ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 613
“เพคะ บ่าวเข้าใจแล้ว”
หลี่หมัวมัวกำลังวางแผนจะไปที่ตำหนักหย่างซิน แต่กลับถูกไทเฮาหยุดไว้อีกครั้ง “ช้าก่อน ตอนนี้หยุนอี่ว์โหรวเป็นยังไงบ้าง?”
นางได้รับข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าหยุนอี่ว์โหรวกำลังตั้งครรภ์ แต่เมื่อครู่ต่อหน้าเยียนเอ๋อร์ นางไม่กล้าพูดถึงเลย กลัวว่าจะไปจี้ใจดำของเยียนเอ๋อร์ ทำให้นางไม่พอใจ
สีหน้าของหลี่หมัวมัวเปลี่ยนไป ดูไม่ค่อยดีนัก
แต่นางก็ยังเล่าอย่างละเอียด “ว่ากันว่าฮ่องเต้ไม่ได้พานางเข้าวัง แต่ขอให้นางคลอดลูกนอกวังแทน แล้วค่อยจัดการ”
“ฮึ” ไทเฮาถอนหายใจอย่างเย็นชา ความโกรธยังซ่อนอยู่ในดวงตาอันเฉียบคม “หยุนอี่ว์โหรวนั่น ข้าไม่ชอบนางมานานแล้ว คอยกันฮ่องเต้ให้ห่างจากนางมาตลอด”
“ผู้หญิงสำส่อนเช่นนี้ เดิมทีข้าต้องการฆ่านางด้วยมือตัวเองด้วยซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อฮ่องเต้ปกป้องนางทุกอย่าง กว่าจะเห็นฮ่องเต้ปล่อยผู้หญิงคนนั้น แล้วค่อยๆ ตกหลุมรักเยียนเอ๋อร์ หยุนอี่ว์โหรวก็มาตั้งครรภ์อีก ข้าจนหนทางจริงๆ”
หลี่หมัวมัวสัมผัสถึงความโกรธของไทเฮา แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
ไทเฮายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อดด่าไม่ได้ “ฮ่องเต้นี่ก็เหมือนกัน คำพูดของข้าทำเป็นหูทวนลม!”
“จนป่านนี้แล้ว ยังไปยุ่งเกี่ยวกับหยุนอี่ว์โหรวนั่นอยู่อีก จนทำให้นางตั้งครรภ์รัชทายาท! ตอนนี้ข้าจะรอดูว่าฮ่องเต้จะเกลี้ยกล่อมเยียนเอ๋อร์ให้กลับมาได้ยังไง! ทำเองก็ต้องยอมรับผลเอง”
นางเข้าใจ ในวังหลังของกู้โม่หานจะมีหนานหว่านเยียนคนเดียวไม่ได้ เพื่อถ่วงดุลอำนาจในราชสำนักในวันข้างหน้า กู้โม่หานต้องรับนางสนมเข้ามาแน่นอน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางก็หวังว่าหนานหว่านเยียนจะเป็นผู้นำของวังหก ไม่มีวันยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่น! หยุนอี่ว์โหรวไม่สามารถนำมาออกหน้าออกตาได้ ความคิดยังมีเจตนาร้าย ขัดหูขัดตานางจริงๆ
หลี่หมัวมัวฟังคำบ่นมากมายจากไทเฮา ก่อนจะมีเวลาไปตำหนักหย่างซินในที่สุด
ส่วนหนานหว่านเยียนก็พาเด็กน้อยทั้งสองออกจากตำหนักบรรทมของไทเฮา เซียงอวี้และเซียงเหลียนก็ตามนางไปด้วย
กลับไปที่หน้าตำหนัก หนานหว่านเยียนต้องการพาสองพี่น้องไปพบโม่หวิ่นหมิง เลยถือโอกาสพูดคุยสิ่งที่ไม่ได้พูดในตอนเช้าด้วย ผลคือเซียงอวี้ห้ามแทบเป็นแทบตาย บอกว่าตอนนี้นางไม่สามารถลงมือทำอะไรได้
ทันทีที่ได้ยินก็รู้ว่ามันเป็นคำสั่งของกู้โม่หาน ผู้ชายสารเลวคนนี้จับผิดนางอยู่เสมอ
“เซียงอวี้ หากเจ้าทำแบบนี้อีกข้าจะโกรธจริงๆ เจ้ายังเห็นข้าเป็นคุณหนูของเจ้าอยู่หรือไม่?”
เซียงอวี้กลัวแทบตาย กัดฟันด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ยอมปล่อยมือ “เหนียงเหนียง บ่าวเป็นคนของท่านตลอดไป แต่ว่า แต่ว่าขณะนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ฮ่องเต้สั่งให้ข้าติดตามดูแลท่านไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ดูแลท่านให้ดี อย่าติดต่อกับคนนอก”
“ท่านอย่าทำให้บ่าวต้องลำบากใจ เห็นว่าท่านสุขภาพไม่ดี บ่าวก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน”
พอเห็นเซียงอวี้กำลังจะร้องไห้ หนานหว่านเยียนก็จิตใจว้าวุ่น แต่แล้วก็ยอมแพ้
กู้โม่หานรู้วิธีบีบนาง นางกัดฟันมองไปทางตำหนักหย่างซิน ดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยพลังอาฆาต “ก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ไป”
ในเวลานี้เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยกลับกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
เกี๊ยวน้อยดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียน พลางถามเสียงเบา “ท่านแม่ สุขภาพไม่ดีแล้วทำไมถึงไปพบท่านปู่หมิงไม่ได้ล่ะ?”
ซาลาเปาน้อยเอียงศีรษะอย่างสงสัย แก้มจ้ำม่ำไหลมากองรวมกัน
“ใช่แล้วท่านแม่ ท่านสุขภาพไม่ดีมันขัดแย้งกับการไปหาท่านปู่หมิงตรงไหนหรือ?”
หนานหว่านเยียนนึกด่ากู้โม่หานในใจเป็นพันครั้งแล้ว แต่ยังคงยิ้มให้เด็กหญิงทั้งสอง
“บางทีเขาอาจจะคิดว่าข้าอ่อนแอโดนลมไม่ได้ ควรนอนพักผ่อนให้สบาย แต่ไม่เป็นไร แม่เองก็ค่อนข้างเหนื่อย”
เด็กหญิงทั้งสองพยักหน้าด้วยความสับสน ในสายตาของเสด็จพ่อ ท่านแม่อ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ?
หนานหว่านเยียนลูบศีรษะของเด็กน้อยทั้งสอง แต่กลับถอนหายใจอยู่ภายในใจ
วันนี้มันฉุกละหุกเกินไปที่จะพบโม่หวิ่นหมิง แม้ว่าจะเกริ่นบอกเขาไว้บ้างแล้ว แต่นางก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจความหมายของนางหรือไม่
นางต้องหาโอกาสติดต่อท่านน้าอยู่เสมอ อีกอย่าง นางยังต้องศึกษาแผนการหลบหนีโดยละเอียด มิฉะนั้นนางจะไม่สามารถร่วมมือได้
ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนก็เกิดความคิดขึ้นมา ก้มหน้าลงจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
กู้โม่หานพูดเพียงว่าไม่อนุญาตให้นางไปหาท่านน้า แต่ไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของเด็กหญิงทั้งสอง!
หนานหว่านเยียนพาเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยเข้าไปในตำหนัก หันไปมองเซียงอวี้และเซียงเหลียนอย่างเย็นชา
“พวกเจ้ารอที่หน้าประตู มีอะไรข้าจะสั่งเอง”
“เพคะเหนียงเหนียง” เซียงอวี้และเซียงเหลียนพยักหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เฝ้ามองหนานหว่านเยียนเข้าไปในตำหนัก ไล่สาวใช้ในวังทั้งหมดออกมา แล้วปิดประตู
ในตำหนักใหญ่ หนานหว่านเยียนหันกลับมาหาพู่กันและกระดาษ ฟุบตัวลงกับขอบโต๊ะ ก้มหน้าจดบันทึกสถานการณ์ในปัจจุบันของนางและแผนการที่จะออกไปอย่างถี่ถ้วน
เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองก็ไม่ได้เข้ามารบกวน รู้ว่าหนานหว่านเยียนมีเรื่องต้องทำ จึงเฝ้าอยู่ทางด้านหนึ่งเล่นสนุกของตัวเองไป รู้กาลเทศะและเฉลียวฉลาด
เพียงครู่เดียวหนานหว่านเหยียนก็จดบันทึกเสร็จ แล้วม้วนมันยัดเข้าไปในขนมอบบนจานในมือ จากนั้นก็ใส่ขนมอบเหล่านั้นทั้งหมดลงในตะกร้า
นางเชื่อว่า คนที่รอบคอบอย่างโม่หวิ่นหมิง จะต้องพบสิ่งเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
หนานหว่านเยียนเรียกสาวน้อยทั้งสองเข้ามา แล้วกำชับเสียงเบา “ตอนนี้แม่ไม่สะดวกไปพบท่านปู่หมิง พวกเจ้าช่วยไปแทนข้าที”
“เอาของว่างเหล่านี้ไปให้ท่านปู่หมิงกิน อยู่เล่นกับท่านปู่หมิงสักพัก แสดงให้เขาดูว่าพวกเจ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างในช่วงนี้ ตกลงไหม?”
ทันทีที่ได้ยินว่าสามารถไปพบโม่หวิ่นหมิงไป ดวงตาของเด็กหญิงทั้งสองก็สว่างไสวขึ้น พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจกัน “ตกลง!”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยถือตะกร้าอาหารกระโดดโลดเต้นออกมาจากตำหนักใหญ่
หนานหว่านเยียนมองด้านหลังของเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอง ในดวงตามีประกายความมืดมน
เนื่องจากกู้โม่หานไม่ได้บอกให้จำกัดการเคลื่อนไหวของเด็กหญิงทั้งสอง เซียงอวี้สองพี่น้องจึงไม่ได้ห้ามไว้
เซียงเหลียนเรียกสาวใช้และองครักษ์เข้ามาหลายคน เพื่อพาเด็กหญิงทั้งสองไปพบโม่หวิ่นหมิง เซียงอวี้ยังคงรออยู่หน้าตำหนักหยูซิน เผื่อเกิดอะไรขึ้น
ในความมืด หลังจากองครักษ์ได้เห็นทุกอย่างแล้ว ก็หันกลับมาด้วยสายตาเย็นชา วิ่งตรงไปยังตำหนักหย่างซิน…