาน ชี่กุ้ยเฟยก็ยิ้ม แล้วพูดกับหมัวมัวว่า “ยังไม่รีบรินน้ำชาให้สองบ่าวสาวอีก?”
หมัวมัวรู้หน้าที่ รีบไปชงชาทันที
เมื่อกลับมาถึง ในมือหมัวมัวก็มีน้ำชากาใหม่และถ้วยชาชั้นเลิศสองถ้วยในมือ นางวางสิ่งเหล่านี้ลงตรงหน้ากู้โม่หลิงและฉินมู่ไป๋ด้วยความเคารพ
“ท่านอ๋องเจ็ด องค์หญิง”
ตามมารยาทแล้ว วันนี้คู่บ่าวสาวต้องยกชาให้กู้จิ่งซานและชี่กุ้ยเฟย
กู้โม่หลิงส่งน้ำชาในมือให้กู้จิ่งซานและชี่กุ้ยเฟยอย่างมีความสุข
“ลูกขอคารวะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ขอให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่มีความสุขและอายุยืนยาว”
ฉินมู่ไป่กัดฟัน สุดท้ายก็พูดออกมาได้ “ลูก ก็ขอคารวะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ขอให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่รักกันจนแก่จนเฒ่า”
ทันใดนั้น กู้จิ่งซานก็ยิ้มจนหุบไม่ลง “ดี ดีมาก!”
เขารับถ้วยน้ำชาจากมือของกู้โม่หลิง นิ้วสั่นระริก แต่กู้จิ่งซานพยายามข่มมันเอาไว้
เขาผู้ที่ต้องแข็งแกร่งตลอดชีวิต จะปล่อยให้ตัวเองถูกทรมานด้วยความเจ็บป่วยได้อย่างไร
เขาทำมือให้นิ่ง ยกมือขึ้นดื่มน้ำชาจนหมด ยิ้มให้กูโม่หลิงและฉินมู่ไป๋
“เจ้าทั้งสอง ยิ่งข้าเห็นข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน ฮั่นเฉิง ต่อไปก็ถือเสียว่าแคว้นซีเหย่เป็นบ้านของตัวเอง ที่นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแคว้นเทียนเซิ่ง แม้ว่าเจ้าเจ็ดจะไม่ดุร้ายเท่าผู้ชายแคว้นเทียนเซิ่ง แต่ก็ใจดีและอ่อนโยน จะดีกับเจ้ามากแน่”
ฉินมู่ไป๋ไม่พอใจ ต่อให้ดีสักแค่ไหน ก็เทียบกับกู้โม่หานแม้แต่ครึ่งนิ้ว
นางมองลงมา “เพคะ เสด็จพ่อ”
กู้จิ่งซานพึงพอใจมาก
ชี่กุ้ยเฟยมองไปที่คู่บ่าวสาวตรงหน้า แล้วยิ้มอย่างมีความหมาย “ดีมาก ฮั่นเฉิง แม่ก็อวยพรให้เจ้ากับเจ้าเจ็ดปรองดองรักใคร่กัน ให้กำเนิดทายาทเร็วๆ”
ฉินมู่ไป๋ยิ้มมุมปาก แต่แววตานั้นมีความไม่เต็มใจอยู่ลางๆ
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
องค์ชายสิบและกู้โม่เฟิงมองดูอยู่ข้างๆ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
แต่ทันใดนั้น ดวงตาของกู้จิ่งซานก็เบิกกว้างและไอขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้
ในตอนแรกหลายคนคิดว่ากู้จิ่งซานหัวเราะมากเกินไปจนสำลัก ชี่กุ้ยเฟยรีบตบหลังให้เขา
แต่กู้จิ่งซานหน้าเขียวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาไอ หน้าอกก็เริ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง หายใจหอบเป็นเสียงหวีด ทันใดนั้นก็ไอออกมาเป็นเลือด จากนั้นของเหลวสีแดงสดก็พุ่งออกมาจากปากของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ฉากนี้ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“ฮ่องเต้!” ชี่กุ้ยเฟยหน้าถอดสีควักผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปากและจมูกของกู้จิ่งซาน พลางตะโกนลั่นออกไปนอกท้องพระโรงด้วยความตื่นตระหนก “เร็วเข้า รีบไปแจ้งหมอหลวง!”
กู้โม่หลิงยิ่งกลัวและเป็นกังวลมากขึ้น “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินมู่ไป๋ตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ดูเหมือนจะคาดคิดไม่ถึง
องค์ชายสิบก็กระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน กู้โม่เฟิงมีการตอบสนองเร็วที่สุด รีบขอให้กงกงส่งคนไปตามหมอหลวง
ต่อมา กู้โม่เฟิงก็หันกลับมา ในเวลานั้น กู้โม่หลิงได้ช่วยชี่กุ้ยเฟย ประคองกู้จิ่งซานไปที่ปีกตำหนัก
ตอนนี้ภายในตำหนักหย่างซินกำลังวุ่นวายและตื่นตระหนก
หลังจากวางกู้จิ่งซานไว้บนบัลลังก์มังกรแล้ว ชี่กุ้ยเฟยก็พากู้โม่หลิงออกมา
นางยืนอยู่ที่ประตูปีกตำหนัก มองไปที่คนอื่นๆ อย่างใจจดใจจ่อ “เจ้าสิบ เฉิงอ๋อง พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่าไปไหน เดี๋ยวหมอหลวงมาถึงแล้วจะตรวจวินิจฉัยให้เสด็จพ่อของพวกเจ้า”
“องค์หญิงฮั่นเฉิงอย่าตื่นตระหนก อยู่เฉยๆ ก็พอ เจ้าเจ็ด ตอนนี้พ่อของเจ้ากำลังมอบหมายให้เจ้าปฏิบัติงานสำคัญ สถานการณ์โดยรวมของตำหนักหย่างซินขอมอบให้เจ้าเป็นคนดูแล”
มือของกู้โม่หลิงยังคงมีรอยเลือดที่กู้จิ่งซานไอออกมา เขาพยักหน้าอย่างเศร้าโศก “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ ลูกเข้าใจแล้ว”
“ท่านรีบเข้าไปดูแลเสด็จพ่อเถอะ ที่นี่มีลูกอยู่ ท่านไม่ต้องห่วง”
ว่าแล้ว เขาก็เฝ้าดูชี่กุ้ยเฟยกลับไปที่ปีกตำหนัก แล้วช่วยเฟิ่งกงกงปิดประตูอย่างแน่นหนา
ดวงตาของกู้โม่หลิงเป็นประกายสีเข้ม ในไม่ช้าก็กลับเป็นปกติ
เขาหันหน้าไปมองบางคนที่ทำอะไรไม่ถูก แล้วสั่งการกับด้านนอกตำหนักว่า “ปิดกั้นข่าวทั้งหมดในตำหนักหย่างซินทันที หากใครกล้านินทา ต้องถูกประหาร!”
ต่อมากู้โม่หลิงก็แสดงสีหน้าลำบากใจแต่ก็ต้องจำใจทำ “เจ้าสิบ พี่สาม พวกท่านต้องอยู่รอฟังข่าวในตำหนักหย่างซิน”
ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์ของฮ่องเต้ ผู้คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตำหนักหย่างซินต่างถูกคุมตัวโดยองครักษ์ทีละคน ทุกคนเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
องค์ชายสิบนั่งไม่ติด
เขาดึงแขนเสื้อของกู้โม่หลิง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล “พี่เจ็ด เสด็จพ่อจะไม่เป็นไรจริงใช่ไหม?”
“ข้าได้ข่าวว่า ช่วงนี้เขาสุขภาพไม่ค่อยดี ทุกวันนี้ เขาดูชราลงมาก โรคอะไรกันแน่ที่ทำให้เสด็จพ่อกลายเป็นแบบนี้?”
ถ้าพี่สะใภ้อยู่ที่นี่ก็ดีน่ะสิ นางมีทักษะทางการแพทย์ชั้นยอด ต้องช่วยเสด็จพ่อได้แน่นอน!
กู้โม่หลิงตบไหล่องค์ชายสิบเบาๆ “เจ้าเจ็ด อย่าคิดมาก”
“แม้ว่าเสด็จพ่อจะเป็นโอรสแห่งสวรรค์ แต่ร่างกายของเขาก็ควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว จะป่วยบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เจ้าดูสิ พี่สะใภ้หกยังเป็นหวัดเลย”
“เจ้าต้องเชื่อมั่นว่า พวกหมอหลวงจะมีวิธีช่วยเสด็จพ่อได้”
กู้โม่หลิงพูดเช่นนี้ องค์ชายสิบก็โล่งใจไปบ้าง “ใช่ เสด็จพ่อแค่เป็นหวัดเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอก”
ในทางกลับกัน กู้โม่เฟิงกลับดูไม่สงบนัก
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม จ้องมองกู้โม่หลิงสักครู่ ราวกับต้องการมองผ่านคนที่อยู่ข้างหน้า “น้องเจ็ด เรื่องเสด็จพ่อ จำเป็นต้องให้น้องหกรู้เรื่องนี้ ทำไมไม่ให้ข้าออกจากวังไปบอกน้องหกล่ะ?”
ว่าแล้ว เขาก็ต้องการออกไปข้างนอก แต่กู้โม่หลิงห้ามไว้
“เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน แต่ไม่สามารถกระโตกกระตากได้ หากพี่สามไปหาพี่หกในเวลานี้ เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย สร้างความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น รอให้พวกหมอหลวงมาตรวจอาการของเสด็จพ่อก่อนดีกว่า แล้วค่อยพี่หก”
สถานการณ์ในวันนี้ เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการพากู้โม่หานออกไป แล้วจะปล่อยให้กู้โม่เฟิงเข้ามายุ่งได้อย่างไร
แม้ว่ามันจะยาก เขาก็จะถอนรากถอนโคนทุกคนที่ขัดขวางแผนการของเขา!
กู้โม่เฟิงมองไปที่กู้โม่หลิง เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกว่า น้องเจ็ดซึ่งปกติจะไม่สนใจเรื่องอะไร ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในเวลานี้
แม้ว่าจะมีรอยยิ้ม แต่พลังรอบกายนั้นน่าเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัว
ดวงตาของพี่น้องทั้งสองสบประสานกัน คลื่นใต้น้ำโหมกระหน่ำ ขณะที่องค์ชายสิบกำลังจะเกลี้ยกล่อม ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ประตูตำหนัก
หลายคนมองไปทางประตู เห็นองครักษ์พาหมอหลวงหลายคนรีบเข้ามา
หลังจากทำความเคารพองค์ชายและองค์หญิงอย่างเร่งรีบ ก็เข้าไปในปีกตำหนักทันที
แต่กู้โม่เฟิงและคนอื่นๆ ยังคงติดอยู่นอกตำหนัก ไม่สามารถออกไปไหนได้
ในเวลาเดียวกัน บนเตียงในปีกตำหนัก กู้จิ่งซานไอเสียงดังมากขึ้น เลือดได้เปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีดำ
เขากุมหน้าอก ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนกำลังจะตาย ไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจา
หมอหลวงหลี่ที่อยู่หน้าสุดเห็นดังนั้นก็รีบคุกเข่าลงทันที “หม่อมฉันขอคารวะ…”
“อย่ามัวพูดไร้สาระ!” กู้จิ่งซานตะคอกใส่คำทักทายของหมอหลวงหลี่ มองจิกพวกเขาด้วยดวงตากระหายเลือด “รีบตรวจดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า!”
หมอหลวงหลี่ถูกเขาตะคอกใส่ รีบจับชีพจรให้เขาอย่างตัวสั่นงันงก
ในเวลาเดียวกัน หมอหลวงอีกหลายคนก็ทยอยเข้ามาตรวจอาการให้กู้จิ่งซาน
สักพักใหญ่ หมอหลวงหลี่ก็ตัวสั่น เงยหน้าขึ้นอย่างสั่นเทา แต่ไม่กล้าสบตากับกู้จิ่งซานโดยตรง
“ทูล ทูลฮ่องเต้ ท่าน ท่านกำลังป่วยระยะสุดท้าย หม่อมฉันเกรงว่า จะไม่มีทางรักษาพ่ะย่ะค่ะ!”