ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 603 เลือดเนื้อเชื้อไข

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 603

หยุนอี่ว์โหรวกลับจวนแล้วก็พักอยู่ในลานบ้าน ไม่ว่าใครก็ไม่ให้พบทั้งสิ้น

ในลานบ้านของเรือนจิ้งฉาน หวางหมัวมัวจัดรวบรวมของทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเสร็จแล้ว ก็ออกคำสั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสให้เหล่าคนรับใช้ขนย้ายสิ่งของทั้งหมดออกไป

ขณะนี้กู้โม่หานขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว ข่าวคราวที่ว่าหยีเฟยฟื้นขึ้นมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังใครอีกต่อไป สามารถเข้าวังได้อย่างยุติธรรมและมีเกียรติ

เดิมทีหยีเฟยอยากจะเข้าวังพร้อมพร้อมกับหนานหว่านเยียน แต่เมื่อคิดแล้วคิดอีก ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก

ถึงอย่างไรหนานหว่านเยียนก็ต้องออกไป นางไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กคนนั้นเกิดความกดดันภายในใจ

อีกทั้งคนในวัง ก็ยังมีส่วนหนึ่งอยู่รอให้หนานหว่านเยียนเก็บของจนเสร็จ และรับนางเข้าวัง

ในขณะนั้น หนานหว่านเยียนนั่งอยู่ในห้อง ใบหน้าสวยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย แล้วก็ยังไม่ได้แต่งตัวอีกด้วย ใบหน้าของนางขาวซีดเล็กน้อย

ข้างกายของนางคือสองพี่น้องเซียงอวี้และเซียงเหลียนที่กำลังยุ่งและเดินไปมา

หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เซียงเหลียนก็เดินออกจากประตูไปก่อน เซียงอวี้มองสีหน้าของหนานหว่านเยียนอย่างระมัดระวัง และกล่าวเตือนออกมาเสียงแผ่วเบา “เหนียงเหนียง ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ท่านควรจะออกไปได้แล้ว”

เซียงเหลียนบอกว่า ตั้งแต่เมื่อคืนวานหลังจากเหนียงเหนียงทราบว่าคุณหนูทั้งสองถูกจักรพรรดิพาเข้าวังไปแล้ว นางก็ไม่ร่าเริงอีกเลย วันนี้ก็ลุกขึ้นมาอาเจียนอีกครั้ง กินแค่อาหารอ่อนๆไปนิดหน่อย

นางเกรงว่าหนานหว่านเยียนจะต่อต้าน ไม่อยากติดตามเข้าวัง

คิดไม่ถึงว่า ในที่สุดหนานหว่านเยียนจะดันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง “ไปกันเถอะ”

“ค่ะ” เซียงอวี้เดินตามอยู่ข้างหลังนางอย่างน่าเอ็นดูประคองหนานหว่านเยียนขึ้นรถม้า

เพียงแค่ครู่เดียว ภายในรถก็โคลงเคลงไปมา หนานหว่านเยียนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาหนุนศีรษะ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบสงบ

ผู้คนบนถนนหนทางล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส

ข่าวการขึ้นครองราชย์ของกู้โม่หานเผยแพร่ออกไป ทุกคนล้วนแสดงออกถึงความดีใจและให้การสนับสนุนราวกับการตายของกู้จิ่งซานไม่ใช่ข่าวร้าย

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วครุ่นคิด มืออีกข้างก็ลูบคลำท้องน้อยๆอย่างนุ่มนวลด้วยสภาพจิตใจที่ยุ่งเหยิง

เมื่อคืนนี้นางนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง คิดแล้วคิดอีกคิดซ้ำไปมาก็ยังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ แม้ว่าเด็กคนนี้จะมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่นางก็ไม่สามารถกำจัดเด็กคนนี้ทิ้งได้

ถ้ากำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง ร่างกายของนางก็จะยิ่งอ่อนแอมากขึ้น เสียเวลาสำหรับการหลบหนีเป็นอย่างยิ่ง

และที่สำคัญที่สุด……ในฐานะแม่ นางจะฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองได้อย่างไรกัน

เมื่อคืนนี้นางใจร้อนมากเกินไป แล้วยังถูกความหน้าด้านไร้ยางอายของกู้โม่หานมาทำให้โกรธจนหัวหมุนไปหมด ถึงได้มีความคิดเหลวไหลแบบนั้นขึ้นมา

เด็กคนนี้จะเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับกู้โม่หานทั้งสิ้น……

เวลาผ่านไปแค่หนึ่งก้านธูป ในที่สุดรถม้าก็ค่อยๆหยุดลงที่หน้าประตูวัง

เซียงอวี้และเซียงเหลียนประคองหนานหว่านเยียนลงจากรถม้า ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้ในวังออกมาเรียงแถวอยู่ด้านหน้าหนานหว่านเยียนด้วยความเคารพนบนอบและโค้งตัวทักทายนางอย่างรวดเร็ว “บ่าว……ถวายบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง”

“เหนียงเหนียง จักรพรรดิสั่งให้บ่าวจัดเตรียมตำหนักหยูซินไว้รอท่าน ขอเชิญเหนียงเหนียงติดตามบ่าวไปรอที่ตำหนักหยูซิน”

“ตำหนักหยูซินหรือ?”

ฮองเฮาของทุกราชวงศ์ในอดีตล้วนอยู่ที่นั่น แต่ทว่าไม่มีใครเลยสักคนที่มีจุดจบที่ดี

หนานหว่านเยียนหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น นัยน์ตาของนางมืดครึ้ม ไม่พบสีหน้าปิติยินดีแม้แต่นิด “อืม…”

เซียงอวี้และเซียงเหลียนรู้ว่าภายในใจของนางไม่มีความสุข ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่อยู่ด้านหลังนางอย่างเงียบเชียบ

หนานหว่านเยียนเดินอยู่บนทางเดินในวัง แสงแดดอันอบอุ่นพัดผ่านมาที่ใบหน้า และละลายหายไปรอบๆ ตัวนางเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งที่ห่างไกลเกินเอื้อม

ตามบ่าวในวังเข้าไปสำรวจตำหนักหยูซิน มองไปรอบๆก็พบว่าเครื่องเรือนถูกจัดวางไว้ตามแบบที่นางชอบ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่น

เป็นเรื่องน่าขันจริงๆ กู้โม่หานเคยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารูปร่างหน้าตานางเป็นอย่างไร แต่ทว่าตอนนี้เขากลับสามารถเข้ามาควบคุมความคิดนางได้อย่างง่ายดาย

น่าเสียดาย วันเวลาเปลี่ยนแปลงผู้คนย่อมเปลี่ยนไป สิ่งที่นางต้องการตอนนี้ กู้โม่หานให้นางไม่ได้อีกแล้ว

เซียงเหลียนมองไปยังเหล่าสาวใช้ที่มารอส่งสลับกับมองหนานหว่านเยียนอีกครั้ง ก็หันกลับไปพูดกับทุกคนว่า “พวกเจ้าไปกันก่อนเถอะ ร่างกายของฮองเฮาเหนียงเหนียงยังไม่ดีนัก วันนี้ไม่ต้องจัดอะไรแล้ว”

“ค่ะ” ทุกคนถอยออกไปอย่างนอบน้อม และยื่นมือมาปิดประตูห้อง

ภายในห้อง เพียงชั่วครู่ก็เหลือแค่สองพี่น้องเซียงอวี้ เซียงเหลียนและหนานหว่านเยียนรวมเป็นสามคน

เซียงอวี้รินชาร้อนให้หนานหว่านเยียนหนึ่งถ้วย และใช้สองมือยกถ้วยชาไปด้านหน้านาง “ขอแสดงความยินดีกับเหนียงเหนียง ตอนนี้ท่านเป็นฮองเฮาแล้ว หลังจากนี้จักรพรรดิจะรักใคร่ท่านมากขึ้นอย่างแน่นอน”

เซียงอวี้นำเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาอย่างระมัดระวัง นำไปวางไว้ในตู้ทีละตัวๆ หันไปมองหนานหว่านเยียนแล้วพูดว่า

“เหนียงเหนียง การจัดเตรียมเมื่อคืนเป็นไปอย่างเร่งรีบ ตอนนี้ท่านมีเวลาว่างโปรดตรวจดูว่ายังขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่ บ่าวคนนี้จะจัดเตรียมให้ท่านเอง”

เมื่อพูดจบ นางก็พบว่ามือของหนานหว่านเยียนลูบคลำอยู่บนท้องของนางอย่างไม่รู้ตัว

เซียงเหลียนคิดไปถึงอาการพะอืดพะอมและอาเจียนอยู่บ่อยๆของหนานหว่านเยียนเมื่อไม่กี่วันมานี้แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว หรือว่าเหนียงเหนียงจะรู้สึกไม่สบายท้อง?

คำพูดอวยพรพวกนี้แม้แต่ประโยคเดียวหนานหว่านเยียนก็ฟังไม่เข้าหู

คำว่าฮองเฮาที่เข้าหูนางทุกคำ นางล้วนรู้สึกระคายหู ภายในใจยิ่งรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก

นางเพียงแค่อยากยืนยันความปลอดภัยของหนูน้อยทั้งสองให้แน่ใจ

จิตใจของนางกระสับกระส่าย มองไปที่ผนังสีแดงด้านนอกประตูแล้วเอ่ยถามออกมา “ตอนนี้หนูน้อยทั้งสองคนอยู่ที่ไหน?”

เซียงอวี้และเซียงเหลียนมองสบตากัน ทั้งสองคนแสดงอาการลังเลออกมา

พาคุณหนูทั้งสองเข้าวังเป็นความเห็นของจักรพรรดิ ถึงแม้พวกนางจะรู้ว่าตอนนี้คุณหนูทั้งสองอยู่ที่ใด แต่ทว่าก็ไม่กล้าให้เหนียงเหนียงไปเยี่ยมเยียนโดยพลการ

เซียงเหลียนกัดริมฝีปากและพูดอย่างเคารพนบนอบ “เหนียงเหนียง ตอนนี้องค์หญิงทั้งสองปลอดภัยดี พักอยู่ในที่ที่จักรพรรดิจัดเตรียมไว้ให้เป็นอย่างดี มีจักรพรรดิอยู่ ท่านไม่ต้องกังวลสิ่งใดเลย”

“ให้บ่าววัดตัวให้ท่านดีกว่า เสื้อคลุมลายหงส์ของท่านจำเป็นต้องสั่งตัด ขนาดตัวต้องแจ้งให้สำนักพระราชวังทราบล่วงหน้า พวกเขาจะได้สั่งคนตัดชุด”

“หมายความว่าอย่างไร?” สีหน้าของหนานหว่านเยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและโกรธเกรี้ยวในชั่วพริบตา น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคม “ตอนนี้ข้าก็เข้าวังมาอย่างที่เขาต้องการแล้ว แต่ทว่าแม้แต่หน้าลูกข้าก็ไม่มีสิทธิได้พบอย่างนั้นหรือ? เขาคิดจะบีบคั้นข้าให้ตายเลยหรืออย่างไร!?”

เซียงอวี้และเซียงเหลียนถูกหนานหว่านเยียนโกรธจนตกใจกลัวขึ้นมา ความเห็นของจักรพรรดิ พวกนางจะกล้าทำตามใจตัวเองโดยพลการได้อย่างไรแต่ท่าทางตอนนี้ของหนานหว่านเยียนมันทำให้พวกนางรู้สึกกลัวอย่างแท้จริง

ทั้งสองคนรีบคุกเข่าลง

“เหนียงเหนียง อย่าคิดเช่นนั้นเลย……”

หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าทั้งสองคนนี้ไม่เข้าข้างตนเองอีกต่อไป ทุกอย่างที่พวกนางพูดก็เพื่อกู้โม่หานทั้งนั้น

นางสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงน้ำเสียงติดจะเย็นชาอย่างถึงที่สุด “อย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้กับข้า แล้วก็อย่าเอาจักรพรรดิจอมตอแหลนั่นมากดดันข้า วันนี้ข้าต้องได้พบหน้าหนูน้อยทั้งสองคน ถ้าหากว่าไม่ได้พบ พวกเจ้าก็เตรียมตัวรับมือได้เลย!!”

เซียงอวี้และเซียงเหลียนหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ฮองเฮาเหนียงเหนียงกล้าหาญมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะกล้าด่าจักรพรรดิ แต่ตอนนี้นั้นไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เหนียงเหนียงไม่สามารถทำแบบนี้กับจักรพรรดิได้อีกต่อไป ต่อให้อยู่ในที่ส่วนตัวนางก็ต้องระมัดระวังคำพูด!

เซียงอวี้สับสนและต้องการปลอบโยนนางจึงเงยหน้าขึ้นมา แต่ทว่าสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างสูงใหญ่กำยำโดยบังเอิญ

ม่านตาของนางขยายกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน นางหวาดกลัวถึงขีดสุด “บ่าวถวายบังคมจักรพรรดิ……”

ทำไมจักรพรรดิถึงมาที่นี่ เขามาตั้งแต่เมื่อไร!?

เช่นนั้นคำพูดเมื่อครูนี้…… คำที่เหนียงเหนียงพูดเมื่อครู่ เขาได้ยินแล้วใช่หรือไม่!?

เซียงเหลียนอุทานขึ้นมา “บ่าวถวายบังคมจักรพรรดิ!!”

หนานหว่านเยียนหรี่ตาลงเล็กน้อย หันกลับไปมองยังประตูก็สบเข้ากับนัยน์ตาที่ดำมืดและเย็นชาคู่นั้นพอดี

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท