ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 637
สีหน้าโม่หลีชะงัก แต่โม่หวิ่นหมิงกลับพาซาลาเปาน้อยไปก่อนทันที
โม่หลีก็ไม่ปิดบังต่ออีก ฉีกหนังขาวแผ่นบางออกจากหน้า เผยโฉมหน้าจริงออกมา
นัยน์ตาของหนานหว่านเยียนเบิกกว้าง ด้วยความตกใจทันที
อันที่จริงรูปลักษณ์ของโม่หลีไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่เค้าโครงลึกกว่าเดิม คล้ายกับนางห้าหกส่วน แค่มองโฉมหน้าจริงก็รู้ว่าเกี่ยวข้องกับนางทางสายเลือด
และสีดวงตาของเขาพิเศษมาก เป็นสีทอง น่าดึงดูดอย่างยิ่ง
โหนกแก้มสูงแหลมคมจนใบหน้าดูหัวแข็งดื้อรั้น เหมือนหมาป่าขาวบนยอดเขาหิมะ
ลู่ยวนหลีจ้องมองหนานหว่านเยียนที่ตกตะลึง ยกยิ้มและพูดว่า “ข้าคือลู่ยวนหลี องค์ชายรองแห่งแคว้นต้าเซี่ย และเป็นหวยซื่ออ๋องของแคว้นต้าเซี่ยด้วย เดิมคิดว่ากลับแคว้นต้าเซี่ยแล้วค่อยบอกกับเจ้า ไม่คิดว่าตอนนี้จะถูกเจ้าพบเข้าแล้ว”
“เจ้า เป็นหวยซื่ออ๋องของแคว้นต้าเซี่ย?!”
ลมหายใจของหนานหว่านเยียนสะดุดทันที มองลู่ยวนหลีอย่างเหลือเชื่อ ทันใดนั้นเบาะแสมากมายที่มีอยู่ในใจราวกับถูกต้องทั้งหมด
“งั้นเจ้ามีความสัมพันธ์อะไร กับท่านแม่ข้า”
“ฉลาดจริงๆ” ลู่ยวนหลีลูบแหวนบนนิ้วมือตามความเคยชิน มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “มารดาเจ้าคือพระปิตุจฉาของข้า เป็นองค์หญิงฉางฮวนแห่งแคว้นต้าเซี่ย เป็นฝาแฝดกับเสด็จแม่ข้า”
“และเจ้า คือสายเลือดบริสุทธิ์แห่งราชวงศ์แคว้นต้าเซี่ย บุตรีขององค์หญิงฉางฮวน เป็นน้องสาวของข้า แคว้นต้าเซี่ยจวิ้นจู่ และเป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นต้าเซี่ยในอนาคต!”
ในเวลานั้นนางตกตะลึงอ้าปากค้าง หน้ามืดตาลายด้วยความตกใจ “อะ อะไรนะ?!”
นางรู้ว่า ภูมิหลังของนางอาจไม่ธรรมดา แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ของแคว้นอื่น หรือเป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นต้าเซี่ยในอนาคตจริงๆ นะ นี่…
นางไม่ใช่บุตรีขององค์หญิงรึ มากสุดก็เป็นแค่จวิ้นจู่ ทำไมถึงเป็นจักรพรรดินีในอนาคตไปได้
แล้วไท่เฟยล่ะ องค์หญิงของแคว้นต้าเซี่ยมีเพียงสองพระองค์ คนหนึ่งเป็นจักรพรรดินีของแคว้นต้าเซี่ย อีกคนเป็นมารดาของนาง แต่ในนามของไท่เฟยคือองค์หญิงสมรสที่มายังแคว้นซีเหย่ ตัวตนที่แท้จริงของนางคืออะไร…
เมื่อยี่สิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กู้โม่หานกับนางมีความสัมพันธ์อะไรกัน
ลู่ยวนหลีมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาร้อนแรง แต่มันเป็นความร้อนแรงแบบครอบครัว เป็นความรักและความสงสารที่มีต่อน้องสาวหนานหว่านเยียนผู้นี้
“เจ้าไม่ต้องสงสัยไป เดิมพระปิตุจฉาสืบราชบัลลังก์ เจ้าจึงเป็นองค์หญิงของแคว้นต้าเซี่ย แต่เมื่อยี่สิบปีก่อนเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้น…ตอนนี้จึงไม่มีองค์หญิงในราชวงศ์แคว้นต้าเซี่ย เจ้าคือบุตรีขององค์หญิงฉางฮวน การสืบทอดแคว้นต้าเซี่ยต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ตามข้ากลับไปเถอะ แคว้นต้าเซี่ยยังมีพี่ชายอีกสี่คนรอเจ้าอยู่ พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะพบเจ้าแล้ว”
“และเสด็จแม่ก็อยากเจอเจ้ามากเช่นกัน เมื่อรู้ว่าหลายปีมานี้เจ้ามีชีวิตยากลำบาก เสด็จแม่ก็โกรธมาก ดังนั้น ข้าจึงมา รับเจ้ากลับบ้าน”
สีหน้าหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไป ลำคอขดเกร็ง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ลู่ยวนหลีโอบหนานหว่านเยียนไว้ในอ้อมแขน พูดด้วยน้ำเสียงปวดใจมาก “หลายปีมานี้ ลำบากเจ้าแล้ว แต่เจ้าวางใจได้ อีกไม่นานความเจ็บปวดพวกนี้จะจบลงแล้ว ใครที่ทำร้ายเจ้า แคว้นต้าเซี่ยจะไม่มีทางปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
ในตอนที่นางมองไม่เห็น ดวงตาอ่อนโยนแฝงความสงสารเมื่อครู่ ก็กลายเป็นกระหายเลือด บ้าดีเดือด ไม่แพ้กู้โม่หานเลย
เมื่อนางได้ยินคำพูดของลู่ยวนหลี ก็รู้สึกใจอ่อนยวบ
ที่แท้นางในแดนต่างโลกนี้ ยังมีที่ให้กลับไป แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็อบอุ่นทำให้อุ่นหัวใจ
ตอนนี้นางรู้สึกโล่งใจเช่นกัน ตอนยังไม่เห็นโฉมหน้าจริงของเขา นางกับเด็กทั้งสองคนก็รู้สึกว่าลู่ยวนหลีดูคุ้นเคย และอบอุ่นมาก
ที่แท้ เขาคือพี่ชายแท้ๆ มีสายเลือดเดียวกันกับตนเอง มิน่าล่ะ…
นางรู้สึกแสบจมูกทันที “แต่เกี๊ยวน้อยไม่ได้ถูกพาออกมาด้วย ข้าตัดใจไปก่อนไม่ได้จริงๆ”
นางยังไม่เคยลิ้มรสความเจ็บปวดของการพลัดพรากระหว่างแม่ลูก ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยเป็นฝาแฝด ยิ่งไม่อาจทนรับความทรมานจากาการพลัดพรากกันได้
ลู่ยวนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้ากลับไปแคว้นต้าเซี่ยก่อน ข้าจะคิดหาวิธีพานางออกมาเอง”
นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ผลักลู่ยวนหลีออกไป และอาเจียนอย่างแรง
สีหน้าลู่ยวนหลีเปลี่ยนไป ตบหลังนางอย่างประหม่า “เจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายใจตรงใดหรือไม่ เขาจะเรียกหมอมา”
“ไม่ ไม่ต้อง” หนานหว่านเยียนอาเจียนจนหน้ามืดตาลาย หลังจากอาเจียนจนเสร็จก็มองลู่ยวนหลีด้วยน้ำตาคลอเบ้า ใช้มือขวาลูบท้องน้อยของตนเอง
“ที่จริง…ข้าตั้งครรภ์อยู่ สุขภาพจึงค่อนข้างแย่ หากต้องเร่งเดินทาง เกรงว่าจะอุปสรรคต่อทุกคน”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ข้าจะไม่กลับแคว้นต้าเซี่ยในตอนนี้ รอข้าหาโอกาสติดต่อหวงไท่เฟย รับเกี๊ยวน้อยกลับมาหาข้า ก็จะไปทันที”
“เจ้าตั้งครรภ์อยู่รึ” ลู่ยวนหลีตกตะลึง จ้องมองท้องของนางที่เห็นว่ากำลังตั้งครรภ์ “เจ้า เจ้าไม่ชอบไอ้หมอนั้นมิใช่รึ กี่เดือนแล้ว นี่มันเกิดเรื่องขึ้นเมื่อใดกัน?”