ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 641
หยุนอี่ว์โหรวหน้าซีดในทันที“ฮ่องเต้ โหรวเอ๋อร์มิได้หมายความว่าเยี่ยงนั้น…”
เขามิอยากฟัง พูดเสียงเยือกเย็นว่า :“คืนที่บอกให้เจ้าท้องนั้น คือความผิดคาด เป็นข้าที่ทำผิดต่อเจ้าจริงๆ”
“ทารกในครรภ์ของเจ้า หากอยากให้คนเอาออกก็ย่อมได้ ข้าจะชดเชยให้เจ้า ส่งเจ้าไปที่ที่มิมีใครรู้จัก เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครา”
ความสัมพันธ์ของเขากับนาง ได้มลายหายไปตั้งแต่ที่จวนอ๋องแล้ว
เขาเคยปกป้องนางแบบมิสนใจสิ่งใด จะมีใครคาดเดาได้ นางจะทำตัวเหลือทนเช่นนี้ ยืมมือเขาทำเรื่องชั่วช้ามากมาย เขามิสามารถมองนางว่าจิตใจดีและอ่อนโยน เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาจากน้ำและไฟได้อีกต่อไป
หากมิใช่เพราะติดหนี้ชีวิตนาง และมีความสัมพันธ์กับนางจนท้องนั้น เขาคงละอายใจต่อนาง เกรงว่าแม้แต่พูดคุยกับนางเขาก็มิอยากคุย
อะ อะไรนะ?!
ปี้หยุนรู้เพียงว่าหัวใจนางรู้สึกหวาดกลัว
ฮ่องเต้ถึงกับคิดที่จะฆ่าทายาทมังกรในท้องของหยุนอี่ว์โหรวเลยหรือ?!
นี่…แบบนี้มันมิถูกนี่!
นางมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวอย่างประหม่า เห็นว่าหยุนอี่ว์โหรวก็หน้าซีดมิแพ้กัน
หยุนอี่ว์โหรวตกตะลึงอย่างมาก แต่นางก็ตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว กัดปากตน น้ำตาไหลอย่างเงียบๆ ความเสียใจและความผิดหวังในดวงตานั้นเกินจะบรรยาย
“ฮ่องเต้ โหรวเอ๋อร์มิมีทางที่จะทำแท้งเด็กคนนี้แน่ ท่านพึ่งจะสูญเสียองค์หญิงน้อยไป เสียใจนั้นเป็นเรื่องธรรมดา โหรวเอ๋อร์เข้าใจความเจ็บปวดในใจของท่าน”
“แต่ว่า ท่านจะนำความเจ็บปวดนี้มาไว้ที่ลูกของพวกข้ามิได้ เด็กในท้องของโหรวเอ๋อร์ก็ต้องการเสด็จพ่อเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น โหรวเอ๋อร์เข้าวังในครานี้ก็เป็นเพราะไทฮองไทเฮาเรียกมา มิมีอำนาจมากพอที่จะปฏิเสธได้อยู่แล้ว และอีกอย่าง โหรวเอ๋อร์มิได้เจอท่านมานานแล้ว แค่อยากจะอยู่เคียงข้างท่านก็เท่านั้น ท่านต้องการจะปฏิเสธเชียวหรือ?”
กู้โม่หานมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวตามิกะพริบ ความอ่อนโยนในอดีตได้หายไปนานแล้ว เหลือเพียงความเฉยเมยเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“ข้าเคยบอกเจ้าไปนานแล้ว ข้างกายของข้านั้น นอกจากหว่านเยียนแล้วก็มิต้องการใครทั้งนั้น”
“หากเจ้ามิมีสิ่งใดจะพูดอีก ก็เตรียมตัวออกจากวังไปเถิด”
หยุนอี่ว์โหรวมองกู้โม่หานอย่างมิยอม ทนฝืนใจ จู่ๆ ก็คุกเข่าลงต่อหน้ากู้โม่หาน
นางกัดฟัน จ้องมองชายผู้นั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตนว่า“ฮ่องเต้ โหรวเอ๋อร์ขอร้องท่าน อย่าไล่โหรวเอ๋อร์ไปเลยได้หรือไม่?”
“โหรวเอ๋อร์สาบาน จะมิมารบกวนท่านอีก ท่านมิอยากพบหน้าโหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์ก็จะหลบท่าน ซ่อนตัวไว้ ทำตัวเป็นอากาศในวังนี้ มิขวางสายตาท่าน เพียงแค่ขอร้องท่านให้โหรวเอ๋อร์ได้อยู่ต่อ!”
“อีกอย่าง ในช่วงเวลาสำคัญเยี่ยงนี้ ถึงท่านจะส่งโหรวเอ๋อร์ไป ไทฮองไทเฮาก็จะต้องทำทุกวิถีทางที่จะหาหญิงอื่นส่งมาให้ท่านอยู่ดี ฮ่องเต้กตัญญูเป็นที่สุด แต่อีกใจก็รักเพียงแต่ฮองเฮาเหนียงเหนียง ทุกวันต้องจัดการผู้หญิงมิซ้ำกันนั้น ท่านก็ต้องเหนื่อยมากใช่หรือไม่?”
ปี้หยุนมองหยุนอี่ว์โหรวที่คุกเข่าอยู่ ปวดใจจนต้องคุกเข่าลงด้วย“เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงท่านได้ตั้งครรภ์อยู่ รีบลุกขึ้นเถิด”
แม้นางจะกลัวกู้โม่หานมาก แต่ตอนนี้ หากนางยังมิช่วยหยุนอี่ว์โหรวพูดนั้น ก็จะต้องถูกไล่ออกจากวังจริงๆ แน่
“ฮ่องเต้ เหนียงเหนียงทำไปเพราะหวังดี ขอฝ่าบาทเห็นแก่ลูกในท้องของเหนียงเหนียง ทำให้เหนียงเหนียงสมหวังเถิด!”
กู้โม่หานครุ่นคิดหนัก
ใบหน้าที่เย็นชาของเขามีแสงเข้มที่สว่างวาบ ดวงตาที่เย็นชาทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าเขานั้นรู้สึกเยี่ยงไร
สิ่งที่หยุนอี่ว์โหรวเอ่ยมานั้นมิผิด ช่วงเวลานี้ ไทฮองไทเฮาส่งคนมามิน้อย
และเขาก็รำคาญมานานแล้ว
ก่อนที่จะพบเจอกับหว่านเยียน เก็บหยุนอี่ว์โหรวไว้อาจจะเป็นอาวุธที่ดีก็เป็นได้
“ข้าสามารถให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ในตอนนี้”
“แต่เจ้าฟังให้ดี ข้ามิชอบพอเจ้า หากเจ้ายังยืนกรานที่จะคลอดเด็กคนนี้ ข้าก็จะมิว่าอันใด”
“รอเด็กคลอดออกมาเมื่อไร เจ้าก็พาเด็กไปด้วยกันเลย ข้ายืนยันว่าชีวิตนี้ของเจ้าจะร่ำรวย ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้า หากพบฮองเฮาก่อนที่เด็กนี่จะกำเนิด เจ้าต้องรีบออกจากวังไปทันที…หยุนอี่ว์โหรว เจ้าก็คิดซะว่าข้าหมดรักแล้ว คิดซะว่าข้าเป็นคนเลวไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“ในสายตาข้า นอกจากฮองเฮาแล้ว ก็มิคิดจะรับหญิงอื่นอีก”
เป็นเขาที่เลวเอง ผิดสัญญาต่อหนานหว่านเยียน แต่ให้เด็กนั้นเสียไปเขาตัดสินใจมิได้จริงๆ ยังไงเสียก็เป็นหนึ่งชีวิต หรือว่าจะเป็นความรับผิดชอบของคนเลวอย่างเขา มิอาจจะมอบความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่หยุนอี่ว์โหรวได้
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ ก็คือให้หยุนอี่ว์โหรวและเด็ก จากไปพร้อมกัน
ได้ยินเช่นนี้ ใจของหยุนอี่ว์โหรวราวกับถูกสัตว์ร้ายกัดกิน เจ็บปวดเหลือเกิน
มิกล้าคิดจริงๆ ว่ากู้โม่หานในบัดนี้จะชอบหนานหว่านเยียนถึงเพียงนี้! แม่ทัพหนุ่มผู้ที่เคยมีความรับผิดชอบมากที่สุด บัดนี้เพื่อหนานหว่านเยียนแล้ว แม้แต่ลูกและเมียของตัวเองก็มิต้องการแล้ว!
นางปิดกั้นใจตนเอง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียว ซ่อนความมิเต็มใจและความริษยาไว้
แต่นางต้องอดกลั้นไว้ นางได้เข้าวังมาแล้ว อยู่ห่างจากเป้าหมายของนางเพียงแค่ก้าวเดียว ใครจะรู้ว่าเวลาที่เหลือเจ็ดเดือนนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
ก็เหมือนกับเจ็ดเดือนก่อนหน้า นางเป็นถึงคุณหนูที่สูงส่ง และหนานหว่านเยียนนั้นเป็นเพียงชายาที่ไร้อำนาจในเรือนเย็นเท่านั้น!
หยุนอี่ว์โหรวเงยหน้าขึ้นพร้อมฝืนยิ้ม ปากที่มิมีสีเลือดของนางได้ขยับ“โหรวเอ๋อร์ เข้าใจแล้ว”
“ลุกขึ้นเถิด”กู้โม่หานขยับปากของเขาอย่างเยือกเย็น“เข้ามา ส่งพระชายารองหยุนไปที่ตำหนักกวนโม่”
เสียงเงียบลง เสิ่นอี่ว์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกของห้องโถง ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับองครักษ์สองสามคน
“พะยะค่ะ ฮ่องเต้!”มีองครักษ์สองคนตอบรับอย่างรวดเร็ว และพาหยุนอี่ว์โหรวและปี้หยุนจากไปพร้อมกัน
รอพวกเขาเดินจากไปไกลแล้ว กู้โม่หานมองไปที่ห้องนอนด้วยความรังเกียจ
ใบหน้าที่เย็นชาและไร้ความปรานีของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง“โยนห้องทุกอย่างในห้องที่ถูกแตะต้องแล้วทิ้งไปซะ แล้วเอาของใหม่เข้ามาแทน!”
หากหว่านเยียนรู้ว่าหยุนอี่ว์โหรวเคยมาที่นี่ นางจะต้องโกรธเป็นแน่
คนที่เหลือตอบรับ และรีบเข้ามาขนย้ายของทันที
หน้าห้องโถง กู้โม่หานมองดวงจันทร์ด้วยความเงียบและเยือกเย็น ดวงตาสั่นไหว
เขามองไปที่เสิ่นอี่ว์ที่อยู่ด้านข้าง“ตามข้าไปดูองค์หญิงที่ตำหนักหยูซิน”
“พะยะค่ะ ฮ่องเต้”เสิ่นอี่ว์เดินตามกู้โม่หานไป กลับพบว่าจู่ๆ กู้โม่หานก็หยุดเดิน บนใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้น กลับมีความลังเลบางอย่างอยู่
เขาขมวดคิ้ว เหมือนกับว่าเข้าใจความในใจของกู้โม่หาน
สองเดือนที่ผ่านมานี้ องค์หญิงอานผิงก็มิได้ให้ความสนใจฮ่องเต้มากนัก
ทุกๆ วัน นางจะกระโดดโลดเต้นในตำหนักหยูซิน และมักจะหาโอกาสหนีออกนอกวังเสมอ ทุกครั้งที่ถูกจับได้ องค์หญิงอานผิงจะทะเลาะกับฮ่องเต้ใหญ่โตเสมอ
เกรงว่าฮ่องเต้จะเป็นกังวล หากตอนนี้เขาไปหานั้น องค์หญิงจะต้องโกรธอีกคราแน่
เสิ่นอี่ว์ก้าวไปด้านหน้า โค้งคำนับให้กู้โม่หานและเอ่ยว่า“ฮ่องเต้ ก่อนหน้านี้เซียงอวี้มารายงานว่า องค์หญิงอานผิงนอนหลับไปแล้วพะยะค่ะ”
“นอนหลับไปแล้วหรือ”กู้โม่หานพึมพำถาม นิ้วเรียวของเขาลูบปลายแหวน จากนั้นก็เดินต่อไปยังตำหนักหยูซิน
ในตำหนักด้านข้าง เกี๊ยวน้อยนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ ใบหน้าที่สวยงามน่ารักกำลังตึงเครียดและขมวดคิ้วอยู่
กู้โม่หานห่มผ้าให้นางอย่างเบามือ ลูบหลังนางด้วยความรักและความอ่อนโยน จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเกี๊ยวน้อยกระซิบกระซาบมาจากในความฝันของนาง
“ท่านแม่…ท่านแม่…”
“ซาลาเปาน้อย ท่านแม่ พวกท่าน พวกท่านอยู่ที่ใด…”
ฝ่ามือของกู้โม่หานกระชับขึ้น ความเจ็บปวดในใจของเขายาวนานมิมีท่าทีจะลดลง
ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง รอยแผลเป็นที่น่าตกใจบนข้อมือของเขา ดูเหมือนจะถูกจารึกไว้ด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด
เห็นท่าทางของลูกสาวที่เศร้าเสียใจ หลังจากนั้นมินาน เขาก็ได้เอ่ยกระซิบว่า“นอนเถิด พวกนางจะต้องกลับมาแน่…”