ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 627
เซียงอวี้รีบส่งหวีให้กู้โม่หานทันที “เพคะ”
หลังจากนั้น นางก็ถอยไปอยู่ข้างๆ นางกำนัลรับใช้สองคนนั้น มองดูกษัตริย์ของแคว้น หวีผมให้หนานหว่านเยียนอย่างเงอะๆ งะๆ เล็กน้อยเงียบๆ
หนานหว่านเยียนรำคาญเล็กน้อย แต่เพื่อท่านน้า นางถึงได้อดทนเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมลายหงส์ และฝืนใจยอมให้ความร่วมมือในการทำผม เพราะถึงอย่างไรเสียก็เป็นหนึ่งในกระบวนการ แต่ว่า……
“ท่านทำผมไม่เป็นเสียหน่อย มาเล่นสนุกอะไรกัน?”
นี่ไม่ใช่การทรมานนางหรือ?
“ไม่ลองดู แล้วจะรู้ได้อย่างไร” แววตาของกู้โม่หานอมยิ้ม นิ้วเรียวยาวขาวผ่องกำลังม้วนผมยาวสลวยของหนานหว่านเยียนอยู่
การเคลื่อนไหวไม่ชำนาญอยู่บ้าง แต่กลับละเอียด ระวัง และตั้งใจอย่างยิ่ง
“เจ้าอย่าขยับ ระวังเจ้าจะเจ็บเอา”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว แต่ผมก็อยู่ในมือเขาหมดแล้ว นางเองก็ไม่ได้ต่อต้าน
มวยผมไม่ได้ทำกันง่ายๆ ยิ่งเป็นกู้โม่หานบุรุษหยาบกระด้างที่ขลุกตัวอยู่ในค่ายทหารมาตลอดทั้งปี ฝีมือของเขาไม่ช่ำชอง แต่อาจจะเคยทำการบ้านมาก่อน ถึงได้ทำมวยผมออกมาเป็นรูปเป็นร่างยิ่งนัก
ประดับด้วยปิ่นหยกสองสามอัน สุดท้ายเขาหยิบปิ่นดอกเหมยระย้าสีทองออกมา หนีบไว้บนศีรษะของหนานหว่านเยียนเบาๆ ช่วยขับให้ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามของหนานหว่านเยียนเด่นขึ้น สวยเพียบพร้อมเป็นพิเศษ
กู้โม่หานจ้องมองหนาหว่านเยียนในกระจก เอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “สวย”
ปิ่นระย้านี้เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเลือกเป็นพิเศษก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าเหมาะกับนาง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเหมาะสมถึงเพียงนี้ เขายิ้มลึกซึ้ง “หว่านเยียน พรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในใต้หล้าเป็นแน่”
เหล่านางกำนัลรับใช้ที่รออยู่ข้างๆ อิจฉาจนตาร้อนผ่าว เสียใจอย่างยิ่ง
โดยทั่วไป พ่อค้าที่ร่ำรวย จะไม่ยอมลดสถานะลงเพื่อแต่งตัวหวีผมให้กับภรรยาของตนเองดอก แต่ฝ่าบาทที่เป็นถึงเจ้าเหนือหัว กลับสามารถทำเช่นนี้ให้กับฮองเฮาได้ เรียกได้ว่าเป็นความตั้งใจจริง เป็นความโปรดปรานที่ล้ำเลิศ!
“ฝ่าบาทรักฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างสุดซึ้งจริงๆ ถึงได้แต่งตัวให้เหนียงเหนียงดูละลานตาเช่นนี้”
“นั่นสิๆ ฝ่าบาทเก่งกาจยิ่งนัก!”
เซียงอวี้มองหนานหว่านเยียนอย่างอดไม่ได้ หวังว่านางจะชอบ
ใบหน้างดงามขาวบริสุทธิ์ของกู้โม่หานเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีไม่น้อย จ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาเปล่งประกาย เหมือนกับว่ารอนางตอบรับ
หนานหว่านเยียนมองดูตัวเองในกระจกสีหน้าเรียบเฉย งดงามจริงๆ ทั้งยังสง่างามและมั่นคง ฝีมือทางด้านความงามของกู้โม่หานไม่เลวเลย
ทว่า ทันใดนั้นนางก็ถอดปิ่นระย้าบนศีรษะออก เก็บไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เอ่ยเย้าหยอกเสียงเรียบเฉย “ปักจนรกรุงรังเช่นนี้บนหัวข้าทำอันใดกัน ขายปิ่นปักผมหรือ? หรืออยากให้ข้าเหนื่อยตาย?”
“หากฝ่าบาทว่างจนไม่มีอะไรทำ แล้วชอบเกล้าผมให้สตรีถึงเพียงนี้ เช่นนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดในวังก็คือสตรี ท่านเลือกมาสักอย่างเถิด ไม่ต้องเป็นฮ่องเต้แล้วกระมัง”
ได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้ากู้โม่หานก็หุบลงทันที ราวกับถูกคนชกหนักๆ สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย
เขาจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวก็กำแน่นเล็กน้อย
นางกำนัลรับใช้สองคนนั้นถูกทำให้ตกใจกลัวจนตัวสั่น รีบหมอบลงตัวสั่นงันงก แทบไม่กล้าหายใจ
เหนียงเหนียงแต่งตัวเช่นนี้ สวยงามจริงๆ แต่เหตุใดเหนียงเหนียงถึงได้พูดทำร้ายจิตใจฝ่าบาทถึงเพียงนี้……
หนานหว่านเยียนกลับไม่สนใจคนอื่น นางลุกขึ้น จ้องมองกู้โม่หานด้วยสายตาเย็นชา
“เสื้อคลุมลายหงส์ก็ใส่แล้ว ผมก็ให้ท่านทำตามที่ต้องการแล้ว ท่านสมใจหวังแล้วหรือยัง?”
“กู้โม่หาน ข้าพูดด้วยความจริงใจ ขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย ใครๆ ก็เป็นฮองเฮาของท่านได้ แต่ข้าไม่เป็น”
“หากท่านยังบีบบังคับให้ทำต่อไปอยู่เช่นนี้ ยังนำหนูน้อยทั้งสองคน หรือท่านน้าของข้ามาบีบบังคับข้าต่อไป สุดท้าย จักได้รับเพียงศพของข้าเท่านั้น!”
“เหนียงเหนียงไม่……” เซียงอวี้ที่อยู่ข้างๆ ไม่สบายใจ เหงื่อไหวพลั่กไม่หยุด
นางมองกู้โม่หานอย่างหวาดกลัวแวบหนึ่ง เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานดูดุร้าย เคร่งขรึมและน่ากลัว
เขาโอบกอดนางเข้าสู่อ้อมกอด สายตาเต็มไปด้วยความโกรธอันรุนแรง
“หนานหว่านเยียน ทางที่ดีเจ้าอย่ามีความคิดเช่นนี้จะดีกว่า หากเกิดเรื่องขึ้นมา ข้าคงทำใจลงมือกับเจ้าไม่ลง แต่คนอื่น ข้าคงลงมือโดยไม่มีความปรานีใดๆ !”
นางกัดฟันดิ้นรนขัดขืน แต่เขากลับยิ่งกอดแน่นขึ้น ราวกับว่าจะกอดนางเข้าไปในร่างเขา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าโกรธยิ่งนัก ในนัยน์ตาดำมืดราวกับยามค่ำคืนเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง เอ่ยเตือนนางอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่ให้บุ่มบ่าม
“หว่านเยียน อย่าท้าทายความอดทนของข้า เจ้าเองก็รู้ว่าข้าเลวทรามต่ำช้า หากยั่วจนเกิดโทสะจริงๆ ข้าจักทำให้เกิดเรื่อง และควบคุมตัวเองก็ไม่ได้เป็นแน่”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว จ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น “ท่านเองก็อย่ารังแกคนอื่นเกินไปนักเลย ข้าเป็นคน ไม่ใช่หุ่นกระบอกของท่าน ที่อยากบงการอย่างไรก็ได้”
มีเหตุผลอะไรที่พอเขาเกลียดนาง นางก็ต้องไสหัวไป
และมีเหตุผลอะไร พอเขาชอบนาง นางก็ต้องให้เขาชอบอย่างเชื่อฟังกัน?
พูดไปหลายร้อยรอบแล้ว ว่านางต้องการแยกทางกับเขา
เขาไม่ได้พูดกับนางอีก จากนั้นก็ปล่อยมือ กวาดตามองเหล่านางกำนัลรับใช้ที่อยู่ในตำหนักด้วยแววตาโหดเหี้ยม เสียงเย็นยะเยือกราวกับว่าฆ่าคนได้
“วันนี้ พวกเจ้าจักเฝ้าฮองเฮาให้ดีๆ !”
“ห้ามให้นางก้าวออกไปจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว และห้ามให้นางเจอผู้ใดเด็ดขาด! ผู้ที่ฝ่าฝืนรับสั่ง จักถูกประหารโดยไม่ลดหย่อนโทษใดๆ ! หากฮองเฮาฝ่าฝืนและต่อต้านพระราชโองการ ก็ส่งท่านน้าหลวงออกไปได้เลย และไม่อนุญาตให้นางเจอกับองค์หญิงน้อยทั้งสองอีก”
หนานหว่านเยียนโมโหอย่างสุดขีดขึ้นมาทันที “กู้โม่หาน คนสารเลว! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าและลูกเช่นนี้?!”
สาวใช้สองคนตอบรับด้วยความกลัวจนตัวสั่น “เพคะ!”
เขาม้วนเสื้อคลุมมังกร พลางสะบัดแขนเสื้อ กู้โม่หานระงับความโกรธเอาไว้ แล้วหันหลังเดินออกไปจากตำหนักหยูซิน
หนานหว่านเยียนจะตามออกไป แต่กลับถูกนางกำนัลรับใช้ขวางเอาไว้อย่างสุดกำลัง เธอเตะม้านั่งที่อยู่ข้างๆ จนล้มด้วยความโกรธ
“กู้โม่หาน ท่านทำกับข้าเช่นนี้ จักต้องนึกเสียใจเป็นแน่!”
ผู้ชายสารเลว ไม่รู้จักเคารพคนอื่นสักนิด นางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ จะอยู่ในอาณาเขตของเขาไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจักต้องถูกเขาควบคุมไปชั่วชีวิตเป็นแน่!
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง……” เซียงอวี้ตกใจอย่างยิ่ง รีบเข้าไปปลอบขวัญหนานหว่านเยียนทันที
หนานหว่านเยียนไม่อยากฟัง แต่ก็ออกไปไม่ได้ จึงเตะหีบทั้งหมดที่ส่งมาเมื่อเช้าด้วยความโกรธ จนกระทั่งเตะหีบที่อยู่ในมุมเสร็จ นางถึงได้หยุดทันที
ทันทีหลังจากนั้นก็ให้นางกำนัลรับใช้ทั้งหมดถอยออกไป เซียงอวี้ที่อยากอยู่เป็นเพื่อน ก็ถูกไล่ออกไปเช่นกัน
โชคดี ที่ในเวลาต่อมา หนานหว่านเยียนก็ไม่ได้ออกจากตำหนักหยูซินอีกเลยจริงๆ
กู้โม่หานเองก็ไม่ได้ปรากฏตัว เขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับพิธีมอบบรรดาศักดิ์ในวันพรุ่งนี้
ไม่นาน ก็ถึงวันพิธีมอบบรรดาศักดิ์แล้ว
หนานหว่านเยียนถูกบังคับให้แต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ นางนั่งอยู่หน้ากระจก มีนางกำนัลรับใช้หลายคนล้อมรอบ แต่ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจเฉกเช่นเมื่อวาน กดดันจนเงียบสงัดไปตลอดการแต่งตัว
สีหน้าของหนานหว่านเยียนดูไม่ดียิ่งนัก ริมฝีปากแดงราวกับเลือด ผิวหนังที่เดิมทีขาวผ่องอยู่แล้วของนางก็ยิ่งเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น
เซียงอวี้หวีผมแต่งหน้าให้หนานหว่านเยียนด้วยความกลัวจนใจเต้นรัว กลัวว่าหนานหว่านเยียนจะก่อเรื่องอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าวันนี้หนานหว่านเยียนที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ กลับไม่ได้มีแนวโน้มที่จะต่อต้านใดๆ ไม่ค่อยเหมือนกับ ฮองเฮาเหนียงเหนียงที่ประกาศศักดายอมตายดีกว่ายอมแพ้เมื่อวานนี้เลย
เพียงแต่เซียงอวี้ไม่ได้คิดใคร่ครวญจริงๆ เพียงคิดว่าหนานหว่านเยียนยอมแพ้แล้ว
หนานหว่านเยียนกลับไม่ได้คิดเช่นนี้ นางเพียงแค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น สมองของกู้โม่หานนั้นมีปัญหา หากยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น นางเองก็คงยากที่จะเลี่ยงความผิดพลาด
หลังจากหวีผมแต่งหน้าที่ขั้นตอนซับซ้อนเรียบร้อยแล้ว เซียงอวี้ก็ประคองหนานหว่านเยียนที่แต่งตัวเสร็จแล้ว เดินออกไปจากตำหนักหยูซินอย่างช้าๆ
ออกมาจากตำหนักแล้ว หนานหว่านเยียนก็พบว่า การป้องกันในวังเข้มงวดกวดขันกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก
นางกำเสื้อคลุมลายหงส์แน่นอย่างระงับอารมณ์ จู่ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจก็พรั่งพรูออกมา
และไม่รู้ว่า วันนี้จะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่……
หนานหว่านเยียนถูกพามาส่งข้างๆ กู้โม่หาน
กู้โม่หานสวมเสื้อคุมมังกร ซึ่งบนเสื้อปักมังกรสีทองห้านิ้วเก้าตัวอย่างประณีตงดงาม แสดงถึงความสูงศักดิ์และน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
เขาเห็นหนานหว่านเยียน ก็ไม่ลังเล และจับจับมือหนานหว่านเยียนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ราวกับว่าได้ลืมความเศร้าเมื่อวานไปแล้ว เพียงแค่วันนี้นางยอมเข้าร่วมพระราชพิธี ไม่ว่าอะไรเขาก็ทนได้ทั้งนั้น
เขาเอ่ยขึ้นเสียงเบาและอ่อนโยน “หว่านเยียน วันนี้ เจ้างดงามอย่างยิ่ง”
“ทางไม่ยาวนัก เจ้าตามข้ามานะ”
หนานหว่านเยียนหน้านิ่งเฉย ราวกับว่าเป็นหุ่นกระบอก ที่ถูกกู้โม่หาน จูงไปยังทางเบื้องหน้า
ทั้งสองข้างทาง สายตาของผู้คนจำนวนมากล้วนจับจ้องฮ่องเต้องค์ใหม่กับฮองเฮาข้างกาย
ช่างเหมาะสมกันดีจริงๆ
เขาจูงหนานหว่านเยียน ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บนใบหน้าของกู้โม่หานเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี แต่พอเดินผ่านโม่หวิ่นหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของก็กู้โม่หานเย็นยะเยือกเล็กน้อย
คนใกล้ตัวโม่หวิ่นหมิง ถูกเขาส่งคนไปจับตาดูแล้ว
วันนี้ เขาจะไม่ให้โอกาสโม่หวิ่นหมิง พาหนานหว่านเยียนไปเด็ดขาด——